[ THE RESEARCHER เมืองสระบุรี]หัวหน้าโครงการและนักวิจัยโครงการวิจัย “การพัฒนาฟื้นฟูศูนย์กลางพาณิชยกรรมเมืองสระบุรีเพื่อรับมือกับสภาวะเมืองหดตัว”

ผศ.สรายุทธ ทรัพย์สุข หัวหน้าโครงการวิจัย “การพัฒนาฟื้นฟูศูนย์กลางพาณิชยกรรมเมืองสระบุรีเพื่อรับมือกับสภาวะเมืองหดตัว” และ ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย ผู้ช่วยคณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิจัยโครงการ

จังหวัดสระบุรีเป็นพื้นที่ศักยภาพในการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจในเขตภาคกลางตอนบน เนื่องจากมีระบบโครงข่ายการคมนาคมเพียบพร้อมสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับกรุงเทพมหานครและภูมิภาคต่าง ๆ ได้สะดวก ภายในพื้นที่มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งผลิตพืชผลทางการเกษตร แหล่งผลิตอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และการก่อสร้าง และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ มีการพัฒนาระบบทางด่วนพิเศษและระบบขนส่งมวลชนทางรางขึ้นใหม่ในอนาคต ซึ่งล้วนเปิดโอกาสให้จังหวัดสระบุรีสามารถพัฒนาสู่ศูนย์กลางการขนส่งของประเทศ อันส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและประเทศเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน เทศบาลเมืองสระบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์กลางพาณิชยกรรมของจังหวัดกำลังประสบความท้าทายหลายประการ เช่น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การถดถอยของเศรษฐกิจการค้าการบริการในเมือง การเกิดพื้นที่ใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ การเปลี่ยนแปลงระบบคมนาคมขนส่งทั้งรถไฟความเร็วสูงและทางด่วนพิเศษ เป็นต้น ส่งผลให้เมืองสระบุรีกำลังเผชิญกับสภาวะเมืองหดตัว และมีข้อจำกัดในการดึงดูดประชากรวัยแรงงานและการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน 

            คณาจารย์ผู้วิจัยจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันประกอบด้วย ผศ.สรายุทธ ทรัพย์สุข คณบดี ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย ผู้ช่วยคณบดี และผศ.ศรันยา เสี่ยงอารมณ์ รองคณบดี ร่วมกับเทศบาลเมืองสระบุรีและคณะทำงานส่วนกลางภายใต้หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ดำเนินการพัฒนา “ฐานข้อมูลกระบวนการฟื้นฟูเมือง” ร่วมกัน เพื่อเป็น “เครือข่ายขับเคลื่อนโครงการยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาและฟื้นฟูเมืองสระบุรี” ผ่านการศึกษาทิศทางการพัฒนา การเชื่อมโยงของนโยบายและหารือถึงความต้องการในการพัฒนาเมืองสระบุรีร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐส่วนกลาง ท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาชนในพื้นที่ศึกษาและออกแบบ อันเป็นที่มาของโครงการวิจัย “การพัฒนาฟื้นฟูศูนย์กลางพาณิชยกรรมเมืองสระบุรีเพื่อรับมือกับสภาวะเมืองหดตัว” ซึ่งผศ.สรายุทธ ทรัพย์สุข หัวหน้าโครงการวิจัยฯ และผศ. ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย ผู้ร่วมวิจัย นั่งลงพูดคุยกับ WeCitizens ถึงแนวทางการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่สาธารณะในเทศบาลเมืองสระบุรีให้สอดคล้องกับบริบทความเปลี่ยนแปลงของเมือง

ผศ.สรายุทธ ทรัพย์สุข หัวหน้าโครงการวิจัย และผศ. ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย ผู้ช่วยคณบดีฯ

การสำรวจข้อมูลเมืองสระบุรี ผ่านโครงการวิจัย “การพัฒนาฟื้นฟูศูนย์กลางพาณิชยกรรมเมืองสระบุรีเพื่อรับมือกับสภาวะเมืองหดตัว” พบประเด็นน่าสนใจอะไรบ้าง

