“การอพยพแบบเทครัวคือการโยกย้ายถิ่นฐานจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งในลักษณะของการที่ผู้คนโยกย้ายไปทั้งครอบครัวหรือทั้งชุมชน ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีการอพยพรูปแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะช่วงศึกสงคราม เช่นที่ครั้งหนึ่งกองทัพนครศรีธรรมราชไปทำสงครามกับรัฐไทรบุรี และก็ได้นำเชลยศึกจากไทรบุรีกลับมาด้วย
อย่างไรก็ดี ในตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มีการอพยพแบบเทครัวอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของชุมชน นั่นคือราวทศวรรษ 2470 ที่ชาวบ้านในอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ล่องเรือลงใต้มาขึ้นฝั่งยังปากพูนกันทั้งหมู่บ้าน เพื่อหาแหล่งทำมาหากินใหม่ กระทั่งในทุกวันนี้หลายชุมชนริมคลองในปากพูน ก็ล้วนเป็นลูกหลานชาวเพชรบุรีที่ยังคงพูดภาษากลางสำเนียงเพชรบุรีอยู่
นอกจากนำวิถีชีวิตและสำเนียงภาษามาปักหลักที่นี่ อีกสิ่งที่ชาวเพชรบุรีนำติดตัวมาด้วย นั่นคือนวัตกรรมพื้นบ้านในการจับสัตว์น้ำที่เรียกว่าบ้านปลา หรือ ‘หมรัม’
หมรัมคือเครื่องมือที่ทำขึ้นจากท่อนไม้ของต้นแสมขาว หรือต้นอื่นๆ ที่หาได้จากป่าชายเลน จะถูกนำมาปักบนดินโคลนริมสองฝั่งคลองทั้งแนวตั้งและแนวนอน ล้อมรอบเป็นวงกลมและใช้เชือกผูกโยงให้แข็งแรง เมื่อท่อนไม้ถูกปักลงในคลองมากๆ จะทำให้มีแพลงก์ตอนมาอาศัยอยู่ แพลงก์ตอนเหล่านี้เป็นอาหารของสัตว์น้ำ ซึ่งเมื่อพวกมันมารวมตัวกัน ก็ทำให้ชาวประมงสามารถจับสัตว์น้ำขึ้นมาได้อย่างสะดวก ชาวเพชรบุรีที่อพยพมาได้นำ ‘หมรัม’ มาใช้จับปลาในคลองปากพูนอยู่สองแบบคือ หมรัมปลาดุกทะเล และหมรัมปลากะพง ซึ่งอย่างหลังจะใช้ท่อนไม้ที่มีขนาดใหญ่กว่า และทุกวันนี้ก็ยังมีการใช้เครื่องมือชนิดนี้อยู่จนเกิดเป็นอัตลักษณ์ท้องถิ่น
นอกจากการทำหมรัม อีกสิ่งที่ชาวเพชรบุรีที่ทุกวันนี้กลายเป็นคนพื้นถิ่นปากพูนไปแล้วยังทันเห็น คือเหตุการณ์ยกพลขึ้นบกของทหารญี่ปุ่นบริเวณคลองปากพูน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 วันเดียวกับที่กองทัพญี่ปุ่นบุกฐานทัพเรือเพิร์ลฮาเบอร์ ของสหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยถึงแม้เหตุการณ์นี้จะผ่านมา 81 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีคนเฒ่าคนแก่ที่ยังทันเห็นเหตุการณ์ เป็นความทรงจำของชุมชนที่เจ้าของความทรงจำยังสามารถบอกเล่าให้ลูกหลานได้รับฟัง
ผมเชื่อว่าหากเราอยากพัฒนาพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใดให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ การย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ หรือสำรวจรากเหง้าของพวกเราเองในชุมชน คือต้นทุนอันยอดเยี่ยมสู่การพัฒนาบ้านเกิดหรือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งสู่อนาคต โครงการ ‘ทุนประวัติศาสตร์ปากพูน เพื่อสร้างความภูมิใจในท้องถิ่นและการฟื้นฟูทรัพยากร’ ซึ่งเป็นโครงการย่อยของเมืองแห่งการเรียนรู้ปากพูน ก็มีเป้าหมายในการกลับมาศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อการนี้
โดยโครงการนี้จะโฟกัสไปยังหน้าประวัติศาสตร์ของชุมชน 3 เรื่องด้วยกันดังที่กล่าว ได้แก่ การอพยพแบบเทครัวของชาวเพชรบุรีมายังปากพูน การยกพลขึ้นบกของทหารญี่ปุ่นในสงครามมหาเอเชียบูรพา และการศึกษาการทำ ‘หมรัม’ ของชุมชน
รูปธรรมของการศึกษานี้ไม่เพียงนำมาสู่ความภาคภูมิใจของชาวปากพูน ที่ครั้งหนึ่งเคยมีบทบาทในหน้าประวัติศาสตร์ระดับสากล หากยังรวมถึงสร้างความกลมเกลียวกันของผู้คนผ่านการทำหมรัมส่วนกลางของชุมชน เนื่องจากทุกคนมีส่วนในการสร้าง บำรุงรักษา และเก็บเกี่ยวดอกผลจากสัตว์น้ำในเครื่องมือกลางนี้ด้วยกัน และรายได้บางส่วนจากการจับสัตว์น้ำในหมรัมชุมชน ยังถูกจัดสรรเข้ากองทุนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของปากพูนอีกต่อหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ทางโครงการยังได้จัดทำนิทรรศการเคลื่อนที่ บอกเล่าประวัติศาสตร์ของชุมชนทั้ง 3 เรื่อง มอบให้กับทางชุมชนไปเผยแพร่ โดยปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ตลาดความสุขชาวเลในหมู่ 4 และทางผู้นำชุมชนมีแผนในการนำนิทรรศการชุดนี้ไปจัดแสดงตามงานของชุมชน รวมถึงตามสถานศึกษาต่อไป”
