เมื่อเมืองมีเครื่องมือสื่อสารที่ดี
เชื่อมประชาชนกับเทศบาลได้ชัดเจน
รวมถึงความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ผลลัพธ์จึงสะท้อนออกมาเป็นเมืองที่สะอาดและน่าอยู่
“เราเป็นนักวิชาการสิ่งแวดล้อม ฝ่ายบริหารงานสาธารณสุข กองสาธารณสุข เทศบาลนครนครศรีธรรมราช หน้าที่หลักคือออกใบอนุญาตสถานประกอบการ รับเรื่องร้องเรียนเหตุรำคาญ ดูแลการจัดการขยะ รวมถึงงานกวาด ตัดหญ้า และรักษาความสะอาดพื้นที่สาธารณะทั่วเมือง
ในทีมมีนักวิชาการ 4 คน ดูแลพื้นที่คนละ 2 เขตจากทั้งหมด 8 เขต ครอบคลุม 67 ชุมชน โดยแต่ละเขตจะมีสารวัตรเขตและทีมพนักงานกวาด-เก็บขยะราว 13-14 คน คอยทำงานภาคสนาม
เรายังดูแลโครงการ ‘เมืองนครปลอดถังขยะ’ ซึ่งเป็นเทศบัญญัติที่ตั้งใจปรับทัศนียภาพเมือง จากที่เคยมีถังขยะวางเรียงริมถนน พอใช้งานไปนาน ๆ ก็เริ่มดูไม่สะอาด ขยะล้น ถังชำรุด น้ำซึม ส่งกลิ่น ผู้บริหารจึงออกนโยบายยกเลิกถัง แล้วเปลี่ยนมาให้ประชาชนทิ้งขยะตามจุดและเวลาแทน
เราจัดระบบเก็บขยะให้ชัดเจน มีข้อมูลเช็กอินจุดทิ้งผ่านเว็บเทศบาล เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ว่าเขาสามารถทิ้งตรงไหน เวลาใด
ช่วงเริ่มต้นโครงการ ยอมรับว่าเหนื่อยค่ะ
เพราะหลายคนยังเคยชินกับการเดินไปทิ้งถังใกล้บ้าน การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา แต่เราก็ทำเป็นระบบ เริ่มจากเปิดรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านว่าอยากวางจุดรวมขยะตรงไหน แล้วกำหนดเวลาเก็บให้ชัด ระหว่างทางก็สื่อสารผ่าน LINE OA @Nakhoncity ตลอด
ทุกวันเราทำงานเป็นทีม ไม่ใช่แค่ฝ่ายสาธารณสุข หลายปัญหาต้องประสานกับฝ่ายช่างหรือเทศกิจด้วย ถ้ามีคำร้องเข้ามา เราต้องช่วยกันแก้ ช่วยกันถ่ายภาพส่งกลับเพื่อปิดงานให้เร็วที่สุด
ถามว่ายังมีปัญหาขยะอยู่ไหม—มีแน่นอนค่ะ เพราะขยะเกิดทุกวัน แม้แต่เราเองก็ผลิตขยะ นี่เป็นเรื่องของพฤติกรรม เป็นเรื่องที่ต้องเริ่มจากครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ต้องปลูกฝังว่า ‘ขยะไม่ได้หายไปไหน มันแค่ย้ายที่อยู่’
ปัญหาหลักตอนนี้คือบางคนยังทิ้งไม่ตรงเวลา บางจุดขยะยังล้นอยู่บ้าง แต่โดยรวมดีขึ้นมาก เพราะประชาชนให้ความร่วมมือเยอะมาก ถ้าไม่ได้การมีส่วนร่วมแบบนี้ เมืองคงไม่สะอาดอย่างทุกวันนี้
ที่สำคัญคือชาวชุมชนเองไม่ได้แค่ร่วมมือดี แต่ยังมีวินัย และช่วยแจ้งเหตุเมื่อมีปัญหา เช่น ขยะหลุดรอด หรือจุดใดมีปัญหา
เมื่อเมืองมีเครื่องมือสื่อสารที่ดี เชื่อมประชาชนกับเทศบาลได้ชัดเจน มีระบบจัดการและพื้นที่ความรับผิดชอบที่ชัด รวมถึงความร่วมมือจากทุกฝ่าย ผลลัพธ์จึงสะท้อนออกมาเป็นเมืองที่สะอาดและน่าอยู่แบบที่เราเห็นกันในวันนี้ค่ะ”
