นี่อาจเป็นความเคลื่อนไหวเล็กๆ แต่ถ้าเราพบวิธีสื่อสารออกไปให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เราชื่อว่าสิ่งเล็กๆ สิ่งนี้อาจจุดประกายให้เกิดการพัฒนาเมืองครั้งใหญ่ได้

“หลายปีก่อน สมัยที่ยังไม่มีสื่อออนไลน์เหมือนทุกวันนี้ เรามีโอกาสไปร้านหนังสือที่เชียงใหม่ และเห็นหนังสือชื่อว่า ‘ไม่รักไม่บอก’ ซึ่งเป็นหนังสือคล้ายๆ หนังสือทำมือ ภายในมีแผนที่เมืองเชียงใหม่ย่านต่างๆ พร้อมลายแทงร้านอาหารขึ้นชื่อ และเกร็ดข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของคนที่นี่ เราซื้อกลับมา อ่านจบ และคิดว่าหาดใหญ่บ้านเกิดเราก็มีร้านดีๆ และข้อมูลที่น่าสนใจไม่แพ้เชียงใหม่ นึกอิจฉาว่าทำไมไม่มีคนรวบรวมมาพร้อมสรรพอย่างนี้

ใจความสำคัญคือการคัดสรรข้อมูลและสื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพราะแค่กับหนังสือเล่มเดียว ยังทำให้เราพบว่าเมืองเมืองหนึ่งน่าอยู่ น่าสนใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้ จนภายหลังโซเชียลมีเดียกลายมาเป็นสื่อกระแสหลัก และมีเพจเฟซบุ๊คที่เล่าเรื่องหาดใหญ่ในมุมของตัวเอง และเป็นปากเสียงให้คนในพื้นที่ ตรงนี้แหละที่ทำให้เราเริ่มเห็นความหวังที่หาดใหญ่จะเป็นเมืองที่ตอบโจทย์ชีวิตผู้คนในอนาคต

ในปี พ.ศ. 2563 เราในฐานะอาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้มีโอกาสร่วมเป็นนักวิจัยในโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ โดยโครงการได้ทำกิจกรรมเพื่อสร้างเครือข่ายชุมชน ทำคอร์สเพื่อพัฒนาทักษะทางวิชาชีพให้ผู้คน และผลิตสื่อ โดยทำงานร่วมกับชุมชนทั้ง 103 ชุมชนในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่

หน้าที่ของเราคือการออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้ และเพราะช่วงนั้นเกิดโควิด ผู้คนหลายคนต้องตกงาน เราจึงทำหลักสูตรเสริมทักษะให้คนหาดใหญ่สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤต พร้อมกันนั้นก็มีการสร้างเครือข่ายโดยผ่านกลุ่ม Line Official Account สำหรับการสื่อสาร รวมถึงทำสื่อประชาสัมพันธ์โดยเปิดเว็บไซต์ hatyailearning.city และเพจเฟซบุ๊ค เพื่อเป็นการอัพเดตข่าวสารและชักชวนให้คนหาดใหญ่ได้เรียนฟรี หลักสูตรในนั้นมีตั้งแต่การทำธุรกิจออนไลน์ การทำอาหาร การปลูกผักสำหรับคนในเมือง และอื่นๆ

โดยหลักสูตรที่เรารับผิดชอบคือการทำธุรกิจออนไลน์เบื้องต้น คลาสแรกเราเรียนทางโปรแกรมซูมก่อน จากนั้นพอสถานการณ์เริ่มซาก็มาเรียนแบบออนไซท์ที่อุทยานการเรียนรู้นครหาดใหญ่ (TK Park) ซึ่งนอกจากผู้สมัครเข้ามาเรียนกับเราจะได้ทักษะในการสร้างเพจ รู้วิธีการทำแบรนด์เบื้องต้น การทำคอนเทนต์ ไปจนถึงการไลฟ์ขายสินค้า ในทางกลับกัน เราก็ได้เรียนรู้จากผู้มาเข้าเรียน ตั้งแต่ความรู้เฉพาะทางและประสบการณ์ของแต่ละคน ไม่ว่าจะเรื่องการทำธุรกิจท่องเที่ยว การเกษตร ไปจนถึงการทำขนม รวมถึงการได้แบ่งปันความอัดอั้นตันใจจากสถานการณ์ในช่วงนั้น และผู้เรียนหลายคนก็กลายมาเป็นเพื่อนเราจนทุกวันนี้

