การรำคือการออกกำลังกายทุกอวัยวะได้ดีที่สุด ได้ทุกส่วน

              “ชมรมนาฏศิลป์หัวหินเริ่มต้นจากกิจกรรม “รำฟ้อนหน้าบ้านพ่อ” ตอนในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต เทศบาลเมืองหัวหินประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาร่วมจุดเทียนรำถวายหน้าวังไกลกังวล ช่วงนั้นครูยังสอนคณิตศาสตร์อยู่โรงเรียนหัวหิน เทศบาลฯ มอบหมายให้ครูเป็นคนสอนรำให้ชาวบ้านที่มาร่วมรำประมาณ 1,500 คน เราเลยคิดว่าทำยังไงจะได้ประสานความสัมพันธ์นี้ต่อเนื่องไป 50 วัน 100 วัน จนถวายพระเพลิง อยากให้วัฒนธรรมไทยนี้ยั่งยืนเลยจัดตั้งเป็นชมรม และวิสาหกิจชุมชนศูนย์นาฏศิลป์เมืองหัวหิน ตอนนี้มีสมาชิกคงที่อยู่ประมาณ 500 คน นางรำที่อายุมากสุด 85 ปี รองลงมา 83 ปี นอกนั้นก็ 60 ปีขึ้น น้อยกว่า 60 ที่ยังทำงานอยู่ก็มี แล้วมีนางรำต่างชาติด้วย

               ครูอยากสานต่อกิจกรรม “รำฟ้อนหน้าบ้านพ่อ” เลยจัดรำถวายสักการะที่อุทยานราชภักดิ์ ซึ่งเป็นจุดเด่นของอำเภอหัวหิน เราก็ทำเพลงใหม่ คิดท่ารำใหม่กับพี่สองคน เพลงที่คิดใหม่คือดุษฎีบูชาสัตตะบูรพกษัตราธิราชเจ้า การรำเพลงนี้มี 3 องก์ องก์ที่ 1 กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ องก์ที่ 2 กล่าวถึงการต่อสู้เพื่อบ้านเมือง องก์ที่ 3 เทิดทูนพระองค์ท่าน ได้อาจารย์จากมหาวิทยาลัยบูรพาแต่งเพลงและเรียบเรียง ส่งโน้ตเพลงให้นักศึกษาซ้อม ครูก็ซ้อมรำ แล้ววันที่ 3-4-5 ธันวาคม ก็ไปรำถวายสักการะที่อุทยานราชภักดิ์ ซึ่งเราทำมาทุกปีจะเข้าปีนี้ปีที่ 6 ทางเทศบาลฯ ก็มีบทบาทและส่วนร่วมในการสร้างเวทีให้ ปีที่แล้วเราได้เป็นตัวแทนจังหวัดประจวบฯ ไปแสดงที่กระทรวงวัฒนธรรม และได้รับคะแนนโหวตเป็นอันดับหนึ่ง ทางกระทรวงฯ ก็บอกว่าที่หัวหินยังไม่มีวัฒนธรรมท้องถิ่นของอำเภอ เลยปรึกษานายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ซึ่งท่านก็ให้กิจกรรมรำถวายสักการะเข้าไปอยู่ในหลักสูตร คือนางรำของศูนย์นาฏศิลป์ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซักวันนึงเมื่อเราคืนสู่ธรรมชาติ ก็จะไม่มีคนสานต่อ เราเสียดายสิ่งที่ทำมาแล้ว ครูก็ทำเนื้อหาเป็นหลักสูตรให้ครูนาฏศิลป์ในแต่ละโรงเรียนของเทศบาลฯ สอนให้นักเรียนในชั่วโมงกิจกรรมเสริมหลักสูตร ซึ่งนักเรียนจะมาร่วมรำถวายสักการะได้ เหมือนมาปฏิบัติจริง มันก็จะยั่งยืน นักเรียนจะรู้ละว่าบ้านเรามีนาฏศิลป์ท้องถิ่นของหัวหิน

               ครูจัดตั้งชมรมนาฏศิลป์หัวหินมาได้สามปี ฝึกรำกันอยู่ที่นี่ แต่หัวหินมันก็กว้างนะ คนก็ไม่รู้ ทางดร.ศิวัช บุญเกิด รองปลัดเทศบาลเมืองหัวหินในตอนนั้น อยากให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง เขาได้มาเห็นว่าเราทำกิจกรรมอะไรบ้างตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน เขาเลยมายกระดับให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นนาฏศิลป์ไทย ให้คนเข้ามาเจาะลึกเลย เพราะแค่ฟังจะไม่รู้ แต่เข้ามาดูแล้วจะรู้เลยว่าทำอะไร ซ้อมจริง ทำจริง ซึ่งนอกจากศูนย์ฯ ที่หัวหิน ก็มีเครือข่ายที่ปราณบุรีด้วย ตอนแรกเขามาร่วมรำกับเรา แต่มากันเยอะมาก เกือบร้อยคน ครูเลยให้เขาจัดตั้งเป็นชมรม แต่เขาไม่มีครูสอน ครูก็จะวิ่งไปสอน เรียกว่า นาฏศิลป์สัญจร ชมรมของเราบางครั้งเรียกว่าชมรมนาฏศิลป์เมืองหัวหิน-ปราณบุรี ตอนหลังก็เป็นศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นหัวหิน-ปราณบุรี

