“เมื่อเดือนสิงหาคม (2565) ที่ผ่านมา ทางเทศบาลนครหาดใหญ่เพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสภานายกเทศมนตรีเมืองสีเขียว IMT-GT ซึ่งเป็นแผนงานความร่วมมือของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยในการพัฒนาเมืองด้วยแนวคิดกรีนซิตี้ (Green City) โดย พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานสภานายกเทศมนตรีเมืองสีเขียวของทั้ง 3 ประเทศอีกด้วย
การประชุมครั้งนั้นเป็นรูปธรรมอันชัดเจนว่าเทศบาลนครหาดใหญ่เรากำลังเดินหน้าขับเคลื่อนเมืองด้วยยุทธศาสตร์เมืองสีเขียว ซึ่งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของเมืองในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่ การจัดการขนส่ง การจัดการขยะ ความหลากหลายทางชีวภาพ การพัฒนาอย่างยั่งยืน และอื่นๆ
โดยนโยบายหลักของเราตอนนี้คือการเพิ่มพื้นที่สีเขียวหรือสวนหย่อมในเขตเทศบาล เพราะแม้เราจะมีสวนสาธารณะของเทศบาลบริเวณเขาคอหงส์ ซึ่งผมกล้าพูดว่าดีที่สุดในภาคใต้ แต่ในเขตใจกลางย่านธุรกิจ เราก็จำเป็นต้องมีสวนขนาดเล็กเพื่อให้ผู้คนได้พักผ่อนและใช้ประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ด้วยเช่นกัน
นอกจากด้านสิ่งแวดล้อม หาดใหญ่ก็มีแผนพัฒนาเมืองด้วยแนวคิดสมาร์ทซิตี้ (Smart City) ทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด การติดตั้งเครือข่ายสัญญาณ Wifi ให้ประชาชนเข้าถึงฟรี และที่สำคัญคือความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa) จัดทำชุดข้อมูลใหม่เข้าสู่แพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (City Data Platform: CDP) ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลดิจิทัล ที่รองรับการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดต่อการทำธุรกรรมในเมืองอย่างโปร่งใสและปลอดภัย
ซึ่งทั้งแนวคิดกรีนซิตี้ และสมาร์ทซิตี้ จะไม่มีพลวัตต่อเมืองเลย หากขาดบรรยากาศของการเรียนรู้ เราจึงพยายามส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนผ่านศูนย์การเรียนรู้ทุกแห่งของเทศบาล เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ การพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ให้ผู้ประกอบการ การเรียนรู้ที่จะตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศในปัจจุบัน ไปจนถึงการเรียนรู้ประวัติศาสตร์รากเหง้าของเมืองหาดใหญ่ อันนำมาสู่การสร้างจิตสำนึกความเป็นเจ้าของเมืองร่วมกันของภาคประชาชน
ผมจึงเห็นด้วยกับโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ซึ่งทางมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ขับเคลื่อนมาก่อนหน้า และร่วมกับทางทีมงานของอาจารย์สิทธิศักดิ์ทำคลองเตยลิงก์ เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยพัฒนาเมืองของเราได้ดี โดยเฉพาะการใช้กระบวนการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ในการพัฒนาเมือง
ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทางเท้าเลียบคลองก็ดี การใช้รถตุ๊กตุ๊กที่เมืองมีอยู่แล้วมาทำรถประจำทางเส้นทางใหม่ พร้อมแนวคิดในการเปลี่ยนให้รถตุ๊กตุ๊กขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า รวมถึงการใช้ต้นทุนพหุวัฒนธรรมมาเพิ่มมูลค่าให้กับชุมชนผูกโยงเข้ากับการท่องเที่ยวด้วย
ทั้งหมดที่ว่ามา ทางเทศบาลได้สนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การเข้าร่วมกิจกรรม ไปจนถึงการรับแนวคิดและแบบปรับปรุงภูมิทัศน์คลองเตยของโครงการ เพื่อส่งมอบให้ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองจัดสรรงบประมาณจัดสร้างต่อไป รวมถึงการช่วยตบแต่งเมืองเพื่อเน้นย้ำถึงจุดแข็งทางอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมซึ่งเราได้ทำอยู่แล้ว เช่น การโปรโมทความเป็นย่านไชน่าทาวน์ของเมือง การจัดสร้างหอประวัติเมืองหาดใหญ่ที่นำเสนอนิทรรศการเมือง การจัดอีเวนท์ทางวัฒนธรรมเพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว และอื่นๆ
ผมจึงเห็นว่าทั้งสมาร์ทซิตี้ กรีนซิตี้ และเลิร์นนิ่งซิตี้ ล้วนเป็นกลไกสำคัญที่ใช้ขับเคลื่อนเมืองไปด้วยกันอย่างขาดเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปไม่ได้ เหมือนเช่นการทำงานเพื่อพัฒนาเมืองหาดใหญ่ของเรา ที่ภาครัฐต้องทำงานร่วมกับภาคการศึกษา เอกชน และภาคประชาชนไปพร้อมกันอย่างขาดใครไปไม่ได้เช่นกัน”
ศาสตราจารย์ ดร. วิชัย กาญจนสุวรรณ
รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…