“ลำปางเมืองน่าอยู่ และสมดุล ที่ทุกคน ทุกวัย อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข”
โครงสร้างเมืองลำปาง กับการเติบโตจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ถ้าพูดถึงโครงสร้างของเมืองลำปาง เราจะเห็นภาพชัดเจนว่าความเจริญของเมืองขยายจากฝั่งตะวันออกมาสู่ฝั่งตะวันตก โดยมีแม่น้ำวังกั้นอยู่ ตัวแม่น้ำวังเองไหลจากเหนือสู่ใต้ และ “ยุค” ต่าง ๆ ของการพัฒนาเมืองก็ผูกอยู่กับลำน้ำสายนี้เหมือนเป็นแกนกลาง
ช่วงยุคแรก พื้นที่เมืองเดิมจะอยู่ทางตะวันออก ถนนแคบ เป็นย่านวัฒนธรรมและพุทธศาสนาเป็นหลัก เศรษฐกิจยังไม่ค่อยคึกคักนัก ต่อมาใน “ยุคกาดกองต้า” ภาคการค้าไม้รุ่งเรือง ทำให้ฝั่งหัวเวียงเริ่มคึกคักขึ้น ปัจจุบันเราเรียกกันง่ายๆ เขต 2
หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่ “ยุครถไฟ” ย่านสบตุ๋ย หรือเขต 3 ซึ่งเติบโตมาตามลำดับ พอมีถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ความเจริญก็ขยับไปยังเขต 4 รอบๆ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ และย่านมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางถือว่าเป็นย่าน “เขตเมืองใหม่” ที่ขยายตามระบบการศึกษา และการกระจายตัวของที่อยู่อาศัย
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าเมืองลำปางมีการเติบโตตามยุคสมัย ตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเส้นทางสัญจรคมนาคมของเมือง
ภารกิจเชื่อมเมือง จากตะวันออกสู่ตะวันตก
ทุกวันนี้ลำปางมีสะพานไม่มาก การเดินทางระหว่างสองฝั่งแม่น้ำยังเป็นข้อจำกัดสำคัญ ถ้าจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตแบบสมดุล เราคิดว่าเราต้องพยายามเชื่อมฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นเขตอยู่อาศัยและเป็นประตูเชื่อมอำเภอต่าง ๆ เข้ากับฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจหลักที่ผ่านมา ผมเคยผลักดันนโยบายขยายขนาด “ถนนจามเทวี” ให้เป็นถนนเส้นใหญ่ เพื่อให้คนจากฝั่งตะวันออกเดินทางเข้าตัวเมืองได้สะดวกขึ้น รวมถึงต้องเพิ่มสะพาน เชื่อมถนนตามแนวแม่น้ำวัง เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจสองฝั่งเติบโตไปด้วยกัน
แม่น้ำวัง หัวใจของการพัฒนาเมือง
ถ้าเรามองย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2558–2563 จะเห็นว่าปัญหาใหญ่ของแม่น้ำวัง คือ “น้ำเน่าเสียในฤดูแล้ง” หน้าฝนน้ำไหลดี แต่มาหน้าร้อนน้ำแห้ง จนเห็นตะกอนท้องน้ำ ส่งกลิ่นแรง ใช้ประโยชน์อะไรก็ไม่ได้ ทั้งที่แม่น้ำวังเป็นทรัพยากรสำคัญที่สุด และไหลผ่านใจกลางของเมือง
เราพบว่า ถ้าน้ำไหลจากตำบลต้นธงชัยลงมา น้ำจะใส แต่พอเข้าเขตเทศบาลนคร น้ำเริ่มขุ่น เขียว และเสื่อมคุณภาพทันที การท่องเที่ยวทางน้ำ และการใช้ประโยชน์ริมน้ำจึงเกิดไม่ได้ ทั้งที่มีศักยภาพมหาศาล
เราเคยสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียด้านล่างไว้แล้วหนึ่งแห่ง และเชื่อมท่อเข้าระบบบำบัด ก็ทำสำเร็จไปประมาณหนึ่งในสาม ถ้าเราบล็อกน้ำเสียให้ได้ทั้งหมดแบบร้อยเปอร์เซ็น แล้วแม่น้ำวังใสเหมือนก่อนเข้าพื้นที่เมือง โอกาสเศรษฐกิจริมฝั่งน้ำจะกลับมาทันที ทั้งกิจกรรมพายเรือ ร้านอาหารริมแม่น้ำ โรงแรม คาเฟ่ พื้นที่พักผ่อน รวมถึงภาพลักษณ์ของการเป็นเมืองแม่น้ำสวยก็จะกลับมา”
“นี่คือหัวใจของการพัฒนาเมืองในระยะยาว “ต้องทำให้แม่น้ำวังกลับมาใสสะอาด” แล้วกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ จะตามมาเอง”
สมาร์ทซิตี้ลำปาง เมืองปลอดภัย สู่เมืองน่าอยู่
ยุคนี้นวัตกรรมดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสูง การพัฒนาการศึกษาและระบบบริการประชาชนต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เกิดความสะดวก เข้าถึงง่าย แก้ปัญหาได้เร็ว
เทศบาลนครลำปางได้รับการประกาศให้เป็น “เขตส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล” แล้ว เราเพิ่งเปิดศูนย์ IOC ซึ่งทำหน้าที่เป็น War Room สำหรับข้อมูลเมือง มีกล้องวงจรปิด และระบบการจัดการรับมือเหตุต่าง ๆ
นวัตกรรมด้านความปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เมืองที่มีกล้องทั่วถึง อาชญากรรมต่ำ เมืองก็จะน่าอยู่ อยู่แล้วสบาย ผมอยากให้เวลาคนต่างถิ่นคิดถึงลำปาง เขาจะจดจำว่า “นี่คือเมืองที่ปลอดภัยที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศ”
Soft Power ลำปาง วัฒนธรรมอันหลากหลายมีชีวิตชีวา
