“จริงอยู่ที่แก่งคอยจะเป็นอำเภอที่ได้ประโยชน์จากโรงงานอุตสาหกรรม หากพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองแก่งคอยกลับไม่มีโรงงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ นั่นทำให้เราเก็บภาษีได้น้อย ทั้งยังต้องจัดสรรงบประมาณมาแก้ปัญหาผลกระทบจากโรงงานที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่แต่ส่งผลมาถึงผู้คนในเขตของเราโดยตรงอีกด้วย ทั้งมลภาวะทางอากาศเอย การขาดแคลนน้ำเอย และอื่นๆ
ในฐานะนายกเทศมนตรีเมืองแก่งคอย ผมก็พยายามสื่อสารเรื่องนี้เพื่อให้มีการจัดสรรงบประมาณใหม่ รองรับกับผลกระทบจริงในพื้นที่ ไม่ใช่คำนวณจากจำนวนโรงงานที่ตั้งอยู่ในเขต
อย่างไรก็ตาม เรื่องการจัดสรรงบประมาณยังไม่ใช่ปัญหาที่สำคัญที่แก่งคอยกำลังเผชิญ เพราะจากการที่ผมมีโอกาสมาดำรงตำแหน่งนี้หลายสมัยจึงเห็นว่าการที่เมืองของเรา… ซึ่งไม่ใช่แค่ในระดับเทศบาลเมือง แต่เป็นอำเภอทั้งอำเภอ รวมถึงจังหวัดทั้งจังหวัด ยังคงขาดแผนแม่บทในการพัฒนา เพราะต่อให้เราได้รับจัดสรรงบประมาณมาพัฒนาเมืองมากแค่ไหน แต่ถ้าขาดแผนแม่บท สระบุรีก็จะพัฒนาอย่างไร้ทิศทาง และไม่เติบโตอย่างที่ควรจะเป็น
พอไม่มีแผนแม่บท มันก็เกิดภาพที่หลายคนชินตา หน่วยงานต่างหน่วยงานต่างทำงานของตัวเองไป หน่วยหนึ่งทำถนนเสร็จ อีกหน่วยเพิ่งได้งบมาทำเดินท่อประปา ก็รื้อถนนที่เพิ่งทำเสร็จใหม่เพื่อทำท่อ หรือหน่วยงานอื่นมาก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ในเขตเมืองเรา ก็ไม่ได้มีการคุยกับท้องถิ่นก่อนเรื่องเส้นทางระบายน้ำ พอฝนมา น้ำก็ท่วม เราก็ต้องแก้ไขกันอีก เหมือนวิ่งตามปัญหาไม่จบสิ้น
นี่ยังไม่รวมระบบระเบียบราชการที่มีข้อกำหนดจุกจิกอีกหลากหลาย ซึ่งทำให้หน่วยงานต่างๆ ไม่กล้าที่จะทำอะไรเกินไปกว่ากรอบงานของตัวเอง เราจึงไม่สามารถตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันที ทั้งๆ ที่ไอ้การไม่มีแผนแม่บทเนี่ยแหละที่ทำให้เมืองของเราต้องพบปัญหาเฉพาะหน้าทุกเมื่อเชื่อวัน
และก็เพราะเมืองไม่มีแผนมาตั้งแต่ต้น ที่ดินมันจึงไม่ได้ถูกจัดสรรอย่างเหมาะสม พื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะเราจึงไม่พอ ที่ผ่านมา ผมเล็งเห็นเรื่องนี้ ก็พยายามดึงงบประมาณจากนั่นนี่ ถ้าเจอตรงไหนที่ดินไม่แพง ก็จะให้เทศบาลซื้อไว้เผื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว แต่ไม่วายได้รับคำครหาว่าจะซื้อไปทำไม ล่าสุด ผมจึงประสานไปทางกรมโยธาธิการฯ ให้เขาทำทางเดินริมตลิ่งเลียบแม่น้ำป่าสักให้เลย จะได้มีที่สาธารณะเพิ่มมา รวมถึงผู้คนยังได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำกลางเมืองด้วย ตอนนี้ทำไปได้พอสมควรแล้ว จากนี้ก็พยายามเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ทางเดินมันร่มรื่น และทำเพิ่มไปยังวัดบ้านม่วง รวมถึงเชื่อมตรงตลาดท่าน้ำเข้ากับวัดแก่งคอย จะได้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวไปในตัวพร้อมกัน
ซึ่งอย่างที่บอก ผมจึงเห็นด้วยกับ บริษัท สระบุรีพัฒนาเมือง จำกัด ของคุณนพดล ธรรมวิวัฒน์ ที่เขาพยายามจะประสานความร่วมมือระหว่างเอกชนกับท้องถิ่นในการผลักดันให้จังหวัดเรามีมาสเตอร์แพลน หรือแผนแม่บทขึ้น ท้องถิ่นจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีพันธมิตรแบบนี้ ถึงแม้ระบบราชการบางอย่างในปัจจุบันอาจไม่เอื้อให้ท้องถิ่นทำงานร่วมกับเอกชนได้อย่างเต็มที่ก็ตาม แต่การได้พูดคุย หารือ และทำ MOU ร่วมกันในบางโครงการ มันก็มีส่วนให้โครงการดีๆ หลายอย่างเข้าไปอยู่ในนโยบายที่บังคับให้เจ้าหน้าที่ทำต่อในอนาคต
อย่างล่าสุดเทศบาลเมืองแก่งคอยเพิ่งเซ็น MOU ร่วมกับบริษัท สระบุรีพัฒนาเมือง จำกัด ในการขับเคลื่อนแก่งคอยเป็นเมืองอัจฉริยะ (smart city) ซึ่งนั่นก็เป็นสัญญาณที่ทำให้ภาคประชาชนเห็นว่าเทศบาลพร้อมเปิดรับหน่วยงานหรือองค์กรที่มีนวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิคคนในเมือง มาเสนอโครงการหรือแนวทางในการทำงานร่วมกันต่อไปได้
ในฐานะคนแก่งคอย จริงอยู่ เรามีปัญหาหลายประการที่ต้องแก้เฉพาะหน้า กระนั้น ในภาพรวมของเมือง แก่งคอยก็ยังมีความน่าอยู่และผู้คนก็เป็นมิตร ถ้าหน่วยงานระดับบริหารของเมืองและทั้งจังหวัดมาคุยกัน หรือมีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมากกว่านี้ ผมคิดว่าเราสามารถตั้งแผนแม่บทของอำเภอและจังหวัดได้ เมืองจะเติบโตด้วยความน่าอยู่กว่านี้ และปากท้องผู้คนจะอิ่มกว่านี้ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ผมอยากให้เป็น”
สมชาย วรกิจเจริญผล
นายกเทศมนตรีเมืองแก่งคอย
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…