“ผมเริ่มทำโรงพยาบาลศรีสวรรค์ เมื่อปี พ.ศ. 2539 ภายใต้โจทย์สำคัญคือ ต้องการสร้างโรงพยาบาลเอกชนที่มีมาตรฐานทัดเทียมกรุงเทพฯ เพราะแต่ก่อน หากคนในจังหวัด ต้องการจะเข้ารับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลเอกชน พวกเขามักจะเลือกเดินทางเข้าไปรับการรักษาที่กรุงเทพฯ ก็เลยตั้งใจให้โรงพยาบาลศรีสวรรค์เป็นโรงพยาบาลเอกชนทางเลือกแรกของคนนครสวรรค์
พอตั้งโจทย์แบบนี้ เราจึงทำให้พื้นที่ของเรามีบริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุมมากที่สุด โรงพยาบาลศรีสวรรค์เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิขั้นสูงในหลายด้าน มีศัลยแพทย์ผ่าตัดสมอง การผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง สวนหัวใจทำบายพาส โดยในอนาคต เราตั้งเป้าดูแลกลุ่มผู้ป่วยอัมพาตที่มีอาการเส้นเลือดอุดตันด้วยการสอดสายรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด รวมถึงการสวนสมองและหัวใจ รวมถึงการร่วมงานกับสถาบันวิจัยและโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ในการรักษาผู้ป่วยด้วยยีนและสเต็มเซลล์ อีกด้วย
ทั้งนี้ ในภาพใหญ่ระดับภูมิภาค ด้วยตระหนักดีว่านครสวรรค์เป็น 1 ใน 9 จังหวัด ระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสและเขตนวัตกรรมทางการแพทย์ของประเทศ ซึ่งสอดรับกับการเข้ามาของโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง รวมถึงการตัดเส้นทางรถไฟสายใหม่จากอำเภอแม่สอด โรงพยาบาลของเราจึงมุ่งมั่นยกระดับการบริการให้รองรับกับการขยายตัวเศรษฐกิจของเมือง ในฐานะหนึ่งในแกนนำด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ โดยหวังให้นครสวรรค์เป็น wellness destination ของพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง
หนึ่งในแอคชั่นที่สำคัญของเราคือการจับมือกับคณะกรรมการกฎบัตรนครสวรรค์ ในการร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ของเมือง ผลักดันให้เราเข้าสู่ระเบียงเศรษฐกิจครบวงจรตั้งแต่สุขภาพ เศรษฐกิจ และนวัตกรรม รวมถึงการเป็นโรงพยาบาลต้นแบบ Wellness Hospital ทั้งการทำอาคารให้ผ่านมาตรฐานอาคาร WELL ยกระดับสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคาร การสนับสนุนเกษตรกรผู้ผลิตพืชผักปลอดภัยเพื่อนำผลิตผลมาเสิร์ฟคนไข้ รวมถึงการสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อยกระดับนวัตกรรมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ผมมองว่าเมืองนครสวรรค์ของเราหลังจากนี้ จะมีการพัฒนาทางโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีนัยสำคัญ นี่เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ต่อการพัฒนาเมืองและคุณภาพชีวิตของคนในเมือง อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าถึงแม้เราจะมีทางรถไฟรางคู่เส้นทางใหม่ตัดผ่านซึ่งสามารถเชื่อมไปยังประเทศเมียนมาร์ได้ แต่ถ้าเราไม่มีการวางแผนเพื่อรองรับโอกาสนี้ให้ดี นครสวรรค์ก็อาจเป็นเพียงเมืองผ่านที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกจะผ่านไปอีก และไม่แวะมาเยี่ยมเยือนก็เป็นได้”
นายแพทย์ชวลิต วิมลเฉลา
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสวรรค์
https://www.srisawan.com/
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…