การพานักเรียนนักศึกษาลงไปศึกษาชุมชน เป็นประโยชน์ต่อทั้งเด็กนักเรียนและชุมชนที่จะออกแบบกิจกรรมท่องเที่ยว กระบวนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางวัฒนธรรม หรือเป็นแนวทางในการเรียนรู้และพัฒนาพื้นที่ของตัวเองต่อไป

“คนส่วนใหญ่มักมองว่าชุมชนคือที่อยู่อาศัย แต่ที่จริงแล้วในทุกชุมชนต่างมีองค์ความรู้ที่เชื่อมโยงกับศิลปวัฒนธรรม ประเพณี รวมไปถึงความทรงจำของคนเฒ่าคนแก่ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีคุณค่าและเป็นต้นทุนในการเรียนรู้หรือทำความเข้าใจสังคมต่อไปไม่จบไม่สิ้น

โครงการหลากมิติแห่งการเรียนรู้เมืองเชียงใหม่ จึงถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงให้เยาวชนมีโอกาสได้เรียนรู้นอกห้องเรียนด้วยการลงพื้นที่ไปศึกษาเรียนรู้จากชุมชน โดยในทางกลับกันเราก็หวังให้คนรุ่นใหม่มีส่วนในการกระตุ้นผู้คนในชุมชนให้กลับมาทบทวนมรดกในพื้นที่ของตัวเอง เพื่อเป็นต้นทุนในการต่อยอดไปสู่โอกาสใหม่ๆ ทางด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา

ในระยะแรก เราส่งเทียบเชิญไปยังสถาบันการศึกษาในเขตอำเภอเมือง ให้ส่งตัวแทนนักเรียนมาร่วมกิจกรรมโรงเรียนละ 5 คน โดยออกแบบกิจกรรมไว้ 3 ระดับ ใน 3 ชุมชนที่มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน เริ่มจากระดับมัธยมต้นที่ลงพื้นที่ในชุมชนควรค่าม้าในเขตเมืองเก่า เน้นไปที่การศึกษาประวัตศาสตร์ของชุมชนที่เชื่อมโยงกับเมือง ส่วนนักเรียนระดับมัธยมปลายเราให้ลงพื้นที่ชุมชนป่าห้าที่อยู่ไม่ไกลจากถนนนิมมานเหมินท์ ศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อมและการทำเหมืองฝายโบราณที่ยังคงหลงเหลือในปัจจุบัน และสุดท้ายคือระดับมหาวิทยาลัย ลงพื้นที่ชุมชนช้างม่อยไปศึกษาด้านเศรษฐกิจจากร้านรวงที่มีอยู่เดิมในย่านและที่เกิดขึ้นใหม่

รูปแบบกิจกรรมใน 3 พื้นที่จะคล้ายกัน ได้แก่การลงพื้นที่สำรวจพูดคุยกับเจ้าบ้าน แล้วกลับมาระดมความเห็น จากนั้นก็ให้นำเนื้อหาที่ได้มาทำเป็นงานศิลปะซึ่งสะท้อนมุมมองของผู้ร่วมกิจกรรมที่ได้ลงพื้นที่มา กิจกรรมจะแล้วเสร็จภายในหนึ่งวัน

แม้จะเป็นโครงการนำร่อง แต่เราก็รู้สึกปลื้มใจที่เห็นเด็กๆ กระตือรือร้น หรือค้นพบแง่มุมที่พวกเขาไม่คาดว่าจะได้พบมาก่อน อย่างเด็กๆ ที่ลงชุมชนป่าห้า พวกเขาก็ไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่มีเหมืองฝายซึ่งเชื่อมโยงกับระบบชลประทานตั้งแต่สมัยก่อตั้งเมืองเชียงใหม่ ยังมีการไหว้ศาลผีกัน หรือมีกลุ่มช่างฟ้อนอยู่ ทั้งๆ ที่ชุมชนนี้ซ้อนทับกับย่านสมัยใหม่อย่างนิมมานเหมินท์ หรือการได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกิ๋นหอม ตอมม่วนที่ควรค่าม้า หรือกวนข้าวยาคู้ที่ช้างม่อย ซึ่งเป็นมิติที่ต่างออกไปจากภาพจำของนักศึกษาที่มองว่าย่านนี้เป็นย่านคาเฟ่ที่กำลังฮิต เป็นต้น ที่สำคัญ เด็กๆ ส่วนหนึ่งก็ยังกลับมาคิดต่อว่าจริงๆ ชุมชนของพวกเขาเอง ก็อาจมีคุณค่าอะไรแบบนี้ ซึ่งจุดประกายให้พวกเขากลับไปศึกษาชุมชนของตัวเองด้วย

เราว่าโมเดลการศึกษาชุมชนแบบนี้มันสามารถนำไปพัฒนาเป็นกระบวนวิชาหนึ่งในสถาบันการศึกษา หรือเป็นกิจกรรม CSR ที่โรงเรียนไปร่วมกับภาครัฐหรือชุมชนต่อไปได้ และถ้ากระบวนการนี้อยู่ในหลักสูตรการศึกษาได้จริง ไม่เฉพาะเด็กนักเรียนที่ได้ประโยชน์ ตัวชุมชนเองก็จะสามารถออกแบบกิจกรรมท่องเที่ยว กระบวนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางวัฒนธรรม หรือเป็นแนวทางในการเรียนรู้และพัฒนาพื้นที่ของตัวเองต่อไปได้เช่นกัน”

///

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัมพิกา ชุมมัธยา

อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้รับผิดชอบโครงการหลากมิติแห่งการเรียนรู้เมืองเชียงใหม่

#WeCitizensTh #LearningCity #ChiangMai

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

THE INSIDER : ณัฐธิยาภรณ์ อ้วนวงศ์ นักวิจัยโครงการเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ร้อยเอ็ด และนักวิเคราะห์นโยบายและแผน กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด

“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…

7 days ago

WeCitizens : The Concept

ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…

1 week ago

WeCitizens เมืองร้อยเอ็ด : ก้าวสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด

WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…

2 months ago

City View : ๑๐๑ เมืองรองที่ไม่เป็นรองใคร

ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…

2 months ago

๑๐๑ สานพลังผู้คนเพื่อกำหนดทิศทางเมือง

สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…

2 months ago

THE MAYOR : บรรจง โฆษิตจิรนันท์ : นายเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง

"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…

2 months ago