บรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง
ผมรู้สึกยินดีกับวันนี้ที่เป็นอีกก้าวของความสําเร็จที่ทาง บพท. มาร่วมมือกับทางท้องถิ่น จนเกิดการวิจัยร่วมกันในการที่จะสร้างและพัฒนาเมือง โดยใช้งานวิชาการเข้ามาช่วย อย่างที่อาจารย์ปุ่น กล่าวกับเรา ว่าเรากำลังร่วมกันออกเดินทาง ตอนนี้เราเราก็ร่วมกันเดินทางกันมาแล้ว 1 ปี
ย้อนกลับไปก่อนที่จะเกิดโครงการ CIAP ขึ้นมา ตอนนั้นเรามีข้อเสนอจากทาง บพท. มาถึงทางสมาคมเทศบาลนครและเมือง เพราะเห็นว่าสมาคมฯ มีศักยภาพ และมองว่าน่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะสามารถสร้างการวิจัยเชิงพื้นที่เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาเมืองที่ชัดเจนได้ แล้วก็น่าจะสร้างตัวอย่างนําร่องให้กับท้องถิ่นทั่วทั้งประเทศ ซึ่งในวันนี้เรามีเทศบาลอยู่ทั่วประเทศกว่า 2,400 แห่ง เป็นเทศบาลเมืองและเทศบาลนครรวมแล้ว 225 แห่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราก็สามารถคัดเลือกพื้นที่เฉพาะเจาะจงลงไปได้ และการที่สำคัญคือความตั้งใจ และความต้องการอยากร่วมมืองานของทางสมาคมที่เห็นประโยชน์กับการดำเนินการครั้งนี้ มีอยู่แล้วเป็นที่ตั้ง
ตลอดการทำงานที่ผ่านมา เรามีนายกฯ จากหลายเมืองเข้าร่วม และเล็งเห็นประโยชน์ เพราะงานนี้เป็นงานวางรากฐานสร้างเมืองในระยะยาว แล้วก็สามารถที่จะเป็นประโยชน์กับพื้นที่ของทุกท่านในอนาคต แต่หัวใจสำคัญว่างานจะประสบความสำเร็จหรือไม่ คือการร่วมงานกับชาวท้องถิ่น คนในพื้นที่ ที่ต้องมีใจ มีความต้องการ ให้กับงานครั้งนี้เพราะก็ถือว่าเป็นภารกิจเสริมเข้ามา
แล้วก็เป็นเรื่องที่ต้องลงพื้นที่ในเรื่องการเก็บข้อมูลในการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน มีจัดเก็บจัดการข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งจะนําไปตอบโจทย์เป้าหมาย ตามที่คณะผู้บริหารเมืองกําหนดเป้าหมายเชิงประเด็นของเมืองตัวเองเอาไว้ ตรงนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของทุกเทศบาล เพราะทาง บพท. เขาไม่ได้มากําหนดโจทย์ให้ เป็นเรื่องของเมืองพวกเราเอง บพท.เพียงจะมาช่วยดูว่าท่านมีจุดเด่นอะไร ท่านจะพาเมืองท่านไปยังไง โดยนําความต้องการของพื้นที่มาร่วมจัดการข้อมูล และมาพิจารณาในที่ประชุม แล้วก็ดำเนินการกันตามแผน ที่เราได้ร่วมกันจัดการอบรมการแนวทางและวิธีการนำเข้าข้อมูล การจัดกิจกรรม Scan เมือง การใช้เครื่องมือและนวัตกรรมพัฒนาเมือง ซึ่งทาง บพท. เองได้ช่วยสนับสนุนเรื่องนี้ และการมี Platform (City Data Learning Platform – CDLP) รวบรวมข้อมูลเพื่อที่จะนําข้อมูลไปวางแผนกําหนดยุทธศาสตร์ของเมืองสอดรับกับเป้าหมายที่คณะผู้บริหารกําหนดไว้ ซึ่งทั้ง 18 แห่ง แต่ละแห่งได้มีข้อสรุปของตัวเองแล้วว่าเมืองตัวเองจะเดินไปทางไหน ซึ่งแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน นี่คือจุดเด่นของการทำงานครั้งนี้
