“พี่ทำงานกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ บทบาทคือการฝึกอบรมและส่งเสริมอาชีพให้ชาวบ้านในเขตเทศบาล เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ทำโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ร่วมกับทางเทศบาล พี่เลยได้รับมอบหมายให้ช่วยประสานงานในโครงการย่อยที่ 1 เรื่องข้อมูลพื้นฐานของชุมชนในเขตเทศบาล ว่าแต่ละชุมชนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร จุดเด่น จุดด้อย รวมถึงของดีของชุมชนที่สามารถนำมาต่อยอดเป็นพื้นที่การเรียนรู้
และก็เพราะพี่ทำงานตรงนี้ จึงพบว่าหลายชุมชนต่างมีผลิตภัณฑ์ วิถีชีวิต ไปจนถึงศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน ที่ไม่เพียงจะต่อยอดด้วยการนำหลักสูตรการเรียนรู้ไปพัฒนาพื้นที่ แต่ยังสามารถนำผลผลิตนั้นๆ มาจำหน่ายได้ นั่นจึงเป็นที่มาของตลาดสร้างสุข ถนนคนเดินในรูปแบบตลาดวัฒนธรรม ซึ่งจัดขึ้นบริเวณรอบหอศิลป์เมืองกาฬสินธุ์ทุกวันอังคารและพฤหัสบดี
กลายเป็นว่าตอนนี้เมืองเรามีพื้นที่การเรียนรู้ที่สามารถแบ่งออกได้ถึง 3 ประเภท นั่นคือในศูนย์การเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม เช่น หอศิลป์ พื้นที่ประวัติศาสตร์ในย่านกลางเมือง และ กศน. สอง คือตามชุมชนต่างๆ ที่ทางอาจารย์มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ได้จัดทำหลักสูตรการเรียนรู้ เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเพื่อพัฒนาทักษะทางวิชาชีพ และสาม ตลาดสร้างสุข ที่เป็นแหล่งขายสินค้า พร้อมพื้นที่เรียนรู้สำหรับคนทุกเพศทุกวัย ผ่านกิจกรรมที่จัดในตลาด
ล่าสุด ภายหลังเทศบาลฟื้นฟูสวนสาธารณะริมน้ำปาว บริเวณศาลเจ้าพ่อโสมพะมิตร ก็มีการทดลองเปิดถนนคนเดินวัฒนธรรมอีกแห่งเลียบลำน้ำ โดยมีกิจกรรมการเรียนรู้อันหลากหลายไปเติมด้วย ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากๆ
สำหรับพี่ พี่มองกาฬสินธุ์เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียงนะ ทั้งนี้ คำว่าเศรษฐกิจพอเพียง มันไม่ใช่แค่การให้ทุกคนมาประหยัดเงิน หรือปลูกพืชสวนครัวกินเองที่บ้าน แต่หมายถึงการเรียนรู้เพื่อให้ทุกคนสามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเอง พึ่งพาปัจจัยภายนอกให้น้อยที่สุด
จริงอยู่ กาฬสินธุ์เป็นเมืองเล็กๆ ที่ GDP อาจจะอยู่ระดับท้ายๆ ของประเทศ แต่ถ้าพิจารณาจากวิถีชีวิตคนที่นี่ เขาก็สามารถจัดการกับชีวิตตัวเองได้ไม่ลำบากอะไร ผู้คนส่วนมากมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบบสังคมคนพุทธ อย่างบางบ้านทำกับข้าวก็แบ่งให้เพื่อนบ้าน บ้านไหนปลูกอะไร ก็เอาผลิตผลมาแจกคนอื่น ยิ่งช่วงไหนมีงานบุญนี่ เราจะเห็นบรรยากาศอันชื่นมื่นแบบนี้ทั่วไปหมด
เมืองเราอาจไม่ได้มีมูลค่ามากมาย หรือผู้คนไม่ได้มีกำลังซื้อมหาศาล แต่เราก็มีน้ำใจที่ถือเป็นคุณค่าสำคัญ และถ้านับรวมต้นทุนทางศิลปวัฒนธรรมไปด้วยแล้ว ก็ถือว่าเป็นมูลค่าสำคัญต่อการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ด้วย
และอีกเรื่องที่ไม่รู้เกี่ยวหรือเปล่านะ แต่พี่เคยทำงานในจังหวัดอื่นๆ ที่ใหญ่กว่านี้มาก่อน พอย้ายมาอยู่นี่ ตอนแรกก็ยังไม่ชินหรอกที่เมืองมันค่อนข้างเงียบ แต่ความเงียบของมันก็ทำให้เวลาพี่เดินทางไปไหน ก็สะดวก หาที่จอดรถง่าย อย่างเคยไปทำงานในเมืองร้อยเอ็ดมา หาที่จอดรถในตัวเมืองยากมาก แค่เหตุการณ์เล็กๆ แค่นี้ ก็ทำให้เราหงุดหงิดได้ ซึ่งสิ่งนี้ไม่เกิดกับกาฬสินธุ์
ไม่ใช่เพราะเมืองหาที่จอดรถง่ายหรอกนะ แต่พอวิถีของเมืองมันราบรื่น จนทำให้คนอยู่มีสุขภาพจิตดีไปด้วย”
วิภารัตน์ กำจร
นักพัฒนาชุมชนชำนาญการ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…