ผศ.สรายุทธ ทรัพย์สุข – ผมเล่าเรื่องเมืองหดตัวคืออะไรก่อนแล้วกันนะครับ คำว่า เมืองหดตัว เป็นศัพท์ทางวิชาการที่ใช้เรียกเมืองที่มีภาวะการหดตัวในกิจของเมือง หลัก ๆ คือทางเศรษฐกิจและสังคม เมืองหดตัวทางเศรษฐกิจก็เป็นได้หลายทาง ระบบเศรษฐกิจแท้ ๆ ของเมือง ของประเทศ มันหด อันนี้ไม่ค่อยเยอะ ที่หดจริง ๆ คือสถานะของเมืองที่เคยเป็นมันเปลี่ยน ทำให้เศรษฐกิจของเมืองเปลี่ยนไป เช่น เมืองนี้เคยเป็นเมืองท่า เคยเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า เคยเป็นเมืองอยู่บนเส้นทางคมนาคมหลัก ทุกคนต้องมาแลกเปลี่ยนค้าขายกัน พอสถานะเปลี่ยนไป เช่น มีเส้นทางคมนาคมใหม่ เส้นทางการค้าเปลี่ยนใหม่ หรือลักษณะสินค้าที่ไม่ได้ใช้สำหรับบริโภคแล้ว ก็ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของเมืองเปลี่ยน จากเดิมเจริญรุ่งเรืองก็เจริญรุ่งเรืองน้อยลง ชะลอตัวลง ไม่ได้หมายความว่ากายภาพของเมืองหดลงนะ เพราะมันหดไม่ได้ เมืองสร้างไปแล้ว ก็เป็นอยู่อย่างนั้น เพียงแต่ว่าร้านค้าหายไป ทิ้งร้างมากขึ้น ตึกแถวว่าง ส่วนภาวะหดตัวทางสังคม คือโครงสร้างประชากรเปลี่ยน จำนวนประชากรลดลง นี่คือสิ่งที่เราพูดถึงมากในประเทศไทยปัจจุบัน อย่างญี่ปุ่นเห็นได้ชัดว่าประชากรเปลี่ยน ถ้าไปเมืองที่ไม่พ็อปพิวลาร์ของญี่ปุ่นนะ จะเจอบ้านร้างเยอะมาก ผมเพิ่งไปเมืองที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวเนี่ย เหงาตกใจเลยว่านี่คือญี่ปุ่นหรือ ซึ่งประเทศไทยก็กำลังเจออะไรแบบนี้ ถ้าดูสถิติ (สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย บันทึกสถิติประชากรล่าสุด ณ เดือนธันวาคม 2567 มีจำนวนรวม 65,951,210 คน โดยปี 2567 ประชากรไทยลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เหลือไม่ถึง 66 ล้านคน) จำนวนประชากรประเทศไทยลดลง 6% เมื่อเทียบกับทั้งภูมิภาค ตอนนี้เราเป็นหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประชากรลด

ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย – ขอเสริมคำว่าเมืองหดตัว มาจาก Shrinking City เป็นปรากฏการณ์ที่พบมากในช่วงปี 90s เริ่มมาตั้งแต่การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของโลก การเปลี่ยนสู่สภาพเศรษฐกิจ Globalization ทำให้การย้ายฐานการผลิตออกไปจากประเทศพัฒนาแล้วมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือเอเชียใต้ ทำให้ไปเกิดภาวะหดตัวในเมืองอย่างดีทรอยต์ ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป ตอนนี้มาเกิดกับเราแล้ว จุดเปลี่ยนเรื่อง Digitalization, E-Commerce นำมาสู่การเปลี่ยนระบบโลจิสติกส์ ทำให้เกิดชอปปิงมอลล์ชานเมือง ที่ดึงดูดความเป็นศูนย์กลางของเมืองออกไป เช่น ย้อนไปซัก 40 ปีที่แล้ว จะซื้อของ ก็ไปตลาด ตอนนี้คือขับรถไปนอกเมือง พื้นที่เทศบาลเมืองซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางทั้งหมด กลายเป็นซบเซา ร้านรวงเปิดไม่ได้ สระบุรีเป็นตัวแทนหนึ่งของปรากฏการณ์นี้

ผศ.สรายุทธ – ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกนะครับ แต่ความรุนแรงมากน้อยไม่เท่ากัน ที่เห็นชัดของสระบุรีคือการคมนาคมขนส่ง เป็นประตูเชื่อมต่อภาคกลางไปสู่ภาคอีสาน เคยเป็นแหล่งโลจิสติกส์ฮับที่ใหญ่ที่สุดของไทย ถนนสายเอเชีย ไปขวาซ้ายก็ได้ ที่เขาพูด สระบุรีเลี้ยวขวา เมื่อก่อนถนนไม่ดี ขับรถมาถึงสระบุรีคือเหนื่อยแล้ว ต้องพัก ตอนนี้เราเดินทางได้เร็วขึ้น ถนนหนทางดีขึ้น ก็บายพาสไปเลย ไปปากช่อง มวกเหล็กเลย ไม่ต้องแวะสระบุรี แล้วในอนาคตก็ยิ่งจะมีผลมากขึ้นเมื่อทางด่วนเสร็จ คือทางด่วนไปโคราช หรือจุดหมายหลักของคนกรุงเทพฯ อย่างปากช่อง เขาใหญ่ มันบายพาสสระบุรี ออกไปแก่งคอย เขาใหญ่ เมื่อก่อนยังแค่ผ่านแล้วเลี้ยวขวา แต่ตอนนี้คือไม่แม้กระทั่งผ่าน

คือต้องเตรียมรับมือการมาถึงของรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเฉียงเหนือ

ผศ.สรายุทธ – เรามองในเรื่องอนาคตของสระบุรีในแง่ที่ว่า รถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หนองคาย ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา สถานีที่หนึ่ง กรุงเทพฯ ที่สอง อยุธยา สถานีที่สาม สระบุรี แต่ตำแหน่งของสถานีรถไฟความเร็วสูงสระบุรี ไม่ได้อยู่ในตัวเทศบาลเมืองสระบุรี ไปอยู่ที่ศูนย์ราชการใหม่ บริเวณคลองเพรียว ห่างไปนิดเดียว 2-3 กิโล แต่โลจิสติกส์ ความเจริญเติบโตของการก่อสร้าง ธุรกิจใหม่ จะตามรถไฟความเร็วสูงไปอยู่ตรงนั้น เพราะสะดวกกว่า เราไปรถไฟความเร็วสูงก็ถึงเลย โรงแรมต่าง ๆ เหมือนเป็นเมืองใหม่สระบุรี ฉะนั้น เมืองเก่าก็ยิ่งจะหดตัว ตอนนี้ สิ่งที่ปรากฏจากการสำรวจของคณะที่เข้าไปดูด้วยกัน สิ่งแรกเลยคือ ตลาดหดลงมาก เขาบ่นว่าขายของไม่ได้ ขณะเดียวกัน จำนวนร้านก็เหลืออยู่นิดเดียว คนไปก็ไม่รู้จะซื้ออะไร ทางเลือกก็ไม่ค่อยมี ความคึกคักของความตลาดใหญ่ก็ไม่ค่อยมี แล้วทุกคนก็มาแย่งกันอยู่บนทางเท้า มาขายกันอยู่ข้างหน้าตลาด คือตลาดของสระบุรีเป็นสองตลาดใหญ่ ตลาดสดเทศบาลเมืองสระบุรีกับตลาดสุขุมาล (ตลาดใน) อยู่ติดกัน ต่อกันไปเป็นร้อย ๆ แผง ถ้าเมืองเจริญรุ่งเรือง สองตลาดอยู่ด้วยกันได้ แปลว่าดีมานด์การซื้อเยอะ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าสองตลาดก็เงียบทั้งคู่ แล้วตึกแถวรอบ ๆ ตลาด ตอนนี้เริ่มเหลือแต่ผู้สูงอายุ เยาวชนยุคใหม่ก็ไม่อยู่ในโซนตลาดละ เขาไปเรียนมหา’ลัย ทำงานที่อื่น ไปอยู่โซนอื่นหมด ตอนผมไปสำรวจก็ค้นพบว่า คนสูงอายุที่อยู่ คือลูกหลานก็พยายามไปรับออกมาอยู่บ้าน แต่สุดท้ายเขาเหงา เขาก็ขอกลับมาอยู่ตรงนี้ อยู่ตึกแถวเหมือนเดิม มีเพื่อนบ้านร้านข้าง ๆ เหมือนเดิม แต่เขาไม่ได้มายด์เรื่องการขายได้หรือไม่ได้ เปิดร้านเพื่อการดำรงวิถีชีวิตแบบเดิม ไม่งั้นไปอยู่กรุงเทพฯ กับหลานก็ไม่รู้จะทำอะไร หงอย ๆ เฉา ๆ กลับมาอยู่ตรงนี้ มีเพื่อนบ้าน อย่างน้อยได้คุยกัน แต่เศรษฐกิจธุรกิจหายไปหมด ไม่มีลูกค้าใหม่เข้ามาซื้อ เพราะฉะนั้น ตอนนี้คือ ประชากรในเมืองเองกับการใช้พื้นที่เมืองน้อยลง

ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ – คือประชากรลด ถามว่าคอมมิวนิตียังอยู่มั้ย อยู่ แต่กลายเป็นคอมมิวนิตีสูงอายุมากขึ้น เมื่อมองไปในระยะยาว 10 ปี 20 ปี ก็จะยิ่งหดลงเรื่อย ๆ แถมปัจจุบัน พอการบริโภคต่ำลง ความรู้สึกซบเซา ไม่มีชีวิตชีวาของเมือง แล้วคำว่าศูนย์กลางของเมืองไม่เพียงแค่เรื่องของพาณิชยกรรม การให้บริการสาธารณะด้วย อย่าง Facility ในการให้บริการสาธารณะของเทศบาลฯ รวมถึงตลาด ส่วนใหญ่สร้างประมาณช่วงปี 2510 หลังจากนั้นก็มีการพัฒนา โรงเรียน โรงพยาบาล หอประชุม ตอนนี้ปรากฏการณ์ที่สระบุรีเจอก็คือหอประชุมร้าง โรงเรียนที่เคยเป็นโรงเรียนอนุบาล (โรงเรียนสหายหญิง) อาคารวไลยอลงกรณ์อายุเป็นร้อยปี ปัจจุบันก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีทั้งคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นพื้นที่ใจกลางเมืองที่คนเดินทางเข้าถึงได้ง่าย ลงทุนทำกันไปแล้ว แต่ตอนนี้คนใช้น้อยลง มันถึงเวลาที่จะ Regenerate การเปลี่ยนให้เข้ามาตอบโจทย์กับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น แล้วเราจะให้บริการสาธารณะและพาณิชยกรรมในพื้นที่ศูนย์กลางเมืองอย่างไรถึงจะตอบโจทย์กับบริบทปัจจุบัน

ผศ.สรายุทธ – ถ้ามองให้เห็นอีกภาพก็คือสิ่งที่เกิดผลกระทบ สมมติว่า Facility ที่ไม่ได้ถูกใช้ แต่เทศบาลฯ ยังต้องจ่ายค่าดูแล เป็นงบประมาณที่ยิ่งไม่ได้ใช้มันยิ่งพัง ยิ่งพังก็ยิ่งต้องดูแล งบประมาณการซ่อมบำรุงก็เยอะ ขณะเดียวกัน ก็หาเหตุผลในการซ่อมบำรุงไม่ได้ ไม่ซ่อมก็พัง เลยเกิดภาวะอิหลักอิเหลื่อแบบนี้ รวมทั้งภาษีที่เป็นรายได้หลักของเทศบาลฯ ก็จัดเก็บได้น้อยลง เพราะมีแต่เงินต้องไปช่วยเหลือ สังคมตอนนี้ที่บอกว่ายังมีชีวิตอยู่แต่เป็นสังคมผู้สูงอายุ ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่ก่อให้เกิดภาษีที่เข้ามาหมุนเวียนในการใช้ของเทศบาลฯ มันก็ลำบาก