#เทศบาลนครนครศรีธรรมราช #CIAP #มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ #มหาวิทยาลัยมหาสารคาม #wecitizens #บพท #pmua #เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด
นครเป็นเมืองที่น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ค่ะซึ่งเรื่องนี้เป็นทั้งข้อดีและความท้าทายของเมืองอย่างมีนัยสำคัญ “นครเป็นเมืองที่น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ค่ะ อาจจะสมบูรณ์ไปด้วยซ้ำ (หัวเราะ) จริงอยู่ เราไม่ได้มีแม่น้ำไหลผ่านตัวเมือง แต่ก็มีป่าต้นน้ำที่หมู่บ้านคีรีวงทางทิศตะวันตกของเมือง ซึ่งไหลผ่านเข้าเมืองผ่านลำคลองสายต่าง ๆความสมบูรณ์ของน้ำท่านี้ เป็นทั้งข้อดีและความท้าทายของเมืองอย่างมีนัยสำคัญ ข้อดีก็คือ เรามีน้ำใช้ไม่ขาด เทศบาลนครนครศรีธรรมราชมีสำนักการประปาที่ดูแลการผลิตน้ำประปาให้ผู้คนในเขตมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503…
แต่เดิม เวลาชาวบ้านจะร้องเรียนอะไรถ้าตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ปัญหาจะถูกกองไว้จนกว่าถึงเวลาราชการแต่สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นกับเทศบาลเมืองนคร “ผมเป็นแอดมินของกองสาธารณสุขที่ทำงานหลังบ้านของแอปพลิเคชัน LINE OA @Nakhoncity หน้าที่หลักคือรับคำร้องจากประชาชนเกี่ยวกับงานด้านสาธารณสุข อาทิ เรื่องการเก็บขยะ ซากกิ่งไม้ ปัญหาสุนัขจรจัด ฉีดวัคซีนสัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ ก่อนจะส่งเรื่องไปให้เจ้าหน้าที่จัดการแก้ไขให้ได้ภายใน…
จากสมาร์ทซิตี้ สู่ต้นแบบเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดและการถอดบทเรียนความสำเร็จเมืองนคร ภายหลังที่ ดร.กณพ เกตุชาติ นายกเทศมนตรี ประกาศแผนพัฒนาในกรอบเมืองอัจฉริยะ เมื่อปี 2564 หลายสิ่งหลายอย่างในเทศบาลนครนครศรีธรรมราชก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปใช่เพียงรางวัลระดับประเทศและนานาชาติที่เทศบาลนครแห่งนี้ได้รับ หากผลลัพธ์ยังปรากฏชัดผ่านคุณภาพชีวิตของผู้คนที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกับการเข้าถึงโอกาสและสวัสดิการที่ได้รับจากภาครัฐ และนั่นเองที่ทำให้เมืองนครก็กลายมาเป็น “ต้นแบบเมืองอัจฉริยะ” ที่ดึงดูดให้เทศบาลและหน่วยปกครองส่วนท้องถิ่นพากันจองคิวเข้ามาดูงานสิ่งนี้เองที่ทำให้งานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช…
99,918 คือจำนวนผู้ใช้งาน LINE OA @Nakhoncity แอปพลิเคชันของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ตัวเลขนี้ถือว่าสูงมาก เมื่อเทียบกับประชากรในเขตเทศบาลฯ ที่มีราว 110,000 คนแม้แอปฯ เดียวจะไม่เปลี่ยนเมืองให้กลายเป็นสมาร์ทซิตี้ในชั่วข้ามคืน แต่ผลสำรวจความพึงพอใจจากโครงการเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด…
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…