“นมเป็นอาหารที่คุณค่าสูง ในฐานะเป็นประเทศเกษตรกรรม คนไทยควรใช้ประโยชน์จากไร่จากสวน”

“ผมทำไร่มาตลอด ย้ายมาทำไร่ธารเกษมที่ปากช่องเมื่อปี 2505 เป็นไร่ร้างที่เขาปลูกละหุ่งเอามาทำน้ำมัน ก็ถางพวกต้นละหุ่งออก หลังจากนั้นเราก็ปลูกข้าวโพด ปลูกถั่ว ปลูกงา ชาวบ้านปลูกอะไรก็ปลูกตามเขา อะไรขายได้ก็ปลูก มาถึงระยะหนึ่ง ผมมองเรื่องความอยู่รอด มีรายได้ที่มั่นคงหน่อย เพราะล้มมาเยอะ ปลูกได้เยอะ ราคาตก ปลูกได้น้อย ก็มีของน้อย จนมาเลี้ยงวัวนมนี่แหละที่สร้างรากฐานชีวิตได้

ตอนนั้นทางมวกเหล็กเริ่มทำฟาร์มโคนมแล้ว (ฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย-เดนมาร์ค อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505 ในปี 2514 จัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชื่อ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)) วันหนึ่งผมโบกรถไปกรุงเทพฯ รถคันนั้นเป็นรถของชาวเดนมาร์ก เขาก็เล่าว่า ตอนในหลวง (รัชกาลที่ 9) ไปเยือนเดนมาร์กนั้น ท่านบอกคนเดนมาร์กเลี้ยงวัวเก่ง ท่านอยากให้ชาวเดนมาร์กช่วยสอนคนไทยเลี้ยงวัวด้วย เพราะคนไทยตามปกติไม่ดื่มนม นี่คำเล่าของชาวเดนมาร์กนะ ผมว่าเรื่องจริง นมเป็นอาหารที่คุณค่าสูง ในฐานะเป็นประเทศเกษตรกรรม คนไทยควรใช้ประโยชน์จากไร่จากสวน เลี้ยงวัวแล้วคนก็ดื่มนมไปด้วย เมื่อพวกเดนมาร์กมาช่วยเลี้ยงวัว นอกจากวางโครงสร้างบริหารจัดการแล้ว ตอนแรกเขาเปิดนิคมสร้างตนเองที่มวกเหล็ก อบรมเด็กหลายรุ่น จบแล้วก็ให้วัว ทำฟาร์มให้ ทำโรงเรือนให้ ส่วนมากก็ไม่ยึดถือเป็นอาชีพ ได้วัวไปก็ขายให้พรรคพวกเดียวกันนี้แหละ

ความประสงค์ของชาวเดนมาร์กก็อยากให้งานนี้ตกเป็นของฝ่ายประชาชนเป็นผู้รับผลประโยชน์ แต่เนื่องจากระบบราชการของไทย ราชการกับชาวบ้านอยู่ห่างกัน คนละสถานะ พวกที่ออกมาช่วยเหลือชาวบ้าน ก่อนที่คิดจะช่วยชาวบ้านก็ช่วยตัวเองก่อน แต่เขาอยากติดต่อกับชาวบ้านจริงๆ ผมอาสาว่า ผมนี้แหละชาวบ้าน หลังจากนั้นทางมวกเหล็กก็มาออกแบบทำโรงเรือนรีดนมวัวให้ ครั้งแรกที่ทำคิดว่าอากาศร้อน ควรจะตั้งบนที่สูง ที่ลมโกรกหน่อย เพื่อสุขลักษณะ เขาก็บอกอากาศที่นี่เย็นพอ เหมาะสมที่จะเลี้ยงวัวนมเป็นอย่างยิ่ง ฟาร์มโคนมผมเป็นฟาร์มต้นแบบหมายเลข 1 และร่วมกับนายด่าน สุวรรณศรีจัดตั้งสหกรณ์โคนมปากช่อง (ในปี พ.ศ. 2527) ผมเป็นสมาชิกหมายเลข 1

