“จริงๆ ก็เป็นการจับผลัดจับผลูพอสมควรครับ ก่อนหน้านี้ผมเป็นอาจารย์พิเศษสอนศิลปะที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก สอนอยู่สักพัก เพื่อนรุ่นพี่เขาทำหลักสูตรศิลปะขึ้นมาใหม่ให้วิทยาเขตพะเยา (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยพะเยา) ผมอ่านหลักสูตรแล้วสนใจ เลยย้ายมาสอนประจำที่นี่ ทุกวันนี้สอนมา 8 ปีแล้ว
ผมสนใจหลักสูตรนี้ตรงที่เขามุ่งเน้นให้ศิลปะ งานออกแบบ และความคิดสร้างสรรค์รับใช้ชุมชน หาใช่การผลิตบัณฑิตศิลปะเพื่อเข้าหาแวดวงศิลปะเป็นศูนย์กลาง ต้องเข้าใจก่อนว่าเวลาคุณเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่อยากเรียนปริญญาด้านศิลปะ คุณก็จะมุ่งไปหามหาวิทยาลัยศิลปากร ลาดกระบัง หรือวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ น้อยคนนักที่อยากจะเรียนศิลปะในมหาวิทยาลัยที่เพิ่งเปิดใหม่ แถมยังอยู่ถึงจังหวัดพะเยา แต่หลักสูตรเราก็สร้างโอกาสจาก pain point ตรงนี้ โดยเน้นที่การเรียนรู้และพัฒนาการศึกษาร่วมกัน
แล้วสิ่งนี้ก็สอดคล้องกับวิธีคิดผมที่กำลังอิ่มตัวกับความคิดที่ว่าศิลปะร่วมสมัยต้องผูกอยู่แต่กับมหานครอย่างนิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส หรือในกรุงเทพฯ คือแต่เดิมผมก็แสวงหาที่จะไปอยู่จุดนั้น แต่พอมีโอกาสได้ไปอยู่ (อาจารย์นิธิศ เรียนจบจาก Kent Institute of Arts and Design ประเทศอังกฤษ) เราก็พบว่าเราอยากเห็นแง่มุมอื่นที่ศิลปะมันจะพาเราไปได้บ้าง
หรือที่อาจารย์ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าโลกศิลปะตอนนี้กำลังให้ความสนใจเรื่องเล่าหรือสุนทรียะจากความเป็นชายขอบทั้งหลาย เพราะในเมืองใหญ่ๆ มันถูกเล่าไปหมดแล้ว และตรงนี้เองที่ผมพบว่า อันที่จริงงานศิลปะดีๆ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในหอศิลป์ดังๆ ตามเมืองใหญ่เสมอไป บางทีวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นก็อาจเป็นศิลปะในวิถีของพวกเขาเอง ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมก็ได้
ซึ่งก็พอดีได้ร่วมงานกับอาจารย์โป้ง (ปวินท์ ระมิงค์วงศ์) ซึ่งเขาพยายามขับเคลื่อนให้มหาวิทยาลัยพะเยามีหอศิลป์มาตลอด แต่เมื่อไม่ได้ เขาก็ลงมือทำด้วยตัวเอง ทั้งจากพื้นที่ที่เขาทำ (PYE Space) ไปจนถึงการเปลี่ยนพื้นที่โรงหนังร้าง ตลาดสด หรือพื้นที่สาธารณะของเมืองพะเยาให้เป็นอาร์ทสเปซ นี่จึงเป็นความท้าทายใหม่ๆ ของทั้งผู้เรียนและผู้สอนด้านศิลปะ
แน่นอน พะเยาไม่มีระบบนิเวศทางศิลปะในแบบที่หลายคนเข้าใจ เมืองของเราไม่มีทั้งแกลเลอรี่ นักสะสมผลงาน ภัณฑารักษ์ หรือกระทั่งกลุ่มคนดูอย่างเป็นทางการ ประกอบกับที่ลูกศิษย์ของเราส่วนใหญ่เป็นลูกหลานเกษตรกรหรือผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งพอเรียนจบพวกเขาก็ต้องกลับไปสานต่อกิจการที่บ้าน มีบางส่วนไปทำงานด้านการออกแบบในเมืองใหญ่ และมีน้อยคนมากๆ ในหนึ่งรุ่นที่จะดำเนินชีวิตในฐานะศิลปิน
แต่นั่นล่ะ ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกดำเนินชีวิตไปทางไหน อย่างน้อยที่สุด การได้เรียนศิลปะก็ช่วยปลดล็อคความคิดของนักศึกษา ได้มีอิสระในการได้ทดลองทำในสิ่งที่เขาอยากทำสักครั้งในชีวิต หรือได้มีความคิดเชิงสร้างสรรค์ไปพัฒนาสิ่งที่เขาทำหรือเป็นอยู่ ตรงนี้แหละที่ผมมองว่ามันคือคุณค่าที่แท้จริงของศิลปะ”
ผศ.นิธิศ วนิชบูรณ์
อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…