               สิ่งที่นางรำมาทำตรงนี้ คือเขาใจรัก แล้วคนอายุรุ่นนี้ต้องการความสุขทางใจ เขาไม่อยากอยู่นิ่ง พอได้มารวมกลุ่ม เขาอยู่ได้ เขาก็อยู่ เขามาแล้วมีความสุข อีกอย่างคือการรำคือการออกกำลังกายทุกอวัยวะได้ดีที่สุด ได้ทุกส่วน เริ่มตั้งแต่ฟังเพลง สมองต้องคิดตามว่าแข้งขาไปทางไหน เขามาเรียนรู้ท่านาฏศิลป์พื้นฐาน แต่บางท่า เช่น ยกขา ถามว่าคนรุ่นนี้ยกนานไม่ได้เดี๋ยวล้ม ครูก็จะปรับให้ แทนที่จะยกก็โน้มตัว อย่างท่าเพลงรำอวยพร จะนั่งรำแล้วค่อยๆ ลุกขึ้น บางคนนั่งไม่ได้ บางคนขาไม่ธรรมดานะ ขาเหล็กนะ ครูปรับท่าให้ เขาทำก็เกิดความศรัทธาว่าเขารำได้

               นอกจากนี้ เรายังเป็น “นางรำไร้ถัง” ทางเทศบาลฯ ให้คนมีความรู้เรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมเข้ามาอธิบายให้เราเข้าใจ สอนว่าทำยังไง สมัยก่อน ขยะเรารวมกันหมดเลยทั้งแก้ว เศษอาหาร ตอนนี้เราคัดแยกขยะจนเป็นศูนย์ฯ ตัวอย่างการคัดแยกขยะ นางรำก็เอาไปใช้ที่บ้าน กองสาธารณสุขก็เข้ามา ทำหลักสูตรโครงการ “นางรำไร้ถัง” นอกจากรำแล้วยังออกกำลัง และคัดแยกขยะด้วย

               บุคลิกของนาฏศิลป์ท้องถิ่น จุดเด่นของการรำที่เราสร้างขึ้นมาคือเรารำถวายให้พระเจ้าอยู่หัว 7 พระองค์ ซึ่งครูบอกสมาชิกว่า ในประเทศไทย อำเภอหัวหินเป็นอำเภอที่พร้อม พระมหากษัตริย์มารวมกันอยู่ตรงนี้ 7 พระองค์ อย่างไปดูจังหวัดอื่น มีพระบรมราชานุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ แต่ไม่อยู่รวมกัน บางจังหวัดมีองค์เดียว นี่คือจุดเด่นของหัวหิน ปลูกฝังให้เขามองเห็นคุณค่า ได้รู้ว่าบรรพบุรุษพระมหากษัตริย์กอบกู้เอกราชมายังไงบ้าง อุดมการณ์ของเราคือเป็นจิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสังคม เราไม่เรียกร้องจากใคร ทำด้วยใจกันจริงๆ ทุกคนอยากมาร่วม เสื้อผ้าที่ใส่รำทุกคนซัพพอร์ตตัวเอง จุดมุ่งหมายใหญ่ของเราคือซักวันนึง เราอยากจะรำให้เต็มพื้นที่ธงชาติบริเวณหญ้าสีเขียวของอุทยานราชภักดิ์ ก็ขยับคนเพิ่มขึ้นมาทุกปี ถ้าบวกปราณบุรีกับประจวบฯ ก็ได้คนเยอะ บางที่ที่เขารำคือสามสี่หมื่นคนผู้ใหญ่ต้องมาเกณฑ์ แต่ของเราที่มารำ เพราะใจรักจริงๆ”

ทิพวรรณ สุทัศน์ (ครููติ๋ว)

ประธานศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นนาฏศิลป์ไทย เทศบาลเมืองหัวหิน

วิสาหกิจชุมชนศูนย์นาฏศิลป์เมืองหัวหิน

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

WeCitizens : เมืองเชียงราย

ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…

3 days ago

[City’s Movement]<br />บวรนคร

คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…

5 days ago

[The Citizens]<br />วาที ทรัพย์สิน

สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…

5 days ago

[The Citizens]<br />รัชฎาพร นรนวล

เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…

6 days ago

[The Citizens]<br />อัญชลี หนูรักษ์

การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…

6 days ago

[The Insider]<br />พัชรากร ขุนทอง

แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…

6 days ago