“บ้านหลังนี้เป็นของคุณป้า คุณป้าคุณลุงเสีย ก็ปิดไว้เฉยๆ เพราะลูกชายเขาที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันย้ายไปอยู่นอกกุฎีจีน พอคิดทำพิพิธภัณฑ์เลยทาบทาม เขาก็ตกลง โอนสิทธิ์การเช่าที่ดินแล้วก็มาปรับโครงสร้างข้างล่างซึ่งสูงแค่เมตรยี่สิบ เราทำอะไรไม่ได้เลย ก็ยกบ้านดีดขึ้นไปเป็นสามเมตรกว่า เสริมคาน ฐานราก ปรับพื้นที่ข้างบน แล้วก็ได้พื้นที่เพิ่มด้านหลังกับที่อีกนิดนึงของสำนักมิสซัง ก็ขออนุญาตเช่าจากวัดซางตาครู้ส แล้วก่อนทำ เราก็เชิญคนรอบบ้านที่จะมีผลกระทบจากการทำตรงนี้มาคุย ก็ไม่มีใครคัดค้าน เขาก็มีข้อแนะนำ คนที่อยู่ในนี้ก็อยู่กันมานาน เป็นพี่เป็นน้อง นับถือกันเป็นญาติ รู้จักกันหมด ถึงแม้จะคุยกันยากแต่ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ถึงเวลาก็ช่วยกัน บางบ้านก็สร้างรายได้เพิ่มขึ้น อย่างเขาไม่ได้ทำงานข้างนอก อาจจะอึดอัด หลังๆ ช่วงโควิด เศรษฐกิจตกต่ำ อยู่บ้านยังดีกว่า เราก็ขายไป ซื้อไป ช่วยเหลือกันไปในย่าน คือสมัยก่อนก็เป็นแบบนี้
บ้านเราไม่ใช่บ้านที่ทำขึ้นมาเพื่อการท่องเที่ยวนะ มันเป็นชีวิตของเราจริงๆ เป็น Life Museum ที่ใครๆ มาดูอาจจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่นี่คืออะไรๆ ของเรา ทุกอันมีสตอรี่ เพราะเราอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ต้นตระกูลก็อยู่ที่นี่ แล้วคนที่ย้ายออกเพราะครอบครัวขยายแต่พื้นที่เท่าเดิม พอมีโอกาส เทศกาลศาสนา ฉลองคริสต์มาส เขาก็จะกลับมา ภายในพิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีนก็บอกเล่าความเป็นมา มีห้องกำเนิดกุฎีจีน ห้องวัฒนธรรม ก็จำลองบ้านสมัยก่อนที่อยู่จริงๆ เลย มีหิ้งพระไว้ในห้อง เราไม่มีห้องพระแยกต่างหากเหมือนคนไทย หิ้งที่ใหญ่ที่สุดก็อยู่ในห้องผู้อาวุโสที่สุด เด็กเล็กลูกหลานก็จะมีกางเขน รูปแม่พระ นักบุญศักดิ์สิทธิ์ นักบุญยอแซฟ รูปพระในห้องนอนเพราะส่วนใหญ่เราต้องสวดก่อนนอนและตอนตื่น รูปครอบครัวส่วนใหญ่ติดในห้องรับแขก ของต่างๆ ที่จัดแสดงก็เป็นของสะสมที่เก็บไว้จากหลายๆ บ้าน บ้านเรา ครอบครัวญาติ ปู่ทวด