นอกจากโครงสร้างพื้นฐานหรือ “ฮาร์ดแวร์” แล้ว สิ่งที่ต้องพัฒนาไปพร้อมกันคือ “ซอฟต์แวร์ของเมือง” นั่นคือ วัฒนธรรม วิถีชีวิต และเรื่องราวที่ทำให้คนรู้สึกผูกพันกับเมือง
ลำปางมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนล้านนา ไม่เหมือนพม่า ไม่เหมือนไทใหญ่ แต่คือการผสมผสานกันจนมี “ความเป็นลำปาง” เมืองนี้เป็นเมืองเดียว เรามี “วัดพม่า” ที่งดงามหลายแห่ง แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่สามารถดึงคนกลับมาใช้พื้นที่อย่างจริงจัง
เราจึงพยายามจัดกิจกรรม เช่น ประเพณีตากข้าวส้มต่อ (ต่างซ่อมต่อหลวง – ถวายข้าวมธุปยาส) งานวัฒนธรรมต่าง ๆ เพื่อปลุกให้ “วัดพม่า” กลับมามีชีวิตอีกครั้ง คนได้เห็นทั้งตำรับอาหารโบราณ เครื่องแต่งกาย พิธีกรรมของพม่า และความหลากหลายของวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว
ลำปางมีวัดพม่าถึง 9 วัด ซึ่งสามารถกลายเป็น “เขตเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ได้ หากเราดัดแปลงให้เป็นพื้นที่กิจกรรม ถ่ายภาพ ชุดแต่งกาย รวมถึงกิจกรรมเรียนรู้ทางวัฒนธรรมอื่นๆ ถือว่าเป็น Storytelling ของเมืองที่สร้างคุณค่า และสร้างรายได้ให้กับชุมชน นี่คือ “ซอฟต์พาวเวอร์ของลำปาง” ที่เรากำลังผลักดัน และถือเป็น “โอกาสแห่งการสร้างสรรค์การเรียนรู้” ให้กับคนในเมืองของเราไปพร้อม ๆ กัน”
ลำปางในอนาคต เมืองสงบ สีสัน และสมดุล
ผมมองว่าลำปางในอนาคตจะเป็นเมืองที่ “เหมือนตัวโน้ตในเพลง”
มีทั้งความสงบ มีทั้งสีสัน และมีจังหวะชีวิตของตัวเอง
คนรุ่นพ่อแม่ ลูกหลาน ปู่ย่า สามารถอยู่ร่วมกันได้ในเมืองเดียวกันอย่างสมดุล เป็น “เมืองน่าอยู่สำหรับทุกเพศ ทุกวัย” ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่เรายึดถือมาตลอด
นครลำปางตั้งเป้าเป็นเมืองแห่งความสุข สมดุล มั่นคง และยั่งยืน หน้าที่ของเทศบาล คือ ผสมผสานความต่างให้เป็นหนึ่งเดียว และยกระดับให้แข็งแรง โดดเด่น เพื่อคนลำปางของเรา”
#CIAP #โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด #เทศบาลนครลำปาง #mdricmu #สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #มหาวิทยาลัยมหาสารคาม #pmua #บพท #livablesmartcity #เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด
สิ่งสำคัญอันดับแรก คือ การวางรากฐานที่แข็งแรงให้ผู้คนรู้สึกว่าการมีส่วนร่วมในการลงทุน นั้นจับต้องได้และไว้ใจได้ "ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เราทุกคนคงสัมผัสได้ว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก วันนี้บางเรื่องใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบการเงินก็สามารถพัฒนาไปไกลกว่าที่เคยเป็น โครงสร้างเดิม ๆ ที่เราเคยคุ้นชินกำลังถูกท้าทายด้วยนวัตกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการชำระเงิน เทคโนโลยีข้อมูล หรือแม้แต่ระบบความน่าเชื่อถือทางการเงิน หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของโลก…
เมืองต้องมี KPI ใหม่ 1.ดึงดูดการลงทุน 2.จ้างงานที่มีคุณภาพ 3.สร้างเมืองน่าอยู่ “วันนี้ผมจะเล่าเรื่องคาร์บอนเครดิต แบ่งเป็น 3 เรื่องนะครับเรื่องแรก คือ เรื่องโอกาส เรื่องที่สองคือเรื่องคาร์บอนเครดิต เรื่องที่สามคือชวนทุกท่านมาร่วมกันทำแพลตฟอร์มการลงทุน ผมขอเริ่มจากปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศของเราเสียก่อน…
“โจทย์สำคัญ คือ เราจะทำอย่างไรให้ผู้คนมีบทบาทในการพัฒนาเมืองน่าอยู่ Application Line-OA ถูกเลือกมาตอบโจทย์นี้ ให้ทุกคนช่วยกันอัปเดต ข้อมูลเมือง ร้องเรียน และแจ้งเตือนเหตุต่าง ๆ” นคร 48 ชั่วโมงนครศรีธรรมราชกับภารกิจเมืองอัจฉริยะ 99,918…
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้มหัวหน้าโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดCIAP | นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุลที่ปรึกษาโครงการ CIAP ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง และอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระบุรี ในงาน CITY SOLUTION DAY : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์…
การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท.” โดย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในงาน City Solution Days: เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่ วันที่…
“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท.…