จึงเป็นที่มาของโครงการวิจัยนี้

ผศ.สรายุทธ – เทศบาลฯ มาหารือกับเรา แต่ว่าภาพสระบุรีไม่เหมือนกับที่อื่น คือจังหวัดอื่นมีปัจจัยแฝงที่ช่วยอยู่ ก็คือการท่องเที่ยว เช่น เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยว มีวัดสำคัญ มีสถานที่ทางธรรมชาติสวยงาม เศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวก็ยังมาเกื้อหนุนอยู่ ทำให้ภาวะหดตัวไม่ชัด แต่ที่สระบุรี ตัวเทศบาลเมืองฯ ไม่มีจุดหมายท่องเที่ยวหลัก ถ้าถามว่าสระบุรีไปไหน ไปมวกเหล็ก พระพุทธบาท เขาใหญ่ เหมือนใช้สระบุรีเป็นฐาน หรือเอาง่าย ๆ วัฒนธรรมคนไทย ไปตรงนี้เพื่อไปกิน ถามว่าแล้วเราจะไปกินอะไรที่สระบุรี มีกะหรี่ปี๊บก็มาจากสระบุรีเลี้ยวขวา คือที่มวกเหล็ก มีร้านในเมืองขายกะหรี่ปั๊บแต่ก็ไม่ออริจินัล หรือมีร้านข้าวมันไก่ ร้านหมูแดงเป็ดย่าง ก็อร่อยจริงนะ แต่คนจะขับรถไปกินข้าวหน้าเป็ดย่างที่สระบุรี อาจไม่ใช่ขนาดนั้น ก็เลยเป็นโจทย์ของตัวเทศบาลเมืองสระบุรีเอง ทีมวิจัยก็ท้าทาย เพราะมองเห็นโจทย์เมืองหดตัวชัดกว่าที่อื่น

กลไกการทำงานเพื่อตอบโจทย์สภาวะเมืองหดตัวคืออะไรบ้าง

ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ – เรารวบรวมข้อมูลแล้วเห็นว่า ณ วันนี้ สถานการณ์เป็นอย่างไร เพื่อเอาข้อมูลมาใช้กับการออกแบบว่า ต้องทำอย่างไร ตอนนี้มาถึงการคัดเลือกเหลือ 4 พื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ ในแง่ของพื้นที่ใหญ่ ๆ ก็มีถนนสุดบรรทัด ในแง่ของตัว Facility 3 แห่งคือ ตลาดในเทศบาลฯ หอประชุมอบจ. อาคารวไลยอลงกรณ์และตัวศูนย์เรียนรู้ที่อยู่รอบ ๆ ซึ่งมองถึงคนที่น่าจะเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่อไปในอนาคต ประกอบด้วยสองกลุ่มคือ คนสระบุรีเอง และกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่เขามีความต้องการใช้พื้นที่หรือต้องการรับบริการสาธารณะ พาณิชยกรรม ข้อมูลตัวนี้จะมาช่วยเราออกแบบ 4 พื้นที่นี้ ทำยังไงในตัวเมืองสระบุรีเองถึงจะกลายมาเป็นพื้นที่ที่ดึงดูด ทั้งในแง่ของคนที่มาจับจ่ายใช้สอย เป็นพื้นที่ให้บริการสาธารณะที่ทำให้คนอยากเข้ามาใช้บริการในพื้นที่ ซึ่งพอมีโอกาสทางเศรษฐกิจ มีความคึกคักมากขึ้น การดึงดูดให้เกิดการลงทุน เปิดร้านต่าง ๆ ก็จะตามมาต่อไปในอนาคต แล้วข้อมูลที่เรารวบรวมไว้ก็จะเอามามอนิเตอร์ต่อไปอีกว่า เอาล่ะ เราทำเรื่องราวเหล่านี้ไปแล้ว ประชากรเพิ่มขึ้นมั้ย อาคารที่เคยถูกใช้ประโยชน์ไม่เต็มศักยภาพมีการใช้ประโยชน์มากขึ้น มีอาคารที่เปิดเป็นร้านใหม่ ๆ มากขึ้นมั้ย สิ่งนี้เป็นดัชนีชี้วัดว่าจะดึงดูดการลดภาวะเมืองหดตัวได้ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด

