“คนในชุมชนเขาเรียกเรา อาโกว ก็เป็นลูกหลานชาวจีนที่อพยพมาอยู่ริมคลองรังสิต เมื่อก่อนเราเปิดร้านขายวัสดุ คือเป็นกงสีเนอะ มีสองร้าน อยู่คลองฝั่งตำบลประชาธิปัตย์ร้านนึง ตรงนี้ฝั่งบึงยี่โถอีกร้านนึง พอน้องชายเขาแยกครอบครัวไปตอนปี 2559 ร้านบึงยี่โถที่อาโกวดูแลก็ยุบ เราก็ได้มีเวลามาทำสวน มาดูแลศาลเจ้า (ศาลเจ้าปึงเถ่ากงม่า รังสิตคลอง 3) คือที่แปลงนี้เขาบอกขาย อาโกวก็ขออธิษฐานจิตกับท่าน บอกถ้าได้เป็นเจ้าของที่แปลงนี้จะมาเก็บขี้หมามากวาดใบไม้ แล้วก็ได้ คือชุมชนย้ายจะหมดแล้ว ถ้าเราไม่อยู่ตรงนี้ ใครจะดูแลศาลเจ้าอายุเป็นร้อยปีแล้วมั้ง ตั้งแต่เรายังไม่เกิด ทีแรกเป็นศาลเจ้าไม้ ลอยมาติดตลิ่ง ผู้เฒ่าผู้แก่ก็เชิญให้มาอยู่บนตลิ่ง ตอนหลังศาลเจ้าไม้ผุพังก็สร้างเป็นคอนกรีต เช้าเราก็ไปเก็บกวาด วันพระจีนเราก็มาไหว้ ลูกน้องก็คอยไปกวาดอยู่เรื่อย
โชคดีที่ได้มาอยู่กับสวน อยู่กับวัสดุมีแต่ตัวเลขมีแต่เงิน ไม่เหมือนอยู่ตรงนี้ ชีวิตอิสระ สมองโล่ง เรามาทำสวน เปิดลานจอดรถ เก็บผักผลไม้มาขาย มีมะเขือ กุยช่าย ยอดมะกอก ยอดติ้ว ชะอม มะละกอ ที่แปลงนี้อยู่ติดรั้วโรงเรียนโชคชัยรังสิต ผู้ปกครองรู้ว่าผักเราปลอดสาร วางขายแป๊บเดียวหมด ช่วงโรงเรียนเปิดก็จะยุ่งนิดนึง ผู้หญิงขายผัก ผู้ชายเก็บผัก หลานมาช่วยเก็บค่าจอดรถ เสาร์อาทิตย์ก็เคลียร์พื้นที่ ตัดหญ้า ดายหญ้า ปลูกผัก ก็ไม่ค่อยมีเวลาทำขนมเท่าไหร่ ขนมกวงเจียงก็เอาเต้าหู้แผ่นมาห่อไชเท้าแล้วทอด ช่วงเทศกาลทำพวกขนมเข่ง ขนมบ๊ะจ่าง คือการทำของเราไม่ได้ทำขาย แต่ทำกิน คนเขารู้ก็จะมาให้ทำเผื่อ เช่นเราใช้ร้อยกว่าลูก ต้องทำบ๊ะจ่างเผื่อเขาสองร้อยกว่าลูก เวลาเราทำขายก็ขายดี แต่แม่ครัวที่ห่อเก่ง ๆ นี่เขาอยู่บ้านน้องชาย พอไม่มีคนห่อเราก็ไม่ค่อยได้ทำ
บ๊ะจ่างเราทำสูตรจีนแต้จิ๋ว ตั้งแต่รุ่นแม่ทำ ใช้ข้าวเหนียว ถั่วลิสง กุนเชียง หมู เห็ดหอม ไชโป๊ กุ้งแห้ง กระเทียม ไข่ เชือกสีขาว เมื่อก่อนแม่ใช้เชือกปอ เชือกต้องมาถักเป็นเปีย ฉีกเป็นเส้น ๆ ใบไผ่ก็ต้องมาตัดหัวตัดหางตัดใบแตกออกแล้วมาต้ม เวลาจะห่อก็ต้องมาล้างมาเช็ด ก่อนห่อก็ต้องต้มใบไผ่ หั่นหมูหมัก ต้มถั่วลิสง ไชโป๊มาล้างแล้วก็สับ ข้าวเหนียวก็ต้องแช่ตอนกลางคืน มาห่อตอนเช้า ถ้าไม่แช่แล้วต้มไม่สุก คือเตรียมเครื่องไว้วันนี้ พรุ่งนี้มาเอาเครื่องไปผัดแล้วเคล้ากับข้าวเหนียวแล้วใส่ห่อ ในห่อก็จะใส่กุ้งแห้ง ไข่ กุนเชียง ห่อแล้วมัดเป็นพวง เอาลงไปต้มในหม้อใหญ่ ๆ ประมาณ 30-45 นาที ถ้าต้มนานเกินไปก็แฉะ แกะออกมาเป็นยางข้าวเหนียวยืด ๆ ถ้าต้มน้อยไปก็ดิบ ข้างในจะกรุบ ๆ ถ้านึ่งคือเขาใช้ข้าวเหนียวสุก ดัดแปลง