“หจก. ลิ่มเชียงเส็ง เริ่มต้นมาจากรุ่นอากงผมช่วงก่อน พ.ศ. 2500 โดยเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ในนครสวรรค์ที่ได้รับใบอนุญาตทำโรงงานตอนปี 2507 อากงเริ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตร พวกบัวรดน้ำ จอบ เสียม และอื่นๆ พ่อผมเป็นรุ่นที่สอง เริ่มมาทำแทรกเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ก่อนจะมาถึงรุ่นผมที่สานต่อพ่อทำโรงงานผลิตเครื่องมือและเครื่องจักรกลทางการเกษตรครบวงจร
ผมโชคดีที่เกิดและเติบโตมาในยุคเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี และความที่อากงและพ่อปูพื้นกิจการ รวมถึงสร้างเครือข่ายลูกค้ามาไว้อย่างดี จึงเป็นเรื่องง่ายที่ผมจะนำต้นทุนนี้มาเสริมด้วยการวิจัยและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ
โดยแรกเริ่มก็ผลิตสินค้าจำพวกอุปกรณ์ต่อพ่วง อุปกรณ์หว่านไถ เครื่องเตรียมดิน และเครื่องตัดหญ้าเหมือนทั่วไป แต่เผอิญผมมาสังเกตเห็นว่ากระบวนการของการเกี่ยวข้าวของเรามีข้อจำกัดหลายประการ ผมจึงออกแบบเครื่องตีตอกข้าว เพื่อทำให้เวลาปลูกข้าวไป ตีตอกแล้ว มันจะแตกใหม่โดยเกษตรกรไม่ต้องไถดินเพื่อปลูกใหม่ ซึ่งจะทำให้พวกเขามีกำไรเพิ่มขึ้น 20-25% โดยเครื่องนี้ยังได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่นแห่งชาติเมื่อสองปีที่แล้ว
หรือผลิตภัณฑ์อีกตัวที่ผมวิจัยร่วมกับน้องชายที่เขาเปิดโรงานเหมือนกัน เป็นรถพ่นยาบังคับวิทยุขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด เป็นโซลาร์เซลล์กับน้ำมัน ก็ช่วยทุ่นแรงเกษตรกรได้เยอะ ปลอดภัย แถมยังลดต้นทุนอีกต่างหาก
ปัจจุบันโรงงานลิ่มเชียงเส็งผลิตเครื่องจักรทางการเกษตรจำหน่ายภายใต้แบรนด์ LCS ของเราเอง และก็ทำ OEM ให้บริษัท ยันม่าร์ ประเทศไทยด้วย แบรนด์ของเราส่งออกในอาเซียน มีลาวเป็นลูกค้าหลัก ส่วนเมียนมาร์รองลงมา ขณะที่ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และกัมพูชา จะใช้สินค้าที่เราผลิตให้ยันม่าร์
ทั้งนี้ในอีกบทบาทหนึ่ง ผมเป็นประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดนครสวรรค์ มีบทบาทในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในจังหวัด เพื่อแสวงหาโอกาสและความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งทางด้านเสริมความรู้ การสร้างเครือข่าย และการหาแหล่งเงินทุน
ตอนนี้ที่หนักสุดคือธุรกิจขนาดไมโครครับ เช่น หาบเร่แผงลอย ร้านค้าขนาดเล็ก ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยปัญหาที่เขาประสบก็ทั้งทางด้านปัญหาการเงินและการเข้าถึงโอกาสในการพัฒนา ซึ่งแม้ทางภาครัฐจะมีโครงการช่วยเหลืออย่าง SME Bank แต่ผู้ประกอบการหลายรายก็อาจไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล รวมถึงมีปัญหาเรื่องเครดิตบูโร เป็นต้น
ขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่ หรือธุรกิจไซส์ L ในนครสวรรค์ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ส่วนมากจะเป็นธุรกิจค้าส่ง โรงงาน ฟาร์ม ไปจนถึงอุตสาหกรรมเกษตร เพราะเขามีตลาดที่ชัดเจนและเหนียวแน่น สมาพันธ์ก็พยายามประสานวิธีให้ไซส์ L มาช่วยอุ้มไซส์ S ไปจนถึงไมโคร
อย่างไรก็ดี ด้วยเงื่อนไขบางอย่างของเมืองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็ทำให้การลงทุนใหม่ๆ เกิดขึ้นน้อยมาก อย่างเห็นได้ชัดคือผังเมืองรวมที่ทำให้ราคาที่ดินมันสูง ค่าเช่าก็สูงตาม ผู้ประกอบการจึงไม่กล้าลงทุน หรือธุรกิจบางตัวที่ต้องการสร้างอาคารสูงก็ไม่สามารถผุดขึ้นในพื้นที่เศรษฐกิจได้
ซึ่งก็ต้องชื่นชมกฎบัตรนครสวรรค์ที่ใช้เวลาตลอด 2 ปีมานี้ในการแก้ผังเมืองบางส่วน ผมหวังว่าถ้าแก้ได้ครอบคลุมกว่านี้ จะมีการลงทุนมากขึ้น สอดรับไปกับการที่เมืองจะขยับขึ้นไปเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ทั้งทางรถและทางราง
นอกจากนี้ ผมเสนอว่าเราควรใช้ทำเลที่เป็น hub ของการคมนาคมและขนส่งของเราให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะการมาถึงของเทคโนโลยี EV และพลังงานทางเลือก เช่นการเป็นจุดชาร์จพลังงาน การเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์สมัยใหม่และบำบัดด้านสุขภาพ หรือการผลักดัน BCG ในกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่นที่กลุ่มน้ำตาล KTIS จับมือกับ ปตท. มาทำวิจัยเรื่องไบโอดีเซลจากของเหลือต่างๆ ของโรงงาน
ผมเชื่อว่าในอนาคต ลูกหลานชาวนครสวรรค์ส่วนใหญ่จะเลือกไม่โยกย้ายไปไหน เพราะเมืองมีความพร้อมให้พวกเขาวางใจฝากอนาคตไว้ได้ สิ่งสำคัญจากวันนี้คือผู้ใหญ่รุ่นเราต้องมีส่วนในการพัฒนาเมืองเพื่อรองรับการเติบโต หรือผู้ประกอบการบางรายก็ควรไว้ใจให้ลูกหลานหรือคนรุ่นใหม่ๆ มาสานต่อกิจการมากขึ้น ผมยังเห็นรุ่นพ่อรุ่นแม่หลายเจ้าที่ไม่กล้ารามือ รุ่นลูกเขาก็พร้อมจะนำเทคโนโลยีและมุมมองใหม่ๆ มาสานต่อ มาช่วยเพิ่มมูลค่าแล้ว เพียงแต่พอผู้ใหญ่ยังเชื่อในความคิดเดิมๆ ไม่ยอมปล่อย บางทีเขาก็คิดว่าการเข้าไปทำงานบริษัทในกรุงเทพฯ อาจเป็นทางออกที่ดีกว่า”
วีรวุฒิ บำรุงไทย
ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลิ่มเชียงเส็ง นครสวรรค์
ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จังหวัดนครสวรรค์
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…