จุดอ่อนของพวกเราชาวท้องถิ่นก็คือการกระจายอำนาจที่ไม่เต็มรูปแบบ เหมือนกับเราเป็นลูกของแม่ ซึ่งแม่ก็จะคอยห้ามไม่ให้ทำนั้นไม่ให้ทำนี่ คุณทำได้แค่เท่านี้มากกว่านี้คุณอย่าทำ เป็นแบบนั้น อีกเรื่องคือเรื่องรายได้ คือแต่ละเทศบาลมีรายได้ไม่มากนัก และเราก็มีข้อจำกัดในเรื่องการพัฒนาวิธีการหารายได้ให้กับท้องถิ่น พวกเราผู้บริหารทุกคนรักบ้านเกิด เรามีหัวใจพองโตเวลาพูดถึงบ้านของเรา และเราก็อยากทำการพัฒนาให้บ้านเราเจริญรุ่งเรือง ติดก็แค่เรื่องหลักเกณฑ์และระเบียบงบประมาณอะไรแบบนี้ แต่ความมุ่งมั่นของเรามีเต็มที่
ในวันนี้เรากำลังทำงานร่วมกับ บพท. เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่มาช่วยเราหาทางออกจากข้อจำกัดที่มี เอาวิชาการมาช่วย บวกกับจิตวิญญาณของเราที่รู้ดีว่าบ้านเรามีปัญหาตรงไหน เรื่องต่างๆ มันอยู่ในใจในความคิดของเราอยู่แล้ว แต่ในเรื่องวิชาการแนวทางยุทธศาสตร์กลยุทธ์ในการที่ก้าวไปสู่เป้าหมายนั้นเนี่ย ต้องยอมรับว่า เราไม่ใช่นักวิชาการ เราเป็นนักการเมือง เป็นคนทำงานที่ใช้ประสบการณ์จากชีวิตการทำงานของเรา ที่มีภาพฝัน มีความต้องการที่ชัดเจนเพื่อจะไปสู่เป้าหมาย ถ้าทำเองมันอาจจะเสียเวลา หรือหลงทาง แต่วันนี้เรามี บพท. มาร่วม ใช้วิชาการ ใช้ข้อมูล มีการมีส่วนร่วมจากประชาชน มีแผนยุทธศาตร์ ที่การปฎิบัติการที่จะทำให้ทุกอย่างไปถึงเป้าหมาย
ในมุมของสมาคมฯ ผมมองว่าการร่วมงานครั้งนี้เป็นประโยชน์ และเริ่มเห็นผลลัพธ์ในหลายเทศบาล และอาจารย์ปุ่นก็แจ้งเอาไว้ว่าจะมีระยะที่ 2 ต่อไป เพราะในส่วนของ คณะอาจารย์ที่ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลต่าง ๆ ทางพื้นที่ก็พร้อมที่จะสนับสนุน
วันนี้เราร่วมเดินทางไปสู่ก้าวแรกแห่งความสำเร็จร่วมกัน 18 ท้องถิ่น แล้วก็หวังว่าเราจะมีก้าวที่ 2 เฟสที่ 2 ที่จะต้องช่วยกันทําต่อ และก็หวังว่าเราจะประสบความสําเร็จแล้วก็ขยายผลมากยิ่งขึ้น ขอบคุณครับ
ก็ต้องเชื่อมั่นท้องถิ่นนะครับ แล้วจับมือร่วมกันไป เมื่อมีปัญหาอุปสรรค ก็ต้องช่วยกันผลักดันไปเพราะเราเป็นหน่วยนําร่องแล้วเชื่อว่าการนําร่องครั้งนี้เพื่อประสบความสําเร็จ และจะเป็นเครื่องมือที่ สามารถเอาไปใช้ได้ทั่วประเทศ
มันมีการผ่านการทดลอง มีการทํารถเกิดความเชื่อมั่น ไม่ว่าจะเป็นส่วนของท้องถิ่นเองผู้บริหารท้องถิ่นเอง หรือแม้กระทั่งในส่วนของรัฐบาลก็จะเห็นว่า เออ การกระจายอํานาจวันเนี่ย ท้องถิ่นต่าง ๆ มีการพัฒนาร่วมกับนักวิจัย มีวิชาการมาช่วย มีข้อมูลที่ถูกต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะแบบนี้การที่จะให้ท้องถิ่นทําอะไร มันก็ต้องมีความเชื่อถือ มีความมั่นใจมากขึ้น ก็จะเป็นโอกาสสำหรับท้องถิ่น
ก็ต้องเรียนว่าการทำงานร่วมกันเป็นก้าวที่สำคัญ ที่เรามีความสุข และมีความสําเร็จร่วมกันก็เป็นการวิจัยที่ สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้จริง นี่คือหัวใจสําคัญ และเป็นการก้าวแรกที่พวกเรา
#สมาคมเทศบาลนครและเมือง #โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่และชาญฉลาด #สมาคมเทศบาลนครและเมือง #pmua #ciap
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…