“พื้นเพป้าเป็นคนปากช่อง ได้สามีเป็นคนแก่งคอย เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 สามีป้าขายล็อตเตอรี่ ส่วนป้าเคยขายขนมครกที่ตลาดเช้าแก่งคอย ขายจนส่งลูก 3 คน เรียนจนจบปริญญา พอลูกแต่ละคนทำงานแล้ว ป้าก็เลยเลิกขาย
อยู่บ้านเฉยๆ แล้วมันเหงาค่ะ พอเทศบาลเมืองแก่งคอย หรือหน่วยงานท้องถิ่นที่ไหนเขามีโครงการหรือกิจกรรมอะไรให้คนแก่อย่างป้าได้เข้าร่วม ป้าก็ร่วมกับเขาหมด คนแก่ถ้าคิดว่าแก่ เราก็แก่จริงๆ แต่ถ้าเราคิดว่ายังไม่แก่ หาอะไรทำ เราก็จะยังไม่แก่ ป้าเลยพยายามทำตัวให้สาวไว้ตลอด (หัวเราะ)
อย่างงานขายกระเป๋าสานนี้ ก็เกิดจากศูนย์ส่งเสริมอาชีพของจังหวัดเขาชวนให้เรามาเรียนทำกระเป๋าสานจากเศษพลาสติก ป้าไปเรียนแล้วชอบ ก็เลยติดลม ทำเล่นๆ จนได้กระเป๋ามามากพอจะเปิดร้านขาย เลยไปขายที่ตลาดแถวปากช่องก่อน แล้วพอแก่งคอยเขามีการจัดถนนคนเดินตลาดท่าน้ำแก่งคอย ป้าก็ไปจองบูธเอาของไปวางขายด้วย อย่างวันนี้มีงานแก่งคอยย้อนรอยสงครามโลก ทีมงานเขาก็จัดล็อคให้ป้าขายด้วย โดยนอกจากกระเป๋าสานที่ป้าทำเอง ป้ายังเอาสบู่สมุนไพรจากลพบุรีมาขายด้วย
กระเป๋าขายใบละ 150-250 บาทค่ะ ขึ้นอยู่กับขนาดและความยาก ป้าสานเองด้วยมือทุกใบ วันไหนขยันหน่อย ใบนึงทำวันเดียวก็เสร็จ พลาสติกนี่สั่งมาจากโรงงานแถวทับกวาง ได้มา ก็ลงมือสานเอง
ไม่ได้คิดถึงกำไรอะไรหรอก ทำเอาสนุกมากกว่า มีคนยุให้ทำขายทางออนไลน์ ป้าบอกทำไม่เป็น ป้าอายุ 75 ปีแล้ว บางอย่างก็ให้เป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ดีกว่า ส่วนป้าเองไม่ได้ลำบากอะไร ลูกหลานทุกคนก็ลงตัวหมด คนโตทำงานอยู่กรุงเทพฯ อีกคนอยู่หนองแคนี่เอง และคนเล็กอยู่ศูนย์โตโยต้าสระบุรี เขาก็มาอยู่เป็นเพื่อนป้าที่แก่งคอย
ป้าว่าดีนะที่มีหน่วยงานมาสนับสนุนกิจกรรมให้ผู้สูงวัยน่ะ บางคนชอบคิดไปเองว่าคนแก่ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรแล้ว อันนี้ไม่จริง เพื่อนป้าอีกหลายคนเขาก็อยากทำนั่นทำนี่เป็น อย่างป้าเองยังคิดจะทำแหนมขายต่อจากนี้ด้วย รอสูตรให้มันนิ่งๆ ก่อน”
ป้าน้อย-เจริญ น้อยธะรงค์
ผู้ประกอบการขายกระเป๋าสานในแก่งคอย
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…