“ถามว่าเด็กยะลาขาดอะไร มองในภาพรวม ผมว่าคงจะตอบยาก เพราะเอาจริงๆ เด็กยะลามีต้นทุนที่ดีกว่าเด็กในเมืองอื่นๆ อีกหลายเมืองมากกว่า
ผมไม่ได้เกิดที่ยะลา แต่เริ่มต้นชีวิตราชการครั้งแรกที่นี่ โดยระหว่างนั้นก็มีโอกาสย้ายไปทำงานและใช้ชีวิตที่อื่นอยู่พักใหญ่ ก่อนกลับมาประจำที่เมืองแห่งนี้ เมื่อพิจารณาถึงวิถีชีวิตและสาธารณูปโภคของเมืองอื่นๆ ที่ผมไปเจอมา ผมกล้าพูดว่าถ้ามองเรื่องต้นทุน เด็กยะลากินขาด
ในเขตเทศบาลนครยะลาเรามีครบทั้งสถานศึกษาที่ครอบคลุมทุกระดับ มีสนามกีฬา สวนสาธารณะ ศูนย์การเรียนรู้ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจทั้งในสวนและพื้นที่ริมแม่น้ำ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของเมืองทั้งกีฬา ศิลปวัฒนธรรม และศาสนา ซึ่งถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือการสัญจรภายในเมืองเป็นไปอย่างคล่องตัวจากผังเมืองที่มีประสิทธิภาพ และตัวเมืองมีความสะอาด
พอเมืองมีพื้นที่สาธารณะที่ใช้ได้จริง เด็กๆ ก็จะออกมาใช้พื้นที่จนนำมาซึ่งกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ผมเคยอยู่ในตัวเมืองบางเมืองที่ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับทุกคน จะเห็นเลยว่าเด็กๆ หลายคนต้องนัดรวมกันตามพื้นที่รกร้าง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการมั่วสุมในเชิงลบ
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมานี่คือภาพรวมของเมือง แต่ทุกวันนี้ก็ต้องยอมรับว่าในหลายภาคส่วน ยะลายังประสบกับความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจอยู่พอสมควร โดยเฉพาะกับพื้นที่ชุมชนที่โรงเรียนของผมตั้งอยู่
ผมเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 2 บ้านมลายูบางกอก ที่นี่เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา จัดการเรียนการสอนตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 พ่วงด้วยหลักสูตรอิสลามศึกษา โดยหมู่บ้านมลายูบางกอกเป็นชุมชนพหุวัฒนธรรม ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนส่วนหนึ่งทำงานในโรงงานในพื้นที่ และมีหลายคนจำเป็นต้องเข้าไปทำงานในเมืองใหญ่
นั่นทำให้เมื่อคุณเดินเข้ามาในโรงเรียน ลองชี้ไปที่เด็กนักเรียนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ถ้าในกลุ่มนั้นมีเด็กสัก 10 คน ผมบอกได้เลยว่าคุณจะหาเด็กที่อยู่ด้วยกันกับพ่อและแม่ครบยากมาก อาจมีอยู่ที่ราว 2-3 คน เท่านั้น เด็กๆ ที่นี่จึงค่อนข้างขาดความพร้อม และหลายคนในระดับมัธยมก็มีความเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษาเนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจ
ด้วยเหตุนี้ นอกจากการพัฒนาหลักสูตรการสอน ภารกิจที่สำคัญของพวกเราคือการทำให้เด็กๆ ทุกคนได้เข้าถึงโอกาสทางการศึกษาให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทำเรื่องขอทุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ทุกปี โดยทางคณาจารย์ก็ต่างทำงานหนักเพื่อทำเอกสารยื่นแก่เด็กๆ รวมถึงการประสานกับกองทุนซากาตของพี่น้องชาวมุสลิม ไปจนถึงการลงขันของคุณครูเองในทุกๆ ปี เพื่อนำไปสนับสนุนการศึกษาเด็กๆ
ผมเชื่อว่าปัญหาที่เล่ามานี้คือสิ่งที่อีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศกำลังประสบ โดยภาคส่วนต่างๆ ก็พยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหานี้แล้ว แต่ก็อยากให้หน่วยงานรัฐในระดับนโยบายมีเครื่องมือเพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้มากกว่านี้
เพราะอย่างที่บอก ในภาพรวมเทศบาลนครยะลามีความพร้อมในการสนับสนุนบรรยากาศในการเรียนรู้ ถ้าเด็กยะลาทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยไม่ต้องหลุดจากระบบกลางคัน เมืองของเราจะส่งเสริมให้พวกเขาเข้าถึงศักยภาพและความสนใจที่แท้จริงของตัวเองอย่างมาก”
ธีรพัฒน์ ง๊ะสมัน
ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 2 บ้านมลายูบางกอก
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…