“ก่อนจะกลับลำปาง ผมทำงานดูแลระบบไอทีให้โรงงานที่จังหวัดระยอง ทำอยู่สองปี แล้วอยากกลับมาอยู่บ้าน เลยลาออก มาสมัครทำงานแผนกไอทีของโรงพยาบาลเอกชนที่เชียงใหม่ แต่พบว่าในสายงานใกล้เคียงกัน เงินเดือนที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือแล้ว ยังน้อยกว่าเงินเดือนที่ระยองหลายเท่า นับประสาอะไรกับลำปาง ผมเชื่อนะว่าถ้าฐานเงินเดือนในต่างจังหวัดมันดีกว่านี้ คนรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งเขาก็ไม่อยากดิ้นรนในเมืองใหญ่หรอกครับ
ผมทำงานอยู่เชียงใหม่ได้พักหนึ่ง ก็ได้งานที่ธนาคารในลำปาง แต่ตอนนั้นเริ่มมีความคิดอยากทำธุรกิจของตัวเองแล้ว ซึ่งก็มีพี่คนหนึ่งไปชวนเรียนทำขนมเค้ก พอไปเรียนแล้วพบว่าเราสนุกกับมัน จากนั้นก็เรียนทำขนมปัง และขนมอื่นๆ จนชำนาญและเริ่มทำส่งขายตามร้านกาแฟในจังหวัด
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะเป็นคนทำขนม จากที่ทำสนุกๆ หารายได้เสริม ความที่ธนาคารต้นสังกัดเขาอยากให้ผมย้ายสาขาไปอยู่ต่างจังหวัด แต่ผมก็ต้องดูแลคุณตาและคุณยาย ก็เลยตัดสินใจลาออกมาทำขนมขายอย่างเดียว ตอนนั้นมีลูกค้าที่เราต้องส่งประจำพอสมควร ซึ่งก็ทำให้ผมมีรายได้พอจะเป็นอาชีพจริงจังได้แล้ว ทำอยู่ครึ่งปี คุณยายก็ชวนให้ผมมาเปิดร้านที่บ้านในชุมชนท่ามะโอ
ผมวิ่งเล่นในชุมชนท่ามะโอตั้งแต่เด็ก เพราะบ้านเดิมของผมก็คือบ้านหลังที่ใช้ทำร้านหลังนี้ ก่อนจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่แถวโรงเรียนอนุบาลลำปางกับพ่อแม่ตอน ป.6 การได้กลับมาเปิดร้านตรงนี้ แม้จะรู้สึกอบอุ่นเพราะผมรู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักคนในชุมชนส่วนใหญ่ แต่ก็มีความกังวลอยู่ เพราะไม่เคยทำธุรกิจแบบนี้มาก่อน แล้วก็ยังนึกภาพของลูกค้าตัวเองไม่ออกว่าจะเป็นกลุ่มไหน
แต่ปรากฏว่าพอมาเปิดร้านจริง ผมกลับได้รับการสนับสนุนจากผู้คนในชุมชนดีมาก มีคนในชุมชนมาซื้อขนม มานั่งดื่มกาแฟ รวมถึงเจ้าหน้าที่จากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ โดยหลักๆ จะได้ลูกค้าจากการบอกต่อ รวมถึงจากการที่คนในชุมชนชักชวนให้นักท่องเที่ยวให้แวะเวียนมาที่ร้าน กระทั่งช่วงโควิด-19 ระลอกแรกมาและทำให้ธุรกิจกระทบหนัก แต่พอมันเริ่มซา ก็ได้แรงสนับสนุนจากพี่ๆ ป่าไม้ และลุงๆ ป้าๆ ในชุมชนนี่แหละที่ทำให้ผมฟันฝ่าวิกฤตมาได้
ถามว่าจุดเด่นของร้านคืออะไร ผมว่านอกจากขนมปังบริยอชและขนมเค้กแบบโฮมเมด ก็คือบรรยากาศแบบบ้านๆ ร่มรื่นและผ่อนคลาย ผมชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว บ้านหลังนี้เลยมีต้นไม้เยอะเป็นพิเศษ ซึ่งก็ดึงดูดคนที่ชอบต้นไม้ด้วย มีลูกค้าในชุมชนยังเคยเอาต้นไม้มาขอแลก หรือเวลาคนในชุมชนนัดประชุมกัน เขาก็เลือกมาประชุมที่นี่ อาจเพราะเขาเห็นว่ามานั่งนี่แล้วไม่เครียดดี
ทั้งนี้ เวลามีประชุมเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของชุมชน ถ้าไม่ติดธุระอะไร ผมก็จะร่วมเข้าไปฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นด้วยแทบจะทุกครั้ง คิดว่านอกจากที่ร้านเราเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนแล้ว ในฐานะที่ผมเป็นคนรุ่นกลางด้วย ก็น่าจะช่วยเชื่อมประสานการทำงานระหว่างคนรุ่นใหม่และลุงๆ ป้าๆ ในชุมชนได้อีกแรง
ชุมชนท่ามะโอมีโครงสร้างที่แข็งแรงอยู่แล้วนะครับ เรามีผู้นำชุมชนที่เก่งและเชื่อมประสานกับกลุ่มต่างๆ ได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญของชุมชนตอนนี้คือเรายังไม่สามารถเปลี่ยนให้ชุมชนเป็นมากกว่าสถานที่ที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปเช็คอินเฉยๆ ได้
เพราะที่จริงชุมชนของเราก็มีทรัพยากรทางวัฒนธรรมที่น่าเรียนรู้อีกเยอะ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เขาก็จะรู้แค่ว่าต้องมาถ่ายรูปกับบ้านหลุยส์และบ้านเสานัก มาช้อปปิ้งที่กาดวัฒนธรรม หรือนั่งรถม้า ก็อาจต้องมีการสื่อสารเรื่องเส้นทาง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น รวมถึงการออกแบบกิจกรรมที่ครอบคลุมกับผู้คนทุกรุ่นไม่เฉพาะแต่กิจกรรมเชิงประเพณีอย่างเดียว ซึ่งในฐานะที่ผมเป็นคนที่นี่ ก็จะร่วมประสานให้เกิดภาพที่คิดไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”
ภวัต อลงการาภรณ์
เจ้าของร้าน Yim: Café & Dessert Bar
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…