ผศ.มานะ ขุนวีช่วย
ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
และนักวิจัยในโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ปากพูน
“เรามีโครงสร้างพื้นฐานในการเป็นสมาร์ทซิตี้พร้อมแต่ที่ผ่านมา เรายังไม่มีกลไกในการพัฒนาบุคคลในกรอบนี้และอีสปอร์ตจะกลไกหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากเด็กและเยาวชน” ไม่เพียงแต่เทศบาลนครนครสวรรค์จะเป็นหนึ่งในเทศบาลแห่งแรกที่ได้รับการคัดเลือกโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ให้เป็น เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตั้งแต่ปี 2564 หากแต่ในปัจจุบัน เทศบาลนครซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ…
“ผมไม่ได้ฝันว่าจะต้องมีซิลิคอนวัลเลย์ในนครสวรรค์แต่หวังว่าเราจะสามารถสร้างงานให้เด็กคนหนึ่งไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯไม่ต้องทิ้งบ้านเกิดไปเพราะไม่มีโอกาส” “ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลพาโลกไปไกล เกมกลายเป็นสื่อที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างน่าทึ่งผมยกตัวอย่างลูกชายผม เขาเรียนอยู่ ป.1 มีเกมอยู่ 2 เกมที่เขาเล่นประจำ คือ Sprunki และ Roblox สองเกมนี้เน้นเรื่องการแปรรูปจินตนาการให้กลายเป็นรูปธรรม ตอนแรกผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกมนี้หรอก จนมาศึกษา…
“ผมไม่ได้ปฏิเสธการศึกษาในระบบ แต่ถ้าเราสามารถสร้างทางเลือกให้กับเด็กที่มีความฝันจริงจังผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็ควรต้องหาวิธีส่งเสริมพวกเขา” “สำหรับการขับเคลื่อนอีสปอร์ตให้กลายเป็นหนึ่งในกลไกการพัฒนาเมือง ผมมองออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกคือ ผมเคยสอนวิชาอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่คณะบริหารและการจัดการ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา และตระหนักดีว่าสิ่งที่ทำให้ศาสตร์นี้ รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับผู้เรียน…
“อีสปอร์ตเป็นการสนับสนุนให้เด็กเข้าใจความหมายของการเล่นเกม ทั้งในแง่ของทีมเวิร์ก วินัย และการมีน้ำใจนักกีฬา” “ผมเล่นเกมมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ แต่เมื่อก่อนไม่รู้เลยว่าเกมพวกนี้มันถูกนิยามในฐานะ ‘กีฬา’ ได้ จนมาเริ่มเล่น RoV (Arena of Valor) ซึ่งนอกจากพบว่า เขามีการแข่งขันกันในระดับนานาชาติมานานแล้ว ยังทำให้ผมเข้าใจนิยามของอีสปอร์ต…
“โจทย์ที่สำคัญคือ ไม่ใช่ว่าเราจะขับเคลื่อนอีสปอร์ตอย่างไร แต่เป็น เราจะเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนต่อการเล่นเกมในฐานะกิจกรรมสร้างสรรค์ และพัฒนาทักษะอย่างไร?" ดร.อิศรา คงมี เป็นนักวิชาการด้านภาษา…เขาเป็นอาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยจบปริญญาตรีและโทในสาขานี้โดยตรง จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ University of Melbourne…
อ่าน WeCitizens เมืองนนทบุรีน่าอยู่ที่ชาญฉลาด Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/zria/ Download PDF File : https://drive.google.com/file/d/1i8cV4rE0UCSgzDUjU4nk52TxKjp1Tnyo/view?usp=share_link บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ของคนเมืองนนทบุรี นำโดย นายกฯ สมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี (ดำรงตำแหน่ง มีนาคม 2564-…