“ผมเกิดและโตที่แก่งคอย เตี่ยเปิดร้านขายของชำอยู่ในตลาดเทศบาล เปิดมาตั้งแต่สมัยสงครามโลก เมื่อก่อนตอนผมเป็นเด็ก ผมชอบเดินจากร้านไปวิ่งเล่นแถวตลาดท่าน้ำ ตรงนั้นจะเห็นเรือขนสินค้าจากที่ต่างๆ มาเทียบท่า บางส่วนเขาก็ขนสินค้าขึ้นฝั่งเพื่อขนถ่ายไปทางรถไฟต่อ แก่งคอยสมัยนั้นเศรษฐกิจดี ค้าขายคล่องตัว คนจากที่อื่นนำผลผลิตทางการเกษตรมาขาย คนในตลาดก็ตั้งตารอว่าแต่ละวันจะมีผลผลิตอะไรมาให้ซื้อบ้าง ซื้อขายกันเสร็จ ก่อนกลับพวกเขาก็จะซื้อข้าวของเครื่องใช้หรือเสื้อผ้าในตลาดกลับไป คนขายและคนซื้อรู้จักกันหมด มันมีบรรยากาศแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เหมือนทุกคนเป็นเพื่อนบ้านกัน
ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่า พอยุคสมัยเปลี่ยน สภาพสังคมหรือพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยก็เปลี่ยนตาม เดี๋ยวนี้ทางเลือกของการจับจ่ายใช้สอยของคนแก่งคอยกลายเป็นซูเปอร์สโตร์ใหญ่ๆ ตลาดที่เคยคึกคักจึงซบเซา ขาดความสัมพันธ์แบบเมื่อก่อน ในฐานะที่ผมทำธุรกิจที่นี่ ก็อยากมีส่วนช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทำให้ตลาดและย่านกลับมามีชีวิตชีวา ไม่ได้คิดว่ามันต้องเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยให้คนดั้งเดิมยังสามารถค้าขายได้ต่อ ให้ลูกหลานมีกำลังใจอยากกลับมาสานต่อกิจการ หรือทำสิ่งใหม่ๆ ในบ้านเกิด จึงร่วมกับเพื่อนผู้ประกอบการด้วยกันตั้งกลุ่มหอการค้าแก่งคอยขึ้นเมื่อราว 15 ปีที่แล้ว
หลักๆ กลุ่มนี้คือการร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแก่งคอยครับ ตั้งแต่การชวนพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทำถนนคนเดินโดยจัดอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ไปจนถึงหาจุดเด่นใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว อย่างล่าสุด เรากำลังสำรวจเส้นทางล่องแพและพายซับบอร์ดบริเวณแม่น้ำป่าสัก โดยดึงประวัติศาสตร์ของเมืองแก่งคอยกับลำน้ำสายนี้มาเป็นจุดขาย มีการล่องเรือไปชมทิวทัศน์ถ้ำหมีเหนือ-เสือใต้ ซึ่งอีกไม่นานก็น่าจะได้โปรโมทกัน
ในหมวกอีกใบ สมาชิกกลุ่มหอการค้าแก่งคอย ยังทำกลุ่มแก่งคอยเมืองน่าอยู่ กลุ่มนี้ตั้งมาเพื่อจัดกิจกรรมสร้างจิตสำนึกให้คนรักแก่งคอย และส่งเสริมให้แก่งคอยเป็นเมืองน่าอยู่ เราทำภายใต้โครงการแก่งคอยเมืองแห่งการเรียนรู้ ร่วมกับ บริษัท สระบุรีพัฒนาเมือง จำกัด ก็มีการชวนตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ ของเมืองทำกิจกรรม walk rally เดินสำรวจเมืองด้วยมุมมองใหม่ เพื่อมองหาปัญหาและวิธีการแก้ไข ไปจนถึงโอกาสใหม่ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองกัน ทั้งยังมีการร่วมหุ้นกันบูรณะอาคารเก่าในย่านตลาดท่าน้ำ ไว้สำหรับเป็นที่ทำกิจกรรม และนิทรรศการบอกเล่าเรื่องเมือง โดยสอดรับไปกับกลุ่มหอการค้าแก่งคอย ที่พยายามทำถนนคนเดินตลาดท่าน้ำแก่งคอย กระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างพื้นที่การเรียนรู้ของเมือง สร้างบรรยากาศของเมืองน่าอยู่ไปพร้อมกัน
อย่างล่าสุด ทางกลุ่มหอการค้าแก่งคอยก็ร่วมทำถนนคนเดินในงานแก่งคอยย้อนรอยสงครามโลกด้วย เรารับผิดชอบตรงโซนงานตั้งแต่หลังสถานีรถไฟยาวลงมาถึงตลาดท่าน้ำฯ ซึ่งนอกจากออกร้านและมีการแสดงบนเวที ก็มีการเชิดสิงโต ไปจนถึงทำเวทีให้คนเฒ่าคนแก่มาเล่าประสบการณ์ในอดีต โดยเฉพาะบางคนที่ยังทันเห็นตอนแก่งคอยถูกระเบิดลงในสงครามโลก เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจความเป็นมาและเป็นไปของเมืองเราร่วมกัน
สำหรับผมแก่งคอยเป็นเมืองน่าอยู่อยู่แล้ว มีความเงียบสงบ ค่อนข้างสะอาด ผู้คนเป็นมิตร ปลอดภัย เรื่องฉกชิงวิ่งราวแทบไม่มี ที่สำคัญเรายังมีต้นทุนทางประวัติศาสตร์ที่สามารถนำมาสื่อสารหรือเพิ่มมูลค่ากับเมืองได้ ทั้งตลาดเก่า แม่น้ำป่าสัก ท่าน้ำแก่งคอย วัดแก่งคอย ไปจนถึงเรื่องสงครามโลก คือถ้าเราร่วมมือกัน และหน่วยงานท้องถิ่นมาร่วมงานกับเรามากกว่านี้ แก่งคอยจะไม่เพียงน่าอยู่สำหรับคนท้องที่ แต่น่าอยู่และน่ามาเที่ยวสำหรับคนที่อื่น เราจะเป็นได้มากกว่าเมืองผ่านบนถนนมิตรภาพอย่างแน่นอน