วางแผนการออกแบบพื้นที่อย่างไร

ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ – ต้องบอกว่าเราร่วมมือกันเพื่อรวบรวมข้อมูล วางแผนออกแบบของคณะสถาปัตย์ฯ แต่คนที่ลงทุนพัฒนาจริง ๆ คือตัวเทศบาลฯ ซึ่งเตรียมงบประมาณในการจัดการเรื่องพวกนี้ต่อไปในอนาคต เราสำรวจตึกแถวประมาณกว่า 2,500 คูหาที่อยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางพาณิชยกรรม ว่าในช่วงระยะเวลากลางวัน กลางคืน วันธรรมดา วันหยุด เสาร์อาทิตย์ เขามีการใช้ประโยชน์ชั้นหนึ่งในเชิงพาณิชยกรรมหรือใช้ประโยชน์ในเชิงอยู่อาศัยมากน้อยเพียงใด คือเราไม่สามารถจะรู้ได้ว่าชั้นบนเขาทำอะไร พบว่า 20% คือพื้นที่ที่มีการปิดไว้ ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร คนจะอยู่ไม่อยู่ไม่ทราบแต่ชั้นหนึ่งไม่ได้ใช้ ซึ่งถ้าเรามองว่านี่คือพื้นที่พาณิชยกรรม แต่ชั้นหนึ่งปิดเอาไว้ มันก็เสียประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ สิ่งสำคัญคือเราควรเริ่มจากสิ่งที่เราทำได้ เราไม่ได้ไปออกแบบตึกแถว ตึกแถวเป็นของเอกชน เพียงแต่ว่าเราทำโปรแกรมที่กระตุ้นให้เจ้าของอาคารอยากจะให้เช่าอาคาร หรือมีคนอยากมาเช่า หรือตัวเองอยากจะเปิด ประกอบกิจการเอง ลูกหลานกลับมาเปิดมากขึ้น เราดำเนินการและวางแผนว่า 4 พื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เทศบาลฯ กำลังจะไปปรับปรุงให้เป็นอะไร มีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร มีการบริหารจัดการอย่างไร แล้วจะไปดึงดูดใครมาได้ อันดับแรก ชาวสระบุรี อาจไม่ใช่แค่ในเทศบาลฯ เท่านั้น เรามองถึงพื้นที่รอบ ๆ ที่มีคนอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นแก่งคอย พระพุทธบาท มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่รอบ ๆ มากมาย คนส่วนใหญ่อยู่ในวัยแรงงาน ทั้งคนที่ทักษะสูงและกลุ่มแรงงาน เรากำลังสำรวจข้อมูลและวิเคราะห์ให้เห็นภาพว่าคนกลุ่มนี้ต้องการอะไรบ้าง แล้วต่อมากลุ่มนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มสำคัญคือคนที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร ออกไปท่องเที่ยวบริเวณเขาใหญ่ อยุธยา ลพบุรี เราทำการสัมภาษณ์ว่าถ้าออกไปเดินทางเขาต้องการอะไรบ้าง อันดับแรก การท่องเที่ยว ไปแล้วไม่ใช่แค่สนุกสนานกินข้าวเท่านั้น มี 2-3 ความต้องการคือ หนึ่ง เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ว่าที่นั่นเป็นอย่างไร แต่จริง ๆ แล้วเป็นการอัปสกิล เพิ่มคอนเทนต์ให้กับตัวเอง เช่น ไปแล้วมีงานศิลปะดี ๆ ได้เห็นและได้อัปเดตเทรนด์ สอง Experience ใหม่ ๆ อาจจะโยงไปถึงการถ่ายภาพลงอินสตาแกรมที่คนนิยมกันด้วยก็คือว่า อันนี้ไม่เคยเห็นที่อื่น ไม่สามารถไปที่อื่นได้ ต้องมาที่นี่ ได้มีประสบการณ์กับสเปซหรือกิจกรรมเหล่านั้น

แผนพัฒนา 4 พื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ว่านี้เป็นรูปแบบใดบ้าง

ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ – เราเห็นภาพความเป็นไปได้ของตัวตลาดสด แน่นอนว่าการขายของสดเป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ของสดนั้น ยิ่งถ้าเป็นของที่ทำอยู่ในจังหวัด ซื้อเสร็จมีร้านที่เขาปรุงให้เรากินได้ด้วย แล้วร้านนั้นสวย เพราะฉะนั้นการอัปเกรดตลาดที่ไม่ได้แค่สะอาด สะดวก ยังมีประสบการณ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น เราสามารถอยู่ที่นั่นแล้วบริโภคได้ด้วย มีเช็กอินได้ด้วย

สอง ตัวหอประชุมอบจ. ปรับเปลี่ยนสู่การใช้ประโยชน์เชิงสาธารณะมากขึ้น ที่คุยกันตอนนี้มีสองมิติ หนึ่ง พื้นที่การออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ และการนันทนาการ เช่น ดนตรี ตอนนี้ถ้าถามว่าจะเรียนดนตรี ซ้อมดนตรี ที่สระบุรีเองก็มี แต่มีจำกัด หรืออาจารย์ต้องมีห้อง มีบ้านของตัวเองถึงไปเรียนได้ กิจกรรมนันทนาการจะเป็นหอประชุม สนามกีฬาในร่ม เป็นห้องเรียนพิเศษ อย่างไรก็ตาม ก็มีอีกกระแสที่อยากเปลี่ยนให้เป็นการเรียนรู้เชิงศิลปวัฒนธรรม

สาม ถนนสุดบรรทัด พื้นที่พาณิชยกรรม มีร้านค้า ร้านอาหารอยู่บ้างก็จริง แต่ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ที่ปิดไว้ จริง ๆ แล้วการทำพื้นที่ ปรับปรุงทางเท้า ปรับปรุงเป็นพื้นที่จัดอิเวนต์ได้ มีอิเวนต์ในช่วงศุกร์เสาร์อาทิตย์ ก็จะเป็นหนทางหนึ่งในการดึงให้คนเข้ามาจับจ่ายใช้สอย บริโภค แล้วพื้นที่ถนนสุดบรรทัดเป็นเส้นตรง ๆ ประมาณ 3 กิโล ไปกลับก็ 6 กิโลแล้ว จะมีสวนสาธารณะอยู่ตรงนั้นด้วย ถ้าทำเป็นลู่วิ่ง ทางจักรยาน อาจเป็นมิติหนึ่งในการดึงดูดคนเข้ามาได้

