“บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของครอบครัวและสำนักงานบริษัทรับเหมาก่อสร้างของพ่อ พอผมขึ้นมัธยมที่มงฟอร์ต เราก็ย้ายบ้านไปอยู่นอกเมือง อากงอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกดังเก็บของ และบ้านพักพนักงานของบริษัทพ่อ มาราวสิบปีสุดท้าย เราก็ปล่อยให้เป็นบ้านร้าง จนน้องสาวเรียนจบกลับมา ประมาณปลายปี 2563 เราก็เปลี่ยนให้บ้านหลังนี้เป็นคาเฟ่ที่เสิร์ฟบรันซ์ ตั้งชื่อว่า มิทเทอ มิทเทอ (Mitte Mitte) โดยเอาชื่อมาจากย่านหนึ่งในเบอร์ลิน ย่านที่น้องเคยใช้ชีวิตสมัยไปเรียนที่เยอรมนี
ก่อนจะตัดสินใจเปิดร้าน เราคุยกันอยู่นานในเรื่องทำเล เพราะแม้เราจะอยู่ในย่านการค้าอย่างช้างม่อย
แต่ความที่ร้านเราอยู่ลึกเข้ามาบนถนนสิทธิวงศ์ ซึ่งเป็นชุมชนเก่าที่ค่อนข้างหนาแน่น แถมในตอนนั้นกลุ่มลูกค้าที่เรามองว่าน่าจะมาร้านเราก็ยังนิยมไปย่านนิมมานเหมินท์มากกว่า อย่างไรก็ตาม พอมีบริวกินนิ่งคาเฟ่เปิดก่อนตรงปากซอย มีร้านคราฟต์เบียร์ชื่อมายเบียร์เฟรนด์มาเปิด ตามมาด้วยร้านลูเปอร์บนถนนราชวงศ์ และระหว่างที่เรารีโนเวทอาคาร ก็มีร้านใต้ถุนบ้านเปิดตรงกลางซอยช้างม่อยเก่า และทั้งหมดได้รับเสียงตอบรับที่ดี จึงพบว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยวเสียทีเดียว
กล่าวได้ว่าร้านรวงเหล่านี้เป็นเหมือนโฉมหน้าใหม่ของย่านการค้าเก่าแก่ย่านนี้ก็ว่าได้ เพราะก่อนหน้านั้นวัยรุ่นหรือนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ๆ แทบไม่เคยแวะเลยนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นคนมีอายุที่มาซื้อของที่ร้านประจำในย่าน หรือเป็นทางที่นักท่องเที่ยวใช้ผ่านไปกาดหลวง ต้องยกเครดิตให้กระแสการกลับมาฟื้นฟูอาคารในย่านเก่าที่เกิดขึ้นในหลายๆ ที่ ช้างม่อยก็ได้รับอานิสงส์ตรงนี้ ซึ่งมันไม่ใช่แค่การฟื้นฟูเฉพาะอาคารหลังใดหลังหนึ่ง แต่ยังรวมถึงการย้อนกลับมาทบทวนมรดกหรือความเป็นมาของย่าน ก่อให้เกิดการเชื่อมร้อยระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ อันทำให้ชุมชนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
มิทเทอ มิทเทอ ของเราก็เช่นกัน ความที่ผมและน้องสาวเคยเติบโตมาในย่านนี้ และพ่อแม่ก็ยังคงไปมาหาสู่กับเพื่อนบ้านเดิมอยู่ ร้านเราจึงค่อนข้างเปิดกับชุมชน อย่างการสนับสนุนวัตถุดิบจากคนในชุมชน การเข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชนตามวาระโอกาส หรือที่ส่วนตัวผมสนใจงานออกแบบก็ร่วมกับ TCDC ทำกิจกรรมกับชุมชนในช่วงงานดีไซน์วีค เป็นต้น
พูดถึงงานดีไซน์วีค จำได้ว่าปีแรกที่ผมเข้าร่วมงาน ผมก็เอาโครงการศิลปะชุมชนไปเสนอป้าดา (พิมลดา อินทวงค์) ประธานชุมชนช้างม่อย ป้าดาก็เห็นดีเห็นงามด้วย แต่ก่อนกลับ แกบอกว่าเห็นพวกผมยังหนุ่ม อยากขอแรงไปกวนข้าวในงานกวนข้าวยาคู้ที่กำลังจะจัดที่วัดชมพูเสียหน่อย กลายเป็นว่างานนั้นเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนของคนสองรุ่น ทางผู้ใหญ่ในชุมชนตกลงให้ความร่วมมือกับโปรเจกต์ดีไซน์วีค ส่วนพวกผมที่เป็นคนจัด ก็ไปช่วยลงแรงกวนข้าวให้ชุมชน ซึ่งก็ทำต่อเนื่องมาอีกปี และก็คาดว่าน่าจะทำต่อไปอีกปลายปีนี้ (หัวเราะ)
หลังจากนั้น พอมีโอกาสได้ทำงานที่มีส่วนพัฒนาย่านช้างม่อยนี้ได้ ผมก็ยินดีร่วมอย่างไม่ลังเล เพราะคิดว่าเรามาทำมาหากินในชุมชนนี้ อะไรที่ช่วยได้ก็ควรช่วย หรือถ้ามองในมุมผู้ประกอบการ การทำให้ย่านที่ร้านเราเปิดอยู่มีความน่าอยู่มากขึ้น สะดวกสบาย และเป็นมิตร ก็ย่อมส่งผลดีกลับมาต่อกิจการของเราโดยตรง
ผมคิดว่าช้างม่อยมีเสน่ห์ตรงนี้ เสน่ห์ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างสิ่งใหม่และสิ่งเก่า เสน่ห์ของการแลกเปลี่ยนความรู้และเกื้อกูลกันระหว่างคนสองรุ่น เสน่ห์ที่เกิดจากการปะทะสังสรรค์ของความหลากหลาย ซึ่งสิ่งนี้แหละที่จะนำไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ และมีส่วนขับเคลื่อนให้เมืองพัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด”
///
วีรธัช พงศ์เรืองเกียรติ
เจ้าของร้าน Mitte Mitte
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…