ผมเริ่มจากวัวนม 10 ตัว ก็อยู่ได้ คุ้มทุน ขายให้ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค เราตั้งราคาได้เอง ผมรีดนมได้วันละ 20 ลิตร ขับรถไปส่งนมดิบที่มวกเหล็ก 20 ลิตรถือว่าไม่เยอะ ไม่คุ้มค่าน้ำมัน ตอนหลังมีรายได้มั่นคงขึ้น ก็เลี้ยงเยอะขึ้นให้ได้น้ำนมคุ้มกับค่าน้ำมัน เลี้ยงจนสุดท้ายประมาณ 60 ตัว ลูกเรียนจบ ดูแลตัวเองได้ ผมก็ปลดระวางตัวเองประมาณปี 2539-40 ความรู้สึกของตัวเองคืออาชีพเลี้ยงวัวนมมีความมั่นคงพอ ผมไม่เข้าใจเท่าไหร่ ทำไมคนไทยถึงไม่สามารถเป็นสมาชิกที่ดีของสหกรณ์ได้ ผมเองอยู่กับรูปแบบการบริหารที่เป็นสหกรณ์น่าจะเหมาะสมกับคนไทย แต่คนไทยก็ถือว่าเป็นอิสระชน ไม่อยากอยู่ภายใต้อาณัติการบริหารของคนอื่น

รายได้ชาวไร่ชาวสวนขึ้นอยู่กับพ่อค้าในตลาด ระบบอุปถัมภ์ ชาวนาก็พึ่งคนในตลาดมาก พ่อค้าเกื้อหนุน ก็ยากที่ชาวบ้านจะตั้งตัวเองได้ ผมอยู่กับเพื่อนที่ทำไร่ทำสวน สามารถพูดให้เข้าใจและชักชวนได้ การที่ผมมาทำโคนม เริ่มมีทรัพย์สินขึ้นมาทันที อย่างน้อยก็มีแม่วัว ครอบครัวละ 1 ตัว สามารถตั้งหลักตั้งฐานได้ มีรายได้ประจำ มีวัวเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นว่ามีฐานะทางเศรษฐกิจพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวได้ ชาวบ้านเขาก็ดูว่า คุณคำสิงห์แกเลี้ยงวัวได้มีสถานะ การที่จะทำให้คนเห็นความสำคัญ ก็อยู่ที่ว่า ถ้าเราพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเรามีรายได้ประจำจากการขายนม คนก็ทำตาม จากฟาร์มแรก เดี๋ยวนี้มีนับเป็นพันๆ ไร่ก็เป็นเขตเลี้ยงวัวนมเป็นเรื่องเป็นราว

เกษตรกรทั้งหลายไม่มีอาชีพใดที่ไม่หนัก งานที่ใช้แรงก็ถือเป็นงานหนัก การรีดนมวัวคือรีดทุกวัน วันละสองรอบเช้าเย็น เราไม่สามารถไม่รีดนมวัวได้ วัวไม่อั้นนมไว้ ถ้าไม่รีดนม วัวจะป่วย นมคัด อาชีพเลี้ยงวัวนมนี้ความสะอาดเป็นตัวนำ ความสะอาดส่งผลถึงผู้บริโภค ถ้าเราได้รับคำติเตียนว่านมไม่สะอาด ก็สร้างตลาดยาก ตอนที่ทำใหม่ๆ พวกเดนมาร์กมีหมอประจำมาดูแล ผมก็บอกเขาตรงๆ ว่าผมจะทำตามคำแนะนำ สิ่งที่ผมต้องการคือคำแนะนำ เพราะมันเป็นอาชีพใหม่ เราก็ให้ความสำคัญกับความสะอาด มีชาวบ้านบางคนพอรีดนมได้แล้วก็แอบเติมน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณ ทำให้คุณภาพนมไม่ดี เขาไม่รู้ว่านั่นคือการทำลายอาชีพของเขาเอง”

คำสิงห์ ศรีนอก (ลาว คำหอม)

ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พุทธศักราช 2535
สมาชิกสหกรณ์โคนมปากช่อง หมายเลข 1

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[THE RESEARCHER]<br />ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์<br />หัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด เทศบาลเมืองลำพูน<br />นักวิจัยจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…

4 hours ago

[THE CITIZENS]<br />ปริยาพร วีระศิริ<br />เจ้าของแบรนด์ผ้าไหม “อภิรมย์ลำพูน”

“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ   และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม   ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…

4 days ago

[THE CITIZENS]<br />ไชยยง รัตนอังกูร<br />ผู้ก่อตั้ง ลำพูน ซิตี้ แลป

“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…

6 days ago

[THE CITIZENS]<br />ธีรธรรม เตชฤทธ์<br />ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน

“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…

7 days ago

[THE CITIZENS]<br />ชนัญชิดา บุณฑริกบุตร<br />ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน

“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม)  จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />นงเยาว์ ชัยพรหม<br />คนทำโคมจากชุมชนชัยมงคล

“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว  สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…

1 week ago