สี่ อาคารวไลยอลงกรณ์ ศูนย์การเรียนรู้ ในพื้นที่สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดสระบุรี ซึ่งก็ใช้ประโยชน์ในบางเวลา คือมันเป็นอาคารสองหลัง ถ้าเรารวบเอาการใช้ประโยชน์ของอาคารพื้นที่เรียนรู้ไปอยู่ในพื้นที่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนตัวอาคารร้อยปีวไลยอลงกรณ์ เป็นประสบการณ์ใหม่ เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ คือตัวอาคารร้อยปีน่ารักมาก เป็นอาคารที่สร้างขึ้นง่าย ๆ เป็นโรงเรียนอนุบาลเก่า นอกเหนือจากเป็นพื้นที่ให้คนเข้ามาเยี่ยมชมได้แล้ว การทำให้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ผู้เฒ่าผู้แก่ เด็ก มา ตอนเย็นเด็กมาเรียนพิเศษแบบที่ไม่ใช่โรงเรียนกวดวิชา แต่เป็นโรงเรียนเย็บปักถักร้อยหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นกิจกรรมนันทนาการ ภาษาต่างประเทศ อาจจะเป็นอาจารย์ที่อยู่แถวนั้นมาเช่าพื้นที่เปิด เป็นพื้นที่คอมมิวนิตีใหม่ ก็มีความเป็นไปได้ เหล่านี้คือโปรแกรมที่เราเซอร์เวย์จากยูสเซอร์เพื่อเข้าสู่กระบวนการต่อไปที่จะคุยกับกลุ่มคนสระบุรีว่า ต้องการพัฒนาพื้นที่มากน้อยแค่ไหน เห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไร เพื่อจะมาปรับเป็นแบบที่จะใช้ในการปรับปรุงพื้นที่เหล่านี้

จุดแข็งและจุดอ่อนของสระบุรีคืออะไร

ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ – จุดแข็งคือการอยู่ใกล้กรุงเทพฯ (ห่างออกไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ระยะทางประมาณ 108 กิโลเมตร) กรุงเทพฯ เป็นภัยทรัพยากรที่ดึงดูดคนเข้ามา แต่ในมุมกลับกัน ตัวเขาเองหากปรับปรุงอะไรบางอย่างที่เป็นการค้าการบริการที่จะดึงดูดคนจากกรุงเทพฯ ไป ก็ทำได้ แม้ว่าจะมีเส้นบายพาสที่ผ่านเขาไปก็ตาม แต่ก็ยังมีคนอยู่ระหว่างนั้น โอกาสที่จะทำให้คนเดินทางมาบนถนนสายเดิมก็เป็นไปได้ ซึ่งต้องใช้ความพยายามของเทศบาลฯ ในการจัดการเรื่องนี้ จุดแข็งสองคือมีโรงงานอุตสาหกรรม ตัวเมืองไม่มี แต่จังหวัดมี หมายความว่าจริง ๆ แล้วมีวัยแรงงานที่เดินทางเข้าไปทำงานและอยู่อาศัยในพื้นที่รอบ ๆ นั้น เพียงแต่ตัวเขาเองไม่ได้เดินทางเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่พาณิชยกรรมและสาธารณูปการในเมืองสระบุรีเหมือนแต่ก่อนแล้ว ถ้าเราทำสิ่งที่ข้างนอกไม่มี แล้วมันเป็นพิเศษของที่นี่ มาแล้วต้องมาที่นี่เท่านั้น คนวัยแรงงานพร้อมรถยนต์มีโอกาสสูงมากที่จะมา คือมาได้ง่าย ประเด็นต่อไปคือการบริหารจัดการเรื่องการเดินทางเข้ามา การจอดรถ การลดปัญหาจราจรติดขัดที่จะตามมา

ผศ.สรายุทธ – คือสระบุรีเคยเป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรมทางภาคกลางตอนบน เป็นทางเชื่อมไปสู่ภาคอีสาน เป็นประตูเชื่อมสองภูมิภาค ซึ่งเขาเคยเห็นวันที่เมืองกำลังรุ่งเรือง คนจับจ่ายใช้สอย คนสระบุรีมีเงินมีทอง ทุกวันนี้เขาก็ยังมีเงินมีทองกันอยู่เพียงแต่ไม่มีลูกค้า ไม่มีการลงทุนใหม่ ๆ การที่เราใช้คำว่า Regenerate หรือ Regen ทำให้เมืองปรับตัวเอง ฟื้นฟูไปสู่มิติในยุคสมัยใหม่ที่ทำให้คนวัยแรงงานอยากกลับมาอยู่บ้าน อยากมาเปิดร้าน ทำให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ ๆ เกิดบริการสาธารณะที่ตอบโจทย์ทั้งผู้สูงอายุ ครอบครัว วัยแรงงาน และเยาวชน น่าจะเป็นภาพที่ตอนนี้คนอยากเห็น

ความเป็นไปได้ของแผนพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่พาณิชยกรรมในเทศบาลเมืองสระบุรี

ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ – คิกออฟแรก ทางเทศบาลฯ พยายามใช้ 4 พื้นที่นี้เป็นสตาร์ตเตอร์ในการสร้างโมเมนตัม ด้วยความที่กรุงเทพฯ ยังเป็นแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้คนสระบุรีคือทำงานกรุงเทพฯ ยังกลับสระบุรีได้ ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ เสาร์อาทิตย์กลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้าน ยังเป็นไปได้อยู่ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าโจทย์ของสระบุรีเป็นเมืองที่ท้าทายมาก ๆ แต่เราต้องมองว่าการรับมือกับสถานการณ์นี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ยังไงก็ต้องทำ ปลายทางจะเป็นอย่างไร เช่น การดึงดูดคนกลับมาล้านคน อาจจะไม่ใช่นึกถึงการทำให้เมืองกลับมาเหมือนเดิม แต่คือการสร้างทางเลือกใหม่หรือทางออกให้กับเมืองต่อไป ผมอยากให้มองแบบนี้ ปัญหาเมืองหดตัวไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับสระบุรี แต่เมืองที่ขยายตัวออกไป กับสังคมผู้สูงอายุ บ้านเดี่ยว บ้านจัดสรรที่อยู่รอบ ๆ ผู้สูงอายุจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวในพื้นที่ชานเมืองแทบทุกจังหวัด เราดูรุ่นพ่อแม่พวกเราที่ซื้อบ้านจัดสรรไปอยู่ชานเมือง จะเริ่มเข้าสู่อายุ 70-80 จะขับรถไม่ได้ แค่ออกมาหน้าหมู่บ้านจัดสรรยังยากเลย ปัญหานี้เป็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นพร้อมกัน เพียงแต่ด้วยบริบทของสระบุรี เขาเจอเร็วกว่าคนอื่น ต้องแก้ไขปัญหาเร็วกว่าคนอื่น แล้วเจอในภาวะที่ไม่มีตัวช่วยแฝงอย่างการท่องเที่ยวเข้ามา ปัญหานี้ดูวิกฤติ ดูยาก แต่จะกลายเป็นปัญหาที่เป็น Norm ของทุกเมือง อันนี้ต้องชื่นชมความแอ็กทิฟ ความเป็นคนมีวิสัยทัศน์คนรุ่นใหม่ของทีมบริหารโดยเฉพาะท่านนายกเทศมนตรีเมืองสระบุรี

เป้าหมายของโครงการวิจัยฯ ที่คาดหวังให้สำเร็จ

ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ – ย้อนกลับไปสู่โจทย์เมืองหดตัว ตัวชี้วัดเมืองหดตัวที่สำคัญ 3 ส่วนคือ คนเพิ่ม การเพิ่มขึ้นของผู้อยู่อาศัย การย้ายเข้า สอง มูลค่าทางเศรษฐกิจ รายได้ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งดัชนีสำคัญคืออัตราการจัดเก็บภาษีของนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา สาม การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสาธารณะหรืออาคารพาณิชยกรรมมีการใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพขึ้น สระบุรีเลือกการลงทุนโดยรัฐในพื้นที่ 4 ยุทธศาสตร์นี้ เราคาดหวังว่าจะดึงดูดคนเข้ามาแล้วสร้างโอกาสต่อ เมื่อคนอยู่รอบ ๆ กระตุ้นแล้วว่ามีลูกค้า ตัวตลาดเอาไง ตึกแถวต่าง ๆ จะเปลี่ยนธุรกิจยังไง สิ่งนี้ไม่เป็นเพียงความท้าทายของเทศบาลฯ เท่านั้น ถ้าเราไปดูบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ได้ดูแลเรื่องเศรษฐกิจของท้องถิ่นโดยตรง คนดูแลเป็นจังหวัด ซึ่งพาเราไปสู่อีกการอภิปรายว่า ตอนนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ เจอปัญหาแบบเดียวกันหมด ซบเซา เมืองร้าง ต้องการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ตัวเทศบาลฯ เองอาจต้องมีบทบาทกระตุ้นตรงนี้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เช่น การเปิดร้าน การพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ อย่างมีหลายพื้นที่ที่เปิดตลาดใหม่ ทำแล้วก็ต้องมีผู้เช่าเข้ามา ออกแบบ Facility แล้ว การบริหารจัดการ โพรโมชัน มาร์เกตติงก็ต้องตามมา สอง ตัวพิพิธภัณฑ์ ก็จะเห็นภาครัฐทำพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาใหม่ หลาย ๆ ที่ก็เป็นแหล่งดึงดูดให้คนไป แถมการจัดอิเวนต์ รัฐทุกแห่ง เทศบาล อบต. ก็จัดตั้งแต่ตรุษจีน ลอยกระทง หรืออิเวนต์ใหม่ ๆ ที่เทศบาลฯ สามารถทำได้ในวันเสาร์อาทิตย์ หรือให้สัมปทานพื้นที่กับออร์แกไนเซอร์มาจัดการก็ยังได้ ขอให้มีพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ แน่นอน ต้องมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วน


#เทศบาลเมืองสระบุรี
#คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย #โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาดในระดับพื้นที่ #CIAP #บพท #wecitizens

Wecitizens Editor

Recent Posts

[THE RESEARCHER : เมืองสระบุรี]<br />วนิชา ชาตะศิริ<br />ผู้ช่วยนักวิชาการคอมพิวเตอร์ สังกัดกองยุทธศาสตร์และงบประมาณ เทศบาลเมืองสระบุรี