ด้วยเหตุนี้ โครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ จึงไม่ใช่แค่การที่ผู้เรียนมาเรียนกับผู้จัดโปรแกรมอย่างเดียว แต่ทั้งผู้สอน และผู้จัดโปรแกรม ก็ได้เรียนรู้จากผู้เรียนด้วย

ในปีที่ 2 ของโครงการ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ได้ร่วมกับโครงการคลองเตยลิงก์ของ อาจารย์สิทธิศักดิ์ ตันมงคล สโคปพื้นที่ลงมาที่ชุมชนทั้ง 10 ที่อยู่ในพื้นที่คลองเตย เราได้ทำหลายกิจกรรม ทั้งการร่วมกับชุมชนต่างๆ ค้นหาอัตลักษณ์เพื่อใช้เป็นมูลค่าเพิ่มของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสนับสนุนด้านคุรุภัณฑ์แก่ศูนย์การเรียนรู้ในพื้นที่ทั้ง TK Park ศูนย์การเรียนรู้ในโรงเรียนเทศบาล ไปจนถึงห้องสมุดประชาชน


และที่เราประทับใจเป็นพิเศษคือการได้จัด Hat Yai Talk หรือการเสวนาออนไลน์ผ่านโปรแกรมซูม โดยอาจารย์สิทธิศักดิ์จะชวนผู้คนในแวดวงพัฒนาเมืองหาดใหญ่ด้านต่างๆ มาแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ทุกๆ สัปดาห์ เป็นรายการสัมมนาออนไลน์เรื่องเมืองหาดใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ซึ่งไม่เพียงทำให้เราได้รู้จักเครือข่ายคนทำงานเพื่อเมืองที่หลากหลายมาก ทั้งกลุ่ม Hat Yai Eat Pray Love, กลุ่มสภาเด็ก, กลุ่มสถาปนิกผังเมือง Songkhla Urban Lab, กลุ่มมานีมานะ และอีกนับนิ้วไม่หมด แต่ยังได้ความคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาเมือง ทำให้เราเห็นว่าหาดใหญ่เต็มไปด้วยคนเก่งๆ ที่อยากเห็นบ้านเมืองเราดีขึ้น

รู้สึกดีใจนะที่เรามีส่วนสื่อสารเรื่องราวดีๆ เหล่านี้ออกมา ก็เหมือนกับที่เราเห็นหนังสือไม่รักไม่บอกที่เมืองเชียงใหม่อย่างที่เล่าตอนต้นนั่นแหละ นี่อาจเป็นความเคลื่อนไหวเล็กๆ แต่ถ้าเราพบวิธีสื่อสารออกไปให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เราชื่อว่าสิ่งเล็กๆ สิ่งนี้อาจจุดประกายให้เกิดการพัฒนาเมืองครั้งใหญ่ได้”

จิณัชญ์ดา วิทยาพันธ์ประชา

อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
และนักวิจัยในโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้หาดใหญ่

นครหาดใหญ่เมืองแห่งการเรียนรู้ | Hatyai Learning City

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

WeCitizens : เมืองเชียงราย

ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…

2 days ago

[City’s Movement]<br />บวรนคร

คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…

5 days ago

[The Citizens]<br />วาที ทรัพย์สิน

สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…

5 days ago

[The Citizens]<br />รัชฎาพร นรนวล

เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…

5 days ago

[The Citizens]<br />อัญชลี หนูรักษ์

การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…

6 days ago

[The Insider]<br />พัชรากร ขุนทอง

แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…

6 days ago