“เราเกิดและเติบโตที่ปากพูน ครอบครัวทำร้านขายของชำและร้านน้ำชาอยู่ในชุมชน ช่วงก่อนเรียนจบ เรามีโอกาสช่วยอาจารย์มานะ (ผศ.มานะ ขุนวีช่วย) ทำโครงการวิจัยเมืองแห่งการเรียนรู้ในตำบลปากพูน เรื่องการศึกษาประวัติศาสตร์ชุมชน
แม้เราเป็นคนปากพูนเอง เราก็ไม่เคยรู้มาก่อน คือมารู้ตอนทำวิจัยนี่แหละค่ะว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นล่องเรือมาขึ้นฝั่งที่หมู่บ้านเราเลย
คือปกติ คนปากพูนจะทราบกันเรื่องยกพลขึ้นบก แต่จะรู้แค่ว่ามีเหตุการณ์เกิดที่บริเวณอนุสาวรีย์พ่อจ่าดำในค่ายวชิราวุธ ใกล้ๆ ตลาดท่าแพ (อนุสาวรีย์พ่อจ่าดำ หรืออนุสาวรีย์วีรไทย สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของทหารไทยในสงครามโลกครั้งที่ 2 – ผู้เรียบเรียง) แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าในปากอ่าวและลำคลองของบ้านเราเองก็อยู่ในประวัติศาสตร์กับเขาด้วย
เรามีโอกาสได้พบคุณยายจำเนียร คุณยายแกอยู่หมู่ 4 ซึ่งตอนเด็กๆ แกอยู่ทันเห็นวันที่มีการยกพลเลย คุณยายเล่าว่าตอนนั้นก็เข้าใจว่าเป็นทหารไทยนี่แหละ แต่พอสักพักได้ยินเสียงโห่ร้อง และเสียงตะโกนภาษาที่ไม่คุ้นเคย ยายก็เลยเริ่มกลัว สักพักพ่อของคุณยายก็มาบอกว่านั่นคือข้าศึก ให้นั่งเรือไปซ่อนตัวอยู่ที่บาง ซึ่งเป็นพื้นที่หลบภัยที่แยกออกมาจากส่วนหนึ่งของลำคลอง จนพวกทหารเขาผ่านหมู่บ้านเราไป ก็ค่อยออกมา ตอนนั้นไม่ได้มีเหตุกระทบกระทั่งอะไรกัน
เรื่องนี้ถ้าคุณยายไม่เล่า เราก็ไม่รู้ และคนอื่นๆ ในปากพูนก็จะไม่มีทางรู้ จึงรู้สึกโชคดีมากที่ได้คุยกับคุณยาย ทุกวันนี้บ้านของคุณยายหลังนั้นก็ยังอยู่ เลยกลายเป็นมรดกทางความทรงจำในชุมชนไปอีกแห่ง
นอกจากเรื่องยกพลขึ้นบก โครงการวิจัยยังศึกษาประวัติศาสตร์เรื่องการเทครัวของชาวเพชรบุรี ซึ่งเดินทางเข้ามาปักหลักทำมาหากินที่ปากพูน แม้คนเพชรจะอยู่ที่นี่มาน่าจะ 4 หรือ 5 รุ่น จนกลมกลืนไปกับคนในพื้นที่ แต่พวกเขาก็ยังมีอัตลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งสำเนียงภาษา หรือการใช้บ้านปลา (หมรัม) เป็นเครื่องมือจับสัตว์น้ำ หรืออย่างปลาหวาน ที่เป็นอาหารทะเลแปรรูปของปากพูน ที่มาก็มาจากคนเพชร เพราะคนที่นั่นเขาชอบทำขนมหวาน ก็นำสูตรของหวานมาประยุกต์กับของคาวอย่างปลา จนกลายเป็นเมนูอาหารแปรรูปที่ขายดีใน ‘ตลาดความสุขชาวเล’ ซึ่งเป็นแหล่งขายอาหารทะเลแปรรูปของชาวบ้านที่หมู่ 4
หรืออย่างงานบวชนี่เห็นได้ชัด งานบวชของลูกหลานชาวเพชรจะมีการยกฉัตร ซึ่งเป็นฉัตรสูง 7 หรือ 10 ชั้น มีสีสันที่สดใสเป็นเอกลักษณ์ ถ้าคนปากพูนบวชจะไม่มีสิ่งนี้ เป็นต้น
ตอนที่โครงการวิจัยเข้าไปทำงานกับชุมชน ชาวบ้านหลายคนก็สงสัยนะว่าประวัติศาสตร์ชุมชนของเขามันน่าสนใจตรงไหน คนนอกที่ไหนเขาจะอยากรู้กัน แต่พอได้ทำไป มีการสืบค้นเรื่อยๆ มีคนอื่นๆ ให้ความสนใจ และพอเปิดพื้นที่ในเชิงการค้าและการท่องเที่ยวผ่านตลาดความสุขชาวเล ก็กลายเป็นว่าหลายคนรู้สึกภูมิใจและอยากมีส่วนร่วม ก็มีคนเฒ่าคนแก่มาแชร์ความรู้กันเยอะ หรืออย่างเครื่องมือจับปลาอย่างหมรัม ก็มีการฟื้นฟูวิธีการทำ จนเกิดเป็นหมรัมส่วนกลางของชุมชนขึ้นมาด้วย
คิดว่าประวัติศาสตร์คือเรื่องของความทรงจำค่ะ ทุกคนย่อมมีความทรงจำร่วมกัน และสิ่งนี้มันก็เชื่อมให้คนในชุมชนหันหน้าเข้าหากันเพื่อมาแลกเปลี่ยนหรือแบ่งปันในเรื่องที่รู้ ประวัติศาสตร์จึงเป็นเครื่องมือของทั้งการสร้างพื้นที่เรียนรู้อยู่แล้ว และเป็นเครื่องมือสร้างการมีส่วนร่วมของผู้คนในชุมชนไปพร้อมกัน”
วิริสา โนนใหญ่
ผู้ช่วยนักวิจัย
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…