“การชงกาแฟก็เป็นงานเมืองแบบหนึ่งเหมือนกัน แน่นอนมันอาจไม่ได้เป็น hot issue แบบที่ผมเคยทำ แต่นี่เป็นงานเชิงวัฒนธรรม และถ้าหลายคนร่วมๆ กันทำ มันจะประกอบร่างให้เมืองของเรากลายเป็นเมืองน่าอยู่”

“ก่อนมาขายกาแฟ ผมทำงานอยู่องค์การมหาชนที่ขับเคลื่อนเรื่องการพัฒนาชุมชนในสำนักงานที่กรุงเทพฯ ผมทำที่นั่นอยู่ราว 10 ปี หลักๆ คือทำเรื่องที่อยู่อาศัย เรื่องเอกสารสิทธิ์ในที่ดินและที่ทำกินของชาวบ้าน หรือการทำให้เมืองยังคงพัฒนาต่อไปได้โดยที่ชุมชนไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

นี่เป็นงานที่ผมรัก เพราะได้อยู่กับชาวบ้าน ได้มีส่วนทำให้พวกเขาเข้าถึงและรักษาสิทธิ์ของตัวเอง รวมถึงทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชุมชนดีขึ้นผ่านการมีที่อยู่อาศัยที่ถูกต้องและมั่นคง 

แต่พอทำงานไปในช่วงหลังๆ อาจด้วยปัจจัยหลายอย่าง และนี่เป็นมุมมองส่วนตัวของผมนะ ผมเห็นว่าองค์กรที่ผมเคยทำงานด้วย จากที่เคยเป็นตัวกลางเชื่อมชาวบ้านกับภาครัฐ กลับกลายเป็นว่าองค์กรไปรับใช้รัฐมากกว่าจะอยู่ข้างชาวบ้าน ผมเชื่อเรื่องการกระจายอำนาจให้คนเล็กคนน้อย เชื่อว่าคนเล็กคนน้อยเหล่านี้คือเจ้าของเมือง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ก็เลยคิดว่าถ้าทำงานนี้ต่อไป เราคงไม่มีความสุข

ขณะที่อีกปัจจัยสำคัญคือผมมีลูกคนแรก ก็อยากมีเวลาอยู่กับเขามากขึ้น เลยตัดสินใจลาออกจากงาน กลับมาอยู่บ้านที่นครสวรรค์

นครสวรรค์ไม่มีงานที่ทักษะทางวิชาชีพที่ผมมีจะทำได้ แต่ในเมื่อเรากลับมาอยู่แล้วต้องมีรายได้ เลยคิดถึงการทำธุรกิจเล็กๆ ที่ทำให้ผมสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ คิดไปคิดมาว่าจะทำยังไงดี แล้วก็พบว่าราว 5 ปีที่แล้ว สมัยนั้นเมืองยังไม่ค่อยมีร้านกาแฟที่เป็นคาเฟ่จริงจัง ก็เลยตัดสินใจจะทำธุรกิจนี้

ผมไม่ได้เป็น coffee lover มาแต่ต้น พูดตามตรง ผมดื่มกาแฟกระป๋องเป็นหลักด้วยซ้ำ ก็พาตัวเองไปรู้จักกับคนที่เขาทำกาแฟมาก่อน ไปเรียนรู้ให้มาก ผมถือคติว่าถ้าเราอยากมีเงินเลี้ยงลูก เราต้องชงกาแฟให้อร่อย เพื่อทำให้ร้านอยู่ได้ ร้านกาแฟของผมมันไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยแพสชั่นของคนรักกาแฟแต่แรก แต่เป็นแพสชั่นของคนทำมาหากิน แต่นั่นล่ะ พอเริ่มเข้าสู่โลกกาแฟแล้ว ผมก็ค่อยๆ ดำดิ่ง จนทุกวันนี้พูดได้เลยว่ากาแฟมันมีความหมายกับชีวิตผมมาก     

Cup and Away ปีนี้ (2566) เป็นปีที่ 5 ล่ะครับ ช่วงแรกๆ ก็เหนื่อยหน่อย เพราะคนยังไม่รู้จัก แต่ก็ได้รับการบอกต่อและลูกค้าประจำ จนอยู่รอดมาได้ กระทั่งช่วงโควิด-19 ร้านเราก็ไม่โดนกระทบเท่าไหร่ เพราะมีฐานลูกค้าที่เป็นคนนครสวรรค์เป็นหลัก

แน่นอน เนื้องานชุมชนกับการทำกาแฟนี่ต่างกันเลย แต่มองอีกมุม นอกจากการทำกาแฟให้ดี ผมก็ได้ใช้ทักษะในงานเก่าที่มีกับธุรกิจนี้ได้ อย่างการพูดคุยกับลูกค้า การเป็นผู้ฟังที่ดี การอ่านความต้องการของเขา ไปจนถึงการผูกมิตรจนทำให้ลูกค้าวางใจ ลูกค้าประจำหลายคนกลายมาเป็นเพื่อนกัน และก็มีไม่น้อยที่เลือกเล่าปัญหาชีวิตส่วนตัวของเขาให้ผมฟังคนเดียว และผมก็รับฟังและให้คำแนะนำเท่าที่จะทำได้โดยไม่ตัดสิน