“นโยบายของท่านนายกฯ (ธีรรัตน์ จึงยิ่งเรืองรุ่ง นายกเทศมนตรีเมืองสระบุรี) คืออยากเพิ่มช่องทางการบริการให้ประชาชน เมื่อก่อน เวลาประชาชนมาติดต่อราชการ จะมีเสียงบ่นว่า นาน ช้า เสียเวลา ทำเรื่องยาก เอกสารเยอะ ประกอบกับช่วงนั้นมีสถานการณ์โควิด-19 การมาติดต่อราชการคือลดไปเลย…

4 hours ago

[THE RESEARCHER : เมืองสระบุรี]<br />ปริยากร วงศ์สม<br />นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ สังกัดกองยุทธศาสตร์และงบประมาณ เทศบาลเมืองสระบุรี

“ความเป็นเมืองสระบุรี เราเป็นเมืองผ่านไปสู่จังหวัดต่าง ๆ เป็นแหล่งอุตสาหกรรม มีโรงงานเยอะ แต่ถ้าในบริบทตำบลปากเพรียวที่เป็นเขตเทศบาลเมืองสระบุรีคือไม่มีโรงงาน ยังเป็นชุมชนชาวบ้าน มีตลาดนัด ตลาดต่าง ๆ แต่หลังจากที่มีโรคโควิด-19 คือจุดเปลี่ยน คนที่เคยอยู่ตรงนี้ ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่นมากขึ้น ทำให้สภาพบ้านเมืองเงียบเหงาลง…

10 hours ago

[THE RESEARCHER : เมืองสระบุรี]<br />ธนพล รักษ์กิจการ<br /> ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์<br />เทศบาลเมืองสระบุรี

“โดยหน้าที่ของผมคือประชาสัมพันธ์กิจกรรม เทศกาลต่าง ๆ ที่ทางเทศบาลเมืองสระบุรีเป็นผู้จัดขึ้น โพรโมตสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งที่น่าสนใจในเมืองของเราให้ชาวเมืองสระบุรีรวมถึงผู้อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับรู้และอยากมาเยี่ยมเยียน เราเพิ่งจัดแคมเปญ ‘วันเดียวเที่ยว 9 วัด’ เช่น วัดศรีบุรีรตนาราม หรือวัดปากเพรียว เป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง เรามีวัดใหม่ที่สร้างขึ้นมาไม่นาน…

11 hours ago

[CITY MOVEMENT : เมืองสระบุรี]<br />สีสันเมืองสระบุรี

พื้นที่ 20.13 ตารางกิโลเมตรของเทศบาลเมืองสระบุรีคือสังคมเมืองขนาดกำลังพอดี มีบรรยากาศไม่เร่งรีบอย่างเมืองมหานคร และมีเสน่ห์เรียบง่ายของเมืองเล็ก ที่สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสาธารณะครบถ้วนในการอยู่อาศัยและใช้ชีวิต เทศบาลฯ ผลักดันโครงการพัฒนาเมืองอย่างไม่หยุดนิ่ง มีแผนพัฒนาท้องถิ่นที่กำลังเกิดขึ้นเพื่อสร้างเมืองน่าอยู่ เช่น สร้างพื้นที่สีเขียวแห่งแรกของเมืองสระบุรี กว่า 20 ไร่ ปรับปรุงสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสระบุรีและพื้นที่โดยรอบ…

1 day ago

[THE RESEARCHER : เมืองสระบุรี]<br />ฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุล<br />รองนายกเทศมนตรีเมืองสระบุรี<br />นักวิจัยโครงการ “การพัฒนาฟื้นฟูศูนย์กลางพาณิชยกรรมเมืองสระบุรีเพื่อรับมือกับสภาวะเมืองหดตัว”

“ความตั้งใจคือ ถ้าจะพัฒนา หรือขับเคลื่อนเมือง ควรมีภาควิชาการมาช่วยทำให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ของทั้งประชาชน ของผู้บริหาร ความใฝ่ฝัน ความต้องการในการพัฒนาเมืองของผู้บริหาร อยู่บนพื้นฐานข้อมูลข้อเท็จจริง ประกอบกับการมีเทคโนโลยีมาช่วยขับเคลื่อนเป็นเครื่องมือสำคัญในการอธิบายข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งเรียกว่าเป็นวิธีการใหม่ คือโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด…

1 day ago

[THE CITIZENS : เมืองสระบุรี]<br />วรรณภาภรณ์ แก้วเกลี้ยง <br />ประธานกรรมการชุมชน<br />วัดศรีบุรีรตนาราม

“ครอบครัวตั้งแต่รุ่นอากงอาม่าอยู่ที่นี่กันหมด ค้าขายอยู่ตรงท่าน้ำดับเพลิง สมัยก่อนเรียก ท่าปากเพรียว คนจีนเรียก ปั๊กเพียว เป็นท่าเรือริมแม่น้ำป่าสักที่ลงของจากกรุงเทพฯ เข้ามา บ้านที่อยู่ก็โยกย้ายบ้างแต่ก็อยู่บริเวณตลาดนี่แหละ เราเคยชินกับชีวิตที่อยู่ใจกลางเมือง เราหิวเดินไปซื้อได้ เหงา ๆ ก็เดินมาหาเพื่อนในตลาด ทุกคนในตลาดก็รู้จักกันเกือบทั้งหมด…

1 day ago