“สถานีรถไฟลำปางสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2458 เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองของเมืองในอดีต เพราะในยุคสมัยนั้นลำปางมีธนาคารแห่งชาติ มีสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ธุรกิจอะไรต่างๆ ก็มาเปิดกันที่นี่ โดยมีสถานีรถไฟแห่งนี้เหมือนเป็นประตูเชื่อม เพราะนอกจากการขนส่งผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่นๆ รถไฟยังใช้ขนสินค้า ข้าวของเครื่องใช้ พืชผักผลไม้ ยาสูบ ไปจนถึงเหรียญกษาปณ์หรือธนบัตรจากกรุงเทพฯ ส่งมายังธนาคารแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ ทหารก็ใช้รถไฟขนยุทโธปกรณ์ กระทั่งรถถังก็ยังเคยขึ้นรถไฟมาแล้ว
นอกจากในเชิงประวัติศาสตร์ ความที่สถานีรถไฟมันถูกสร้างพร้อมกับราง และรอดพ้นจากสงครามโลกมาได้ อาคารสถานีรถไฟแห่งนี้จึงกลายเป็นมรดกชิ้นสำคัญของเมือง คือถ้าดูสถานีรถไฟประจำจังหวัดอื่นๆ ส่วนใหญ่จะมีหน้าที่เป็นแค่สถานีที่ให้ผู้โดยสารมาขึ้นรถเท่านั้น แต่กับที่ลำปาง ที่นี่รวมเข้ากับแลนด์มาร์คของเมือง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนจะแวะมาถ่ายรูปด้วยตัวของมันเองด้วย
ผมประจำการที่สถานีรถไฟลำปางมาได้ 10 ปีแล้ว ก็ดูแลภาพรวมของสถานี ทั้งรอบการเดินรถไฟ สิ่งอำนวยความสะดวก ความสวยงาม ความสะอาด และการจัดการเอกสาร หลายคนอาจไม่รู้ที่การรถไฟส่วนกลางเขาจะมีการประกวดสถานีรถไฟดีเด่น โดยจะมีกรรมการมาตรวจสอบสิ่งเหล่านี้เพื่อประเมินและแข่งขันกันในระดับต่างๆ อย่างสถานีลำปางจะเป็นสถานีชั้น 1 ร่วมกับสถานีลำพูน สถานีเด่นชัย หรือเชียงใหม่ ผมก็พยายามจะทำให้สถานีเราได้คะแนนอันดับต้นๆ ตลอด เพราะต้นทุนของเราสวยอยู่แล้ว
ในส่วนของภาพรวม นอกจากการรถไฟจะมีการเปลี่ยนรถไฟขบวนใหม่มาใช้ โดยพยายามเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดให้ได้ในระยะเวลาอันใกล้ ลำปางเราเองก็มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ของสะพานดำ (สะพานรถไฟที่พาดเชื่อมจากสถานีลำปางไปยังสถานีบ่อแฮ้ว – ผู้เรียบเรียง) ซึ่งตอนนี้กำลังเข้าสู่เฟสที่ 2 สะพานดำแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คทางประวัติศาสตร์สำคัญของเมือง โดยสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และก็รอดพ้นจากสงครามมาได้พร้อมกับอาคารสถานี
นอกจากบทบาทด้านประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยว ด้วยทำเลที่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของเมือง สถานีรถไฟลำปางยังเชื่อมโยงกับเมืองในด้านสังคมด้วย อย่างลานด้านหน้าสถานียังใช้จัดกิจกรรมอีกหลากหลายทั้งงานรถไฟและรถม้าลำปางที่เชื่อมโยงกับสถานีรถไฟโดยตรง งานแห่พระในช่วงสงกรานต์ ไปจนถึงงานกีฬาสีของโรงเรียน ก็จะใช้ที่นี่ตั้งขบวนพาเหรดเพื่อเดินไปยังหอนาฬิกา ในฐานะนายสถานี ผมก็เลยพยายามปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เป็นหน้าเป็นตาของเมืองอยู่เสมอ
และเพราะเรารู้ว่าพื้นที่เรามีความสำคัญขนาดนี้ สิ่งที่ผมอยากฝาก คือให้คนลำปางเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองให้มากกว่านี้ครับ คุณลองไปถามนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาลำปาง นี่เขารู้หมดเลยนะว่าอาคารสถานีรถไฟสำคัญยังไง รถม้าเริ่มมาตอนไหน กำแพงเมืองประตูม้า หออะม็อก หรือวัดต่างๆ เขาศึกษามาก่อนเลยอยากมาดูของจริง แต่ถ้าถามคนท้องถิ่น เด็กรุ่นใหม่กลับรู้เรื่องพวกนี้น้อยมากเลย ทั้งที่เห็นอยู่ทุกวัน จึงคิดว่าน่าเสียดาย ถ้าพวกเขาไม่สนใจเรื่องนี้”
คะนอง ฤทธิ์มหันต์
นายสถานีรถไฟลำปาง
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…