จริงอยู่ การทำร้านกาแฟทำให้ผมพบเจอแต่คนที่มีรายได้โอเค ชีวิตไม่ได้ต้องดิ้นรนอะไรนัก และถ้ามองในภาพรวมของเมืองนครสวรรค์ ก็จะเห็นว่าการค้าการขายค่อนข้างดี ผู้คนมีรายได้ แต่ความเป็นจริง ความเหลื่อมล้ำของเมืองเราก็ไม่ต่างจากกรุงเทพฯ นะครับ คนรวยก็รวยไปเลย ส่วนคนจนเขาก็ลำบากหนักจริงๆ โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ และก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาในการเข้าถึงโอกาส

อธิบายให้เห็นภาพ อย่างการมีพื้นที่สาธารณะ จริงอยู่เมืองเรามีสวนสาธารณะหรือมีอีกหลายพื้นที่ที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าคุณมีลูกเล็ก และอยากให้ลูกเข้าถึงการเรียนรู้นอกห้องเรียน หรือเสริมทักษะอื่นๆ การที่คุณไม่มีเงิน สิ่งนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลยนะ หรือกระทั่งการใช้พื้นที่สาธารณะเอง ก็ใช่ว่าทุกครอบครัวจะมีเวลาพาลูกมาวิ่งเล่นหรือพักผ่อนในสวนได้เสียที่ไหน เพราะคุณต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน

ผมจึงเห็นว่าเมืองเรามีพื้นที่พร้อม แต่ยังขาดกิจกรรมที่เปิดให้เด็กๆ ทุกคนเข้าถึงโดยไม่ติดเพดานทางเศรษฐกิจ ถ้าเทศบาลหรือหน่วยงานท้องถิ่นขับเคลื่อนเรื่องนี้จะดีมากๆ

กับอีกเรื่องที่ผมเห็นว่าเมืองของเราขาดอยู่คือสุนทรียะ อาจเพราะคนในนี้ส่วนใหญ่ทำธุรกิจกัน พอมีลูกเขาก็จะส่งเสริมให้เรียนหมอหรือวิศวฯ พวกเขาจึงไม่ค่อยเห็นความสำคัญกับการมีพื้นที่ทางศิลปะให้ผ่อนคลาย ซึ่งจริงๆ แล้วคนรุ่นใหม่ทั้งวัยเรียน หรือวัยทำงานที่กลับมาอยู่บ้านเขาโหยหามันมากเลยนะ

ร้านผมเคยจัดนิทรรศการภาพถ่ายให้เพื่อนช่างภาพรุ่นน้องคนหนึ่ง วันเปิดมีวงดนตรีแจ๊สเล็กๆ มาเล่นให้ กลายเป็นว่าคนให้ความสนใจกันมากๆ พ่อแม่พาลูกมาดูภาพถ่าย และคุยกันถึงสถานที่ในภาพ ลุงป้ามาดูภาพถ่ายแล้วรู้สึกอิ่มเอม หรือคนรุ่นใหม่ที่นำผลงานมาให้ผมดู เผื่อจะได้จัดแสดงงานบ้าง เป็นต้น

หรือที่ระยะหลังๆ เทศบาลจัดงานดนตรีในสวน และเห็นครอบครัวพาลูกหลานมานั่งฟังเพลงกัน ซึ่งผมว่าดีมากเลย เมืองเราต้องมีพื้นที่หรือกิจกรรมแบบนี้ มันไม่จำเป็นต้องเป็นศิลปะจ๋าก็ได้ ขอแค่เริ่มมีสุนทรียะที่มันกลมกลืนไปกับวิถีชีวิตของผู้คนก่อน แล้วหลังจากนั้นพื้นที่ทางศิลปะจะไปต่อของมันได้เอง

ถามว่ายังคิดถึงงานพัฒนาชุมชนอยู่มั้ย? บางครั้งก็คิดนะครับ แต่ผมรู้สึกว่าร้านกาแฟที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันก็มีส่วนในการสร้างประโยชน์หรือร่วมพัฒนาเมืองของเราได้ อย่างที่เล่าว่าเราใช้พื้นที่ที่มีเป็นมากกว่าร้านกาแฟ เป็นพื้นที่ให้คนมาผ่อนคลายกับศิลปะได้ หรือที่เทศบาลจัดงานดนตรีในสวน ผมก็เอากาแฟไปชงเสิร์ฟในงาน ให้คนในร่วมงานได้ดื่มกาแฟดีๆ ดื่มด่ำไปกับดนตรี การชงกาแฟมันก็เป็นงานเมืองแบบหนึ่งเหมือนกันนะ แน่นอนมันอาจไม่ได้เป็น hot issue แบบที่เคยทำ แต่มันเป็นงานเชิงวัฒนธรรมน่ะ เป็นส่วนเสี้ยวที่ถ้าหลายคนร่วมๆ กันทำ มันจะประกอบร่างให้เมืองของเรากลายเป็นเมืองน่าอยู่”    

เสกสรร ป้อมโพธิ์
เจ้าของร้าน Cup and Away และ Cup and Away Hideout
https://www.facebook.com/cupandawaycafe
https://www.facebook.com/profile.php?id=100089482181483

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

WeCitizens : เมืองเชียงราย

ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…

2 weeks ago

[City’s Movement]<br />บวรนคร

คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…

2 weeks ago

[The Citizens]<br />วาที ทรัพย์สิน

สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…

2 weeks ago

[The Citizens]<br />รัชฎาพร นรนวล

เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…

2 weeks ago

[The Citizens]<br />อัญชลี หนูรักษ์

การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…

2 weeks ago

[The Insider]<br />พัชรากร ขุนทอง

แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…

3 weeks ago