“ผมชอบทำอาหารกินเองมาตั้งแต่เด็ก มีเวลาว่างก็ศึกษาทางยูทูบ ดูรายการแข่งทำอาหารในเน็ตฟลิกซ์ เมนูที่ชอบทำก็กะเพราไข่ดาว อร่อยสุดแล้ว ง่าย ๆ นี่แหละ เคล็ดลับผมคือกินที่ไหนอร่อยจะจำรสชาตินั้นมาทำ กะเพรามันทำได้หลายรสชาตินะครับ พอเราไปกินบางทีมันขึ้นมาในหัวเลย รู้ว่าตรงนี้เขาใส่อะไรเยอะอะไรน้อย จำรสชาติมาแล้วก็ปรับ นึกอยากกินรสนั้นเราก็ทำ แต่ก่อนเราทำด้วยความสนุก แต่พอมาทำขายเราต้องทำรสชาติให้เสถียร
ตอนแรกเปิดร้านคาเฟ่อยู่ในโรงเรียนบ้านวังทอง ความรู้เรื่องทำร้านเป็นศูนย์แต่เราก็ลองดู ขายเครื่องดื่มอย่างเดียว เพราะเขามีร้านอาหารอยู่แล้ว ตอนหลังเพิ่มขายอาหารนิดหน่อยก็เห็นว่าเราพอทำได้ ตอนนั้นผมยังทำงานเป็นช่างเขียนแบบด้วย ภรรยาลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก พอลูกเริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล เลยคิดทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ภรรยาไปเรียนชงกาแฟ มาลองทำก็ชอบ พอคาเฟ่หมดสัญญาเลยหาที่ใหม่ มาได้บ้านเช่าในหมู่บ้านวังทองธานี เราอยากต่อยอดธุรกิจร้าน ขายเครื่องดื่มแล้ว อยากมีอาหารด้วย อยากมีเบเกอรีด้วย ก็ฟอร์มทีมกันขึ้นมา ผมลาออกจากงานมาเป็นพ่อครัวเต็มตัว ภรรยาทำเครื่องดื่มอยู่หน้าร้าน น้องสาวภรรยาทำเบเกอรี ช่วยผมทำออเดอร์ในครัวหรือหน้าร้าน เหมือนเป็นผู้เล่นซัพพอร์ต ก็ทำกันเองในครอบครัว พูดคุยกันง่าย ถ้าเราจ้างคนทำงานก็มีค่าใช้จ่าย ไหนจะคนทำงานอยู่ไม่ทน เดี๋ยวลาออก ตัวผมก็ไปหาความรู้เพิ่มเติม ไปเรียนทำพิซซ่ากับเพื่อน แล้วก็เอามาปรับเป็นสูตรเรา เมนูในร้านก็มีตั้งแต่สเต็ก สปาเกตตี เบอร์เกอร์ มีพวกอาหารตามสั่งด้วยเพราะมีลูกค้าในหมู่บ้านและพื้นที่รอบ ๆ สั่งทุกวัน บางคนสั่งซ้ำติดกันหลายมื้อ เราก็ดีใจว่ารสชาติคงใช้ได้ล่ะ เบเกอรีก็เช่นบราวนี ชีสเค้ก บานอฟฟี พานาคอตตา รสชาติดี ไม่หวานเกินไป ราคาก็ไม่แตกต่างชิ้นละ 35-40 บาทแต่ปริมาณอาจจะเล็กกว่าเขาหน่อยเพราะเราเลือกใช้วัตถุดิบดี
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนทำงาน ทำเลร้านอยู่ในถนนที่ทะลุไปได้หลายทาง ตัวร้านอยู่สุดซอยในหมู่บ้าน มีที่พอจอดรถได้ อยู่ติดกับสวนของหมู่บ้าน ตอนเย็นมีคนมาออกกำลังก็ได้ลูกค้าบ้าง และที่หลัก ๆ คือสั่งออนไลน์ ส่วนใหญ่อยู่คอนโดโซนเมืองเอก พหลโยธิน ดอนเมือง