ห่อแล้วสวย แต่ของเราโบราณ เปื้อนน้ำมัน ต้มแล้วมันจะออกมากับน้ำ แต่ข้างในข้าวเหนียวจะไม่มัน ก็ค่อนข้างทำยาก สำคัญที่ตอนห่อ เราต้องห่อแบบนี้ ภาษาจีนเรียก “ซี๊กัก” สี่มุม หัวสองมุม ท้ายสองมุม มัดตรงกลาง จะไม่หลุด ถ้าห่อสามมุมก็จะแตก น้ำจะข้น ก็เสียเลย แต่ถ้าทำไม่ให้แตกก็ใช้วิธีนึ่งเอา ต้องทำให้เครื่องทั้งหมดสุกก่อน ห่อเขาก็จะไม่เยิ้ม ไม่เลอะมือ คือรุ่นใหม่ไง แต่แม่ครัวบอกว่าสูตรโบราณเราไม่เปลี่ยนอะไรอร่อยกว่า แม่ครัวเรานี่ห่อเก่ง เราสอนเขาทำเรายังห่อสวยสู้เขาไม่ได้ มีหลานชายอยู่คนนึงที่ห่อได้ก็มาช่วยทำ
ที่แปลงนี้อยู่ริมคลองชลประทานคลองซอยที่ 3 ฝั่งใต้ ดูสิ น้ำใส ไม่มีผักตบเลย มีไม่ได้นะ ถ้าเจอเรารีบเก็บเลย ไม่งั้นเต็มคลอง กรมชลประทานเดินมานี่เขายกให้สองนิ้วเลยที่เราไปทำความสะอาด จริง ๆ ก็เป็นที่ของเขานะ แต่เป็นความโชคดีของเราที่มันเป็นพื้นที่นิดเดียวแต่ยาวเป็นแนวติดกำแพงหมู่บ้านฝั่งโน้น แล้วแทนที่จะปล่อยรกเราเลยไปทำเป็นสวน ขุดดิน ปลูกต้นไม้ เก็บขยะ มันก็ดูสดชื่น ไปนั่งปิกนิกได้ สมมติมากันกี่คน ต้องการมากินอาหารกลางวัน เราก็ทำข้าวห่อใบบัวมาเสิร์ฟ นั่งเรือหรือเดินข้ามไปก็ได้ มีราวเกาะมันก็ไม่ตกหรอก เราก็ให้ลูกน้องมาเก็บทำให้สะอาด สวนก็จะมีดอกไม้หลาย ๆ สี แพงพวย ยี่โถ ทองอุไร ดอกบัวดินเวลาออกดอกจะเหมือนเราเดินบนดอกไม้เลย ถ้าคุณนายตื่นสายขึ้นเต็มก็จะเห็นสีสัน มันเป็นเรื่องจิตใจของเรา ตรงนี้อาโกวไปถางหญ้า ก็มีคนมาบอก ทำทำไม ? ให้คนหาปลามาเดินสะดวก อาโกวบอกก็ดีแล้วไง ให้ความสะดวกเขาไง หญ้าตรงหน้าถนนก็ให้ลูกน้องไปตัดให้โล่งเตียน ให้มันสวย เหมือนคำที่เขาบอกว่า ถางหญ้าให้คนเดิน สร้างท่าให้คนขึ้น เราก็ได้อานิสงส์
หมาก็เหมือนกันนะ ใครมาขอให้พาหมาจรไปทำหมันเราก็ทำหมด ถามว่า ทำทำไม ? คืนกำไรให้สังคมไง ถ้าหมามีลูกเยอะก็เป็นภาระ เวลาหมาตัวผู้มาหาตัวเมียก็จะแย่งกัน ทะเลาะกัน แล้วออกลูกมาครอกนึงเก้าตัวสิบตัว เผื่อมันไปกัดใครอีก เราก็ลดภาระของสังคม หมาโรงเรียนก็มาอาศัย เรามีอาหารให้กิน พาไปฉีดวัคซีน ชีวิตเราอิสระ มีรถตู้คันนึง จะไปไหนก็ไป เหมือนอาโกวจะไปปิดทองที่วัดป่าเจริญราษฎร์ ก็ชวนคนแก่เพื่อนฝูงขึ้นรถตู้ไปเที่ยวกัน ชีวิตบั้นปลาย หาเงินมานานก็ได้เวลาใช้ แล้วแต่คนว่าจะเลือกใช้ยังไง อาโกวก็หมดไปกับหมา ค่าทำสวนบ้าง ใครมานั่งตรงนี้ มันสงบ ร่มรื่น มีความสุข อาโกวก็ได้อานิสงส์แล้ว ชีวิตเราก็ต้องแบ่งปัน”
เอื้องมณี ศรีมงคลปทุม
ปราชญ์ชาวบ้านด้านอาหารและโภชนาการ อาหารพื้นถิ่นประกอบพิธีทางศาสนา
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…