เราไม่รู้เรื่องการทำพิพิธภัณฑ์เลย ทำจากที่เราไปเดินดูตามพิพิธภัณฑ์เล็กๆ อันไหนที่ชอบก็เก็บไว้ในใจ อันไหนต้องปรับปรุงก็เก็บมา พอดีได้อาจารย์สองท่านที่ทำเรื่องธนบุรีมาเป็นที่ปรึกษาให้เราตั้งแต่แรกด้วย ก็ปรับมาสามครั้งกว่าจะได้ที่ออกมาคิดว่าพอใจในระดับหนึ่ง ก็ยังไม่ได้เปิดเป็นทางการเลย หกปีแล้ว แต่คิดว่าเดี๋ยวพอได้ในระดับหนึ่งก็คงจะเปิดเป็นสิริมงคล ตอนแรกคนไม่รู้จัก ก็โชคดีมีเฟซบุ๊ก ไลน์ แล้วนโยบายรัฐบาลให้เที่ยวชุมชน มหาวิทยาลัยก็ส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักชุมชนตัวเอง เขาก็มาถ่ายรูป ก็มีออกข่าวทั้งในและต่างประเทศ สารคดีจากญี่ปุ่น อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสมาถ่ายทำ มีนักเขียนโปรตุเกสมาเขียนถึง คนโปรตุเกสแทบทุกคนที่มาแฮปปี้มาก เขารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งเราไม่เคยรู้ว่ามันเหมือน ห้องนอนเราก็จัดห้องนอนแบบบ้านเรา แต่เขามาถึงเขาบอกเหมือนบ้านคุณยาย บ้านที่มีสวนเล็กๆ อยู่กลางบ้าน ทุกคนมาก็ซาบซึ้ง เขาไม่เคยรู้เลยว่ามีอะไรของเขาเล็กๆ อยู่ที่นี่
เราอยากให้คนมาชม ก็ไม่เก็บค่าเข้าชม แล้วเราอยู่ได้ยังไง ก็อยู่ได้โดยช่วยกันพี่น้อง มีเด็กๆ ลูกหลาน เราทำชั้นล่างขายกาแฟ เครื่องดื่ม ของว่างพวกวาฟเฟิล ก็ดีใจที่คนมากินแล้วเขาโอเค เรามีขนมซิกเนเจอร์ เรียกว่า ขนมปังสัพแยก เป็นอาหารโปรตุเกส ลักษณะเหมือนขนมปังโปรตุเกสก้อนกลมๆ เอามาใส่ไส้คล้ายไส้กะหรี่ปั๊บ ถ้าคุณอยากกินอันนี้ต้องมาที่นี่ ไม่มีที่อื่น แล้วอาหารที่เราทำกินกันในบ้าน หลายอย่างที่เราไม่รู้ว่าเราทำอาหารโปรตุเกส อย่างหมูสับหรือเนื้อสับ มาทอดเป็นก้อน โรยหน้าด้วยหอมใหญ่ผัด มะเขือเทศผัด เป็นน้ำขลุกขลิกราด คุณยายที่บ้านเรียก Mince Steak อาจารย์ประโลมที่ทำเรื่องโปรตุเกสอยู่ มาเห็นบอกว่าเป็นอาหารโปรตุเกส ซึ่งบ้านเราก็ทำกินสืบทอดกันมา ย้อนรากไปได้ว่ามาจากโปรตุเกส แล้วเราก็มาใช้วัตถุดิบของเราปนของจีนด้วย วัฒนธรรมเราก็เลยเป็นเอกลักษณ์ที่รวมหลายอย่าง ตัวเราเองมีเชื้อสายโปรตุเกส แต่เป็นคนจีนด้วย ก็โชคดีที่คนโปรตุเกสมาเราก็เป็นโปรตุเกส จีนมาเราก็เป็นจีนแต้จิ๋ว สายที่ห้าแท้ๆ เลย
ชุมชนกุฎีจีนมีสามกลุ่มมาตั้งแต่อยุธยา พุทธ คริสต์ อิสลาม อยู่ร่วมกันมาหลายเชื้อชาติ มอญก็มี รุ่นหลังมีญวนด้วย เราอยู่มาตั้งแต่เด็ก ชุมชนไม่ค่อยเปลี่ยน แค่มีคนเยอะขึ้น สมัยก่อนคนข้างนอกไม่ค่อยได้มาอยู่เพราะเราไม่สามารถแต่งงานกับคนไม่ใช่คาทอลิกได้ สมัยนี้วาติกันก็ปรับปรุงกฎสมัยใหม่ สามารถแต่งงานกับคนที่ไม่ใช่คาทอลิกได้แต่เขาต้องเข้าใจวิถีชีวิตเรา อย่างสามีและน้องเขยก็ไม่ใช่ แต่เข้ามาอยู่ก็ช่วยทำงานให้คาทอลิก เขาเข้าใจวิถีชีวิตเรา วันอาทิตย์เขาก็พาลูกไปวัด คนแก่ๆ ที่อยู่ที่นี่จะไม่ยอมย้ายเพราะเขาไปวัดได้โดยที่ไม่ต้องกวนใคร ใกล้นิดเดียว คุณแม่นี่ไปวัดจนกระทั่งเดินไม่ไหว ก็เข็นรถไป คนอายุน้อยกว่าเขาก็มารับจูงกันไปวัด วิถีชีวิตก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่
โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูในพื้นที่ย่านกะดีจีน-คลองสานเข้ามาเมื่อสิบปีที่แล้ว คนที่นี่เริ่มตื่นตัว มีคนอื่นมาเที่ยว เราก็รู้สึกว่าสนุกนะ ตอนนั้นยังไม่คิดเลยว่าตัวเองจะทำพิพิธภัณฑ์ แต่กิจกรรมที่โครงการฯ เข้ามาจัด ก็อย่างตอนคริสต์มาส บ้านใครมีขนม อาหารอะไรของเรา เอามาแจกให้คนอื่นชิม เราก็เปิดหน้าบ้าน เอาต้มมะฝาด ซึ่งไม่เคยมีใครเคยได้กิน รสชาติเฉพาะบ้านเรา แต่ละบ้านอาจจะรสจัด อาจจะรสอ่อน แล้วคำว่า มะฝาด เราก็สงสัยนะ ทำไมมะฝาด มันไม่เคยฝาดมาตลอด แล้วก็ไม่มีตัวต้นอะไรทำไมฝาด ตอนนี้ย้อนได้ ผู้รู้เรื่องอาหารศึกษาว่า มะฝาด มาจากคำว่า อะบาฟาโด้ เสียงออกมาคนไทยฟังนี่มะฝาดแน่นอน ซึ่งการทำคือเรียงผักที่สุกยากไว้ก่อน แล้วก็สุกง่ายขึ้นมา แล้วก็ค่อยๆ รุมด้วยไฟซักสามชั่วโมง คล้ายจับฉ่าย น้ำเครื่องเทศจากไก่จากหมูก็จะซึมออกมา แล้วของโปรตุเกสบอกเขาไม่ได้รุมด้วยเตาไฟอย่างนี้ เขาขุดหลุมแล้วเอาหม้อใส่ลงไป ทำให้เราได้เรียนรู้ขึ้นเยอะ ซึ่งเป็นผลจากโครงการฯ ที่จุดประกายให้คนเข้ามาในย่าน”
นาวินี พงศ์ไทย
พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน
"ความน่าอยู่ของนนทบุรีคือความเป็นเมืองใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯแต่ยังคงแฝงไว้ด้วยบรรยากาศแบบชนบทที่เรียบง่ายป้าก็หวังว่าเราจะสามารถรักษาเสน่ห์นี้ไว้ได้ต่อไป" “ชุมชนวัดลานนาบุญ ตั้งอยู่ในตำบลตลาดขวัญ เขตเทศบาลนครนนทบุรี เป็นชุมชนชาวสวนดั้งเดิม โดยมีลำคลองสายสำคัญสองสายไหลผ่าน ได้แก่ คลองบางตะนาวศรี ซึ่งเป็นคลองสายใหญ่ที่ไหลออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และคลองบางขวาง ซึ่งเป็นคลองสายเล็กตัดผ่านกลางซอย ชาวบ้านในชุมชนแทบทุกหลังคาเรือนจะมีคลองสองสายนี้ไหลผ่านใกล้บ้าน จึงเป็นชุมชนใกล้เมืองที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมและความเป็นธรรมชาติไว้ได้เมื่อก่อนชาวบ้านนิยมปลูกทุเรียนกันมาก แต่ช่วงหนึ่งความนิยมซบเซาลง จึงหันไปปลูกผลไม้อื่น…