ธุรกิจดิลิเวอรีในโซนปทุมธานีการแข่งขันสูงมากเป็นอันดับต้น ๆ คนบอกช่วงโควิดแย่ ๆ แต่ร้านเราออเดอร์ดีมาก บางทีตี 2 ตี 3 ร้านปิดแล้วยังมีออเดอร์มาขอให้ทำให้หน่อย เราก็ทำ ขายได้ก็ขายตักตวงไว้ก่อน บางวันข้าวเช้าได้กินตอนเย็น นี่ก็เริ่มคิดละว่าต้องมีวันหยุดแล้วนะ แต่ก็เพราะด้วยสถานการณ์ ด้วยเทรนด์ของการใช้ชีวิตคนที่พึ่งพาความสะดวกของดิลิเวอรี ทำให้ร้านเราอยู่รอด ถ้าไม่มีออเดอร์ออนไลน์คืออยู่ไม่ได้
จริง ๆ บ้านผมก็อยู่ใกล้ ๆ แต่มาเช่าบ้านทำร้านนี้เพราะอยากได้พื้นที่กว้างไว้ปลูกต้นไม้ด้วย คือเราอยากใช้วัตถุดิบที่ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงมาเสิร์ฟลูกค้า และตามแนวคิด Zero Waste ใช้ทุกอย่างให้คุ้มค่า พยายามไม่ซื้อแต่นำของเหลือกลับมาใช้ให้ได้มากที่สุด เช่น เอากากกาแฟที่ใช้ในร้านมาผสมเป็นปุ๋ยสูตรฉีดไล่แมลง แมลงก็หายไปแต่สักพักมาใหม่เราก็ปรับสูตรใหม่ เศษอาหารเหลือก็เอามาผสมให้ไส้เดือนทำเป็นปุ๋ยหมักได้ ตอนนี้ก็ขยายผักสวนครัว พวกกะเพรา ใบมะกรูด กะว่าเลี้ยงให้พอขาย นี่เพิ่งเริ่มทำก็ยังไม่ถึงกับพอใช้ขายได้ทั้งหมด แต่พืชสวนครัวนี่แค่ตัดกิ่งก็รองอกใหม่มาใช้ได้ ผมปลูกผักสลัดไว้ล็อตนึง แต่พอเราตัดมาแล้วมันไม่แตกยอดใหม่ ต้องเริ่มลงเมล็ดปลูกรอบใหม่ทั้งหมด แล้วต้องใช้สารอาหารเยอะ ต้องปรุงดินใหม่ ต้องกาวันเปลี่ยนกระถาง พอล็อตนี้เริ่มขึ้น ต้องพักกล้าล็อตต่อไป ยิ่งถ้าไม่ใช้ยาฆ่าแมลงก็ต้องดูแลเยอะ เช้าตื่นมาดูหนอน กลางคืนก็ต้องมาไล่ดู ซึ่งผมยังมีเวลาไม่พอ ก็คิดว่าถ้ายอดสั่งดิลิเวอรีลดลง ก็อาจมาทำสวนได้มากขึ้น
ร้าน Black bunnies house เปิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 ผมลาออกจากงานเดือนตุลาคม ปี 2564 ก็ถือว่าอยู่ในช่วงลองของ แต่ที่ทำมาก็รู้สึกว่าไปต่อได้ ขณะเดียวกันก็ต้องรู้ตัวตลอด ถ้าไม่ไหวจะปรับตัวยังไง ? พยายามคิดล่วงหน้า สิ่งที่คิดว่าจะไปต่อ ก็อย่างทำสวนครัว อยากขายต้นไม้ด้วย เพราะชอบปลูก ชอบเพาะขยายพันธุ์ต้นไม้ ต้นทุนไม่มาก แต่ลงทุนเวลาเยอะ การขยายพันธุ์คือดอกเบี้ยที่ได้ ไม่ขาดทุน การทำธุรกิจส่วนตัวต้องคิดเยอะกว่าทำงานบริษัทที่รอครบเดือนแล้วได้ตังค์ อยู่ที่ความพยายามของเรา ถ้าขยันน้อยก็ได้น้อย ทำเยอะได้เยอะ ผมมาทำไม่ถึงปี เหนื่อย แต่สนุก เพราะได้ทำสิ่งที่เราชอบ”
พงศกร เสนาวุฒิ
ผู้ประกอบการร้าน Black bunnies house