“บ้านหลังนี้ก็อยู่มาตั้งแต่เกิด แต่ก่อนเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น แล้วบ้านผุ เลยยกบ้านเก่าออกแล้วทำบ้านใหม่ ตอนนี้เป็นตึก 2 ชั้น ประมาณ 80 ปี เมื่อก่อนมี 3 ห้อง ตอนนี้มี 2 ห้อง ประตูบ้านเป็นไม้ แล้วพี่สาวอยากได้ประตูใหม่ เลยทำห้องนึงเป็นเหล็กม้วน ประตูเก่าก็ค่อยๆ เลื่อนๆ มาปิด บานพับเยอะมาก แต่เขาทำเป็นระเบียบ ยังมีอีกหลังนึงห้องเดียวที่ประตูบานพับไม้เหมือนกัน ประตูนี้ก็พร้อมกับบ้าน 70-80 ปีนี่แหละ เราก็อยู่ของเราไปเรื่อยๆ บ้านเก่าๆ หายไป บ้านใหม่ขึ้นมาก็ต้องให้ร่นเข้าไป เทศบาลเขาทำถนนให้กว้างขึ้น ร่นเยอะ เกือบครึ่งห้องนะ บ้านเก่าก็ขอแบบซ่อมก็ไม่ต้องร่น ถนนเส้นนี้ (ถนนเทศบาลสาย 1) เป็นถนนเส้นหลัก แต่ก่อนเป็นทางเกวียนเล็กๆ แล้วก็ขยายถนนมาเรื่อย แต่ก่อนพี่สาวว่าหน้าบ้านเป็นทราย นั่งเล่นกันพี่ๆ น้องๆ ตอนที่เป็นบ้านไม้ พี่สาวขายโอเลี้ยง กาแฟ น้องแม่ก็ขายก๋วยเตี๋ยว แต่แถวนี้น้ำไม่ท่วมนะ มีท่วมแป๊บเดียว พอระบายทันน้ำก็ไม่ขัง
พ่อแม่ทำสวน เตี่ยทำหมอแผนปัจจุบัน แม่ทำสวนทุเรียน เงาะ มังคุด ตอนเล็กๆ เรียนโรงเรียนศรีหฤทัย จบป. 4 ไปเรียนที่โรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ จังหวัดจันทบุรี สมัยก่อนเดินทางลำบาก ไปถึงเมืองจันท์ หัวแดงหมด เดี๋ยวนี้สบายเยอะ ตอนจบม. 6 โรงเรียนไม่มีใบประกาศนียบัตรให้ คือเขาทำเสียแล้วไม่ออกให้ใหม่ เราก็ไม่มีวุฒิไปสมัครงาน เลยต้องหาอะไรเรียนต่อ เราสนใจสมุนไพร เลยไปเรียนแผนไทยที่วัดจันทนาราม หลักสูตรเดียวกันตอนนี้เขาไปสอนที่สาธารณสุข เรียนทั้งหมด 3 ปี เภสัช 1 ปี เวชกรรม 2 ปี ได้ใบประกอบโรคศิลป์ บว. หมายถึง โบราณเวช บภ. หมายถึง โบราณเภสัช เราก็มาทำเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน ทีหลังอาจารย์ถามว่านวดมั้ย ก็เลยเรียนมาทำนวดด้วย ถ้านวดทั้งตัว 1 ชั่วโมง ผู้ชาย 300 บาท ผู้หญิง 250 บาท คนไหนให้นวดเฉพาะที่ก็เฉลี่ยออกไป แถวนี้มีที่ทำแบบเราหลายบ้านอยู่แต่เขาไม่ได้นวด ขายแต่ยา
ยาสมุนไพรเราก็ทำเองหมด พวกพืชสมุนไพรเดี๋ยวนี้หายากขึ้น เราถึงต้องเอามาปลูกเอง ดินที่สวนก็ดีอยู่แล้ว บางอย่างที่เราไม่มีก็ต้องซื้อเขา แต่จันทบุรีมีพืชสมุนไพรเยอะ เอาผลิตผลที่เราปลูกไว้มาทำเป็นยา เอามาตากแห้ง รวมๆ ผสมกัน ไปจ้างเขาบด แล้วเอามาผสม ถ้าทำเป็นเม็ดลูกกลอนก็ผสมน้ำผึ้ง แต่ถ้าใส่แคปซูลไม่ต้องผสม พอทำเป็นเม็ดแคปซูล บางคนก็ชอบ เขาบอกกลืนง่าย เม็ดลูกกลอนก็กลืนยากหน่อย แต่ส่วนมากไม่ทำเม็ดโต ทำเม็ดเล็กๆ ครั้งหนึ่งกินประมาณ 4-5 เม็ด กิจการเราก็ไปได้เรื่อยๆ ทำมา 40 กว่าปีแล้ว ส่วนใหญ่คนมาซื้อก็คนพื้นบ้านนี่แหละ มาซื้อยาแก้ปวดเมื่อย บางคนอยู่ไกลก็โทรสั่งแล้วเราก็ส่งไปรษณีย์ไป เด็กนักศึกษาบางทีอาจารย์ก็ให้มาหาตัวยา ถ้าจะมาเรียนนวดก็ต้องมีหุ่นมา มีคนมาด้วย เพราะต้องแนะว่านวดตรงนั้นตรงนี้ ไม่งั้นเราจะแนะเขายังไง เราเองมีงานทำทั้งวัน ยาพวกนี้ต้องคอยทำเรื่อยๆ ฟ้าทะลายโจรก็ขายได้เรื่อยๆ ตอนโควิดจะขายดีหน่อย
หลังๆ คนสนใจสมุนไพรรักษาแผนโบราณมากขึ้น เราก็ได้มากขึ้น มีคนใหม่ๆ เข้ามา คนไหนเขากินยาถูกเขาก็ติดกินไป บางคนไม่ชอบยาสมุนไพรเขาก็ไปหายาหลวง แต่ก่อนเคยกินยาหลวงแต่ตอนหลังเราก็กินยาของเราเอง มันก็มีส่วนที่เรามีสุขภาพดี การดูแลตัวเองคือ กินตรงเวลา นอนเป็นเวลา สองอย่างนี้สำคัญ ควรนอนประมาณ 8 ชั่วโมง ถึง 7 ชั่วโมงได้ก็ถือว่าดีแล้ว กินข้าว 3 มื้อ แต่ต้องให้ตรงเวลานะ อย่าไปเลต แปดโมง เที่ยง ห้าโมงเย็น ถ้ากินดึกกว่านั้นยังไม่ทำงานเลยก็นอนแล้ว ฉันตอนนี้อายุ 76 ก็ไม่มีโรคอะไร ส่วนพี่สาวอายุ 87 ยังแข็งแรง”
อิ่มจิตร์ นิโรภาส
แพทย์แผนโบราณ นวดคลายเส้น
ชุมชนตลาดขลุง ถนนเทศบาลสาย 1
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…
“ก่อนหน้านี้เราเป็นสถาปนิก และกระบวนกรจัดประชุมสัมมนาด้านวิชาการ โดยหลัก ๆ จะอยู่เชียงใหม่ ช่วงปี 2562 เรากลับลำพูนและเห็นเทศกาล River Festival Lamphun ริมแม่น้ำกวง รู้สึกตื่นตามาก ๆ ไม่เคยคิดว่าเราจะได้เห็นโชว์แสง…