อยากให้เมืองเรามีการหนุนเสริมอะไร ผมมองว่าแก่งคอยเรายังขาดจุดเด่นด้านอาหาร คนมาที่นี่ยังไม่รู้ว่าจะกินอะไร ทั้งที่เอาเข้าจริง ของกินของคนไทยเชื้อสายจีนในตลาดนี่อร่อยเยอะ เพียงแต่เขาก็ไม่ทำขายกัน คุณเข้าใจคำว่ามรดกอาหารไหม หลายบ้านในนี้ทำขนมกุยช่ายอร่อยมาก บางคนทำบ๊ะจ่างรสชาติดีกว่าร้านดังๆ เสียอีก ไหนจะหมูกรอบ ขนมผักกาด ไปจนถึงน้ำเต้าหู้ ซึ่งที่ว่ามานี้ พวกเขาทำกินกันเอง และแจกจ่ายเพื่อนบ้านเป็นหลัก ผมก็พยายามคุยกับเขาว่าน่าจะทำขายบ้างนะ ไม่ต้องขายทุกวันก็ได้ อาจขายเป็นวาระ หรือช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้คนที่มาเที่ยวแก่งคอยได้ลองชิม ผมยืนยันเลยว่า ถ้าได้มาชิมแล้ว รับรองว่าจะต้องกลับมาที่นี่อีก”
สานิตย์ แซ่จึง
หัวหน้าหอการค้าแก่งคอย และกลุ่มแก่งคอยเมืองน่าอยู่
“ระบบนิเวศอีสปอร์ตคือฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะผ่านการยกระดับศักยภาพของผู้คน” ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน สื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook, Instagram หรือ YouTube ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางสื่อสารหรือความบันเทิงอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นเครื่องมือสร้างอาชีพ และพัฒนาทักษะของผู้คนทั่วโลก เช่นเดียวกับ “อีสปอร์ต” (Esports) หรือการแข่งขันวิดีโอเกม ที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ…
เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ไม่ใช่แค่เรื่องของเซ็นเซอร์ แพลตฟอร์ม หรือระบบ AI ที่แม่นยำ แต่หัวใจที่แท้จริงของมันคือ “ผู้คน” – เพราะถ้าขาดการรับฟังเสียงสะท้อน หรือกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เมืองจะไม่มีวันรู้ว่าควรก้าวไปทางไหนแต่ในโลกหลังโควิด-19 ที่ลานกิจกรรมถูกแทนที่ด้วยหน้าจอมือถือ—หน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่บริหารเมืองกลับเข้าไม่ถึงประชาชนได้มากพอ…
“แม้จะเป็นการเล่นเกม แต่นครสวรรค์ก็ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะนี่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่เปลี่ยนให้เมืองผ่านกลายมาเป็นจุดหมายของใครหลายคน” เมื่อเอ่ยถึงนครสวรรค์ คุณนึกถึงอะไร? ประตูสู่ภาคเหนือ, “เมืองปากน้ำโพ” ชุมทางการค้าทางเรือในอดีต, เทศกาลตรุษจีน, ขนมโมจิ, ดินแดนอาหารอร่อย หรือ “พาสาน” แลนด์มาร์กแห่งใหม่กลางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ภาพจำเหล่านี้คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึง…
“เรามีโครงสร้างพื้นฐานในการเป็นสมาร์ทซิตี้พร้อมแต่ที่ผ่านมา เรายังไม่มีกลไกในการพัฒนาบุคคลในกรอบนี้และอีสปอร์ตจะกลไกหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากเด็กและเยาวชน” ไม่เพียงแต่เทศบาลนครนครสวรรค์จะเป็นหนึ่งในเทศบาลแห่งแรกที่ได้รับการคัดเลือกโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ให้เป็น เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตั้งแต่ปี 2564 หากแต่ในปัจจุบัน เทศบาลนครซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ…
“ผมไม่ได้ฝันว่าจะต้องมีซิลิคอนวัลเลย์ในนครสวรรค์แต่หวังว่าเราจะสามารถสร้างงานให้เด็กคนหนึ่งไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯไม่ต้องทิ้งบ้านเกิดไปเพราะไม่มีโอกาส” “ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลพาโลกไปไกล เกมกลายเป็นสื่อที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างน่าทึ่งผมยกตัวอย่างลูกชายผม เขาเรียนอยู่ ป.1 มีเกมอยู่ 2 เกมที่เขาเล่นประจำ คือ Sprunki และ Roblox สองเกมนี้เน้นเรื่องการแปรรูปจินตนาการให้กลายเป็นรูปธรรม ตอนแรกผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกมนี้หรอก จนมาศึกษา…
“ผมไม่ได้ปฏิเสธการศึกษาในระบบ แต่ถ้าเราสามารถสร้างทางเลือกให้กับเด็กที่มีความฝันจริงจังผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็ควรต้องหาวิธีส่งเสริมพวกเขา” “สำหรับการขับเคลื่อนอีสปอร์ตให้กลายเป็นหนึ่งในกลไกการพัฒนาเมือง ผมมองออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกคือ ผมเคยสอนวิชาอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่คณะบริหารและการจัดการ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา และตระหนักดีว่าสิ่งที่ทำให้ศาสตร์นี้ รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับผู้เรียน…