“เราเป็นพยาบาลวิชาชีพชำนาญการที่คลินิกชะลอไตเสื่อม (CKD Clinic) ในศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 6 สนามบินน้ำ ของเทศบาลนครนนทบุรี โรคไตเป็นหนึ่งในกลุ่มโรค NCDs (โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) อยู่แล้ว พอถึงเดือนมีนาคม 2567 กองการแพทย์มีเป้าหมายขับเคลื่อนเวชศาสตร์วิถีชีวิต หรือ…
“พื้นเพดั้งเดิมของป้าเป็นคนสมุทรสงคราม แต่ไปทำงานที่มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ในกรุงเทพฯ แต่เลือกซื้อบ้านที่นนทบุรี เพราะเมื่อก่อนราคายังไม่สูงมาก เงียบสงบ และก็ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก ป้าย้ายมาอยู่ที่ชุมชนหมู่ 3 โซน 2 นี้ตั้งแต่ปี 2535…
ผมเป็นฟรีแลนซ์กราฟิกดิไซเนอร์ และขายของออนไลน์ควบคู่ไปด้วย บ้านผมอยู่ในชุมชนวัดทางหลวง บางเขน ความที่โตมากับชุมชนนี้ ก็เลยมีความผูกพัน พอเห็นว่าอาสาสมัครชุมชนไม่ค่อยมีคนรุ่นใหม่มาทำเท่าไหร่ ทั้งที่มันเป็นงานที่ต้องใช้แรงพอสมควร ผมก็เลยอาสามาช่วยทำ ชุมชนเราตั้งอยู่ชายขอบของเขตเทศบาลนครนนทบุรี ติดกับเขตบางซื่อของกรุงเทพฯ ตรงนั้นมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่าน แต่สถานีไม่ได้ตั้งอยู่ในชุมชนเรา ถ้าจะขึ้นรถไฟฟ้า ต้องเดินข้ามคลองไปที่เขตบางซื่อ ตรงนี้จึงเห็นความต่างชัดเจน…
“พื้นเพเดิมผมเป็นคนบางพลัด กรุงเทพฯ อยากเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง เลยย้ายมาอยู่เมืองนนท์ตอนปี 2527 ที่เลือกย้ายมา ส่วนหนึ่งเพราะที่ดินยังไม่แพง และเห็นโอกาสว่าอีกหน่อยกรุงเทพฯ จะแน่น คนจะกระจายไปอยู่รอบ ๆ ปริมณฑลมากขึ้น สมัยนั้นแถวพงษ์เพชรยังเงียบ มีแต่ทุ่งนา ถนนหนทางยังไม่ดี…
อ่าน WeCitizens เมืองลำพูนน่าอยู่ที่ชาญฉลาด Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/zria/ Download PDF File : https://drive.google.com/file/d/1AYfWcfKM_74hNno34iusi8NVbpt7WWQQ/view?usp=share_link บอกเล่าเรื่องราวมุมมองคนเมืองลำพูน โดย นายกฯ ประภัสร์ ภู่เจริญ นายกเทศมนตรีเมืองลำพูน (ดำรงตำแหน่ง มีนาคม 2564 – มีนาคม 2568) และคณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองลำพูนและหัวหน้าโครงการวิจัยลำพูนเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ดร.สุดารัตน์…