จุดแข็งของชุมชนท่ามะโอ นอกจากต้นทุนทางประวัติศาสตร์ คือการที่มีคนรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการ กลุ่มคนทำงานด้านสื่อมาร่วมกันขับเคลื่อน

“ถ้าพิจารณาจากความเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของเมือง ท่ามะโอถือเป็นชุมชนที่มีต้นไม้ใหญ่และร่มรื่นมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเลยนะครับ หลายคนจดจำที่นี่ในฐานะที่ตั้งขององค์กรอุตสาหกรรมป่าไม้ซึ่งเกิดขึ้นในยุคสัมปทานค้าไม้กับอังกฤษ รวมถึงที่ตั้งของบ้านไม้สักสวยๆ มากมาย แต่ในอีกมุม ที่นี่เป็นชุมชนเก่าแก่ที่เป็นจุดเชื่อม 3 เมืองโบราณสำคัญในประวัติศาสตร์เมืองลำปาง ซึ่งก็ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคก่อตั้งเขลางค์นครนั่นเลย โดยโบราณสถานหลายแห่งก็ตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านไม้เก่าแก่ในยุคสัมปทานค้าไม้อย่างกลมกลืนและมีเสน่ห์

ชื่อเต็มของโครงการที่ผมรับผิดชอบคือ ‘โครงการพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้และกระบวนการสร้างคุณค่าจากทุนทางสังคมวัฒนธรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจด้วยเสน่ห์ทางการท่องเที่ยววิถีชีวิตย่านท่ามะโอ’ ซึ่งเริ่มจากการสำรวจข้อมูลจากชาวบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ นักประวัติศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญทางภูมิทางสังคมวัฒนธรรม รวมถึงเอกสารต่างๆ เพื่อสกัดภูมิวัฒนธรรมของย่าน 5 ภูมิ ได้แก่ ภูมิหลัง ภูมิวงศ์ ภูมิธรรม ภูมิปัญญา และภูมิธรรม จากนั้นก็จัดเวทีเสวนาในชุมชนเพื่อหาแนวทางในการจัดทำฐานข้อมูล สื่อดิจิทัล และแผนที่ทางวัฒนธรรมจากภูมิทั้งห้า

เราพบว่าด้วยความที่ชุมชนท่ามะโอเป็นชุมชนที่โดดเด่นในด้านการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน แต่การระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลโดยตรงต่อการท่องเที่ยว กระทั่งบ้านเสานักที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็ยังต้องปิดทำการชั่วคราวมาจนถึงวันนี้ ควบคู่ไปกับการสร้างแผนที่ทางวัฒนธรรมของชุมชนเพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ เราจึงคิดเครื่องมือที่มีส่วนในการประชาสัมพันธ์พื้นที่ไปด้วย นั่นคือ AR Tourism Guidebook หรือโปรแกรมการท่องเที่ยวเสมือนจริงด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality ซึ่งทำให้ต่อให้คุณอยู่ต่างจังหวัด คุณก็สามารถเข้าไปสำรวจภายในบ้านเก่าหรือภายในย่านท่ามะโอราวกับไปมาจริงๆ โดยนำร่องจากบ้านหลุยส์เป็นแห่งแรก ซึ่งไม่เพียงเรามองว่าสิ่งนี้จะช่วยดึงดูดให้คนที่ได้ชมอยากจะมาชมในพื้นที่ด้วยตัวเองในอนาคต แต่ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาสถาปัตยกรรม ศิลปะ และวิถีชีวิตของผู้คนในย่านต่อผู้ที่สนใจไปพร้อมกัน

พร้อมไปกับการพัฒนา AR Tourism Guidebook เราก็ได้ร่วมกับชุมชนออกแบบเส้นทางการท่องเที่ยวที่มีคาแรกเตอร์เฉพาะ 4 เส้นทาง ได้แก่ หนึ่ง. เส้นทางสำรวจเมืองเก่าเชื่อมเส้นทางการค้าใหม่ในย่าน เส้นทาง สอง. เส้นทางสายมู พาไปชมงานพุทธศิลป์ ไหว้พระ ขอพร และบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดสำคัญๆ สาม. เส้นทางตามรอย 3 เวียงโบราณ และเส้นทางสุดท้าย คือ ท่ามะโอ Retro Art and Craft สำรวจความร่ำรวยทางศิลปะและหัตถกรรมทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยเส้นทางเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้เดินเท้าหรือปั่นจักรยานสำรวจได้สบายๆ รวมถึงกำลังผลักดันให้กลายเป็นเส้นทางรถม้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของลำปางด้วย เพราะในย่านเองก็เป็นที่ตั้งของ ‘บ้านม้าท่าน้ำ’ พื้นที่การเรียนรู้เกี่ยวกับรถม้าและศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญของเมือง

นอกจากนี้ เราตั้งใจให้พื้นที่เรียนรู้ในย่านไม่หยุดนิ่ง จึงมีการวางแผนจะจัดนิทรรศการหมุนเวียนภายในบ้านหลุยส์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังหวังจุดประกายให้ผู้คนเห็นถึงบทบาทของบ้านหลังนี้มากกว่าจะเป็นจุดเช็คอินและแวะถ่ายรูป เช่นเดียวกับกิจกรรมข่วงผญาภูมิปัญญาท่ามะโอ ที่ชักชวนให้สล่าในชุมชนสาธิตการทำงานหัตถกรรมอันหลากหลาย และเปิดให้ผู้ที่สนใจมาเรียนรู้ โดยจัดหมุนเวียนตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วย่าน

ผมพบว่าจุดแข็งของชุมชนท่ามะโอที่เห็นนอกจากต้นทุนทางประวัติศาสตร์ที่เล่ามาแล้ว คือการที่มีคนรุ่นใหม่กลับมาร่วมกันขับเคลื่อนย่าน ทั้งผู้ประกอบการที่รวมตัวกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างสอดคล้องกับบริบทของย่าน ไปจนถึงกลุ่มคนทำงานด้านสื่อเพื่อชุมชน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ก็ร่วมทำงานกับผู้เฒ่าผู้แก่ในย่านได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าถ้ายังมีการขับเคลื่อนร่วมกันต่อไป ท่ามะโอจะเป็นมากกว่าพื้นที่ต้นแบบในการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนซึ่งมีชื่อเสียงมานานแล้ว แต่จะเป็นชุมชนต้นแบบของการขับเคลื่อนและพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมโดยคนทุกรุ่น”

ณัฏฐวรรธน์ สุภาจันทรสุข
นักวิจัยโครงการลำปางเมืองแห่งการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์ลำปาง

(การพัฒนาเมืองลำปางสู่เมืองแห่งการเรียนรู้จากฐานภูมิทางสังคมและวัฒนธรรม)

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[The Insider]<br />พัชรี แซมสนธ์

“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…

2 weeks ago

[The Insider]<br />พรทิพย์ จันทร์ตระกูล

“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…

2 weeks ago

[The Insider]<br />ณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล

“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…

3 weeks ago

[The Insider]<br />นนทพัฒ ถปะติวงศ์

“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…

3 weeks ago

[The Citizens]<br />ชวนพิศ สุริยวงค์

“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว  ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…

3 weeks ago

[The Citizens]<br />กาญจนา ใจปา และพิทักษ์พงศ์ เชอมือ

“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…

3 weeks ago