“ยายผมเริ่มขายก่อน แล้วแม่ก็มาขายต่อ ขายอยู่ที่เดิมในตลาดใต้ตอนเช้ามา 50 กว่าปีแล้วครับ ขายตั้งแต่ 7 โมงเช้า ประมาณ 9 โมงก็หมด วันธรรมดาจะทำแกงมา 4 อย่าง ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ลูกค้าเยอะก็จะทำมา 6-7 อย่าง เป็นกับข้าวตำรับโบราณ พวกแกงขี้เหล็ก แกงบอน แกงบวบ ต้มมะระ เราใช้เตาถ่านทำ ไม่ใส่ผงชูรส
หลักๆ จะเป็นแม่กับน้องสะใภ้ทำกับข้าว วัตถุดิบก็ซื้อเขาเอา อย่างผักก็ซื้อตรงจากคนที่เขาปลูกเองและเอามาขายในตลาดนี้ ส่วนพวกพริกแกงจะมีแม่กับน้าทำเองอยู่ เป็นสูตรของยาย เลยมีรสชาติเฉพาะ แต่รสชาติเราจะออกกลางๆ ไม่จัดจ้านมาก เพราะลูกค้าประจำส่วนใหญ่เป็นคนจีนในตลาดนี่แหละ
เขาก็ซื้อกันมาตั้งแต่รุ่นยายผม ลูกค้ามีลูกมีหลาน ลูกหลานเขาก็ตามมาซื้อต่อ อาจจะติดใจรสชาติ และกับข้าวหลายอย่างที่เราทำก็หาซื้อจากที่อื่นยาก เหมือนผูกปิ่นโตกันจากรุ่นสู่รุ่นครับ
ก็ถ้ามาซื้อ ลูกค้าจะต้องหยิบบัตรคิวก่อน แล้วรอเรียก พอถึงคิวก็สั่ง ผมก็ทำหน้าที่ตักแกงใส่ถุงให้เขา ที่ต้องมีบัตรคิวเพราะคนมารอซื้อเยอะครับ พื้นที่เราจำกัด ถ้าให้ต่อแถวก็ไปบังหน้าร้านอื่น ก็เลยใช้บัตรคิวเอา ลูกค้าที่มารอก็จะยืนรอบๆ แผงเรา
ร้านเราจะหยุด 3 วันต่อสัปดาห์ จันทร์ อังคาร และศุกร์ แม่กับน้องสะใภ้ผมจะมาขายเป็นหลัก ผมมาช่วยบ้าง เพราะผมมีงานประจำทำ รวมถึงทำร้านเหล้าตอนกลางคืนด้วย (ร้านสนุกนึก)
จริงๆ งานที่ทำอยู่ก็เยอะและวุ่นเหมือนกันครับ แต่ก็อยากมาช่วยแม่ ผมโตมาได้ก็เพราะร้านแกงของแม่ จะบอกว่าโตมาในตลาดใต้นี้ก็ได้ เพราะเด็กๆ ก็ตามแม่มาขาย ทุกวันนี้ก็ไม่อยากให้แม่เหนื่อยมาก ก็เลยมาช่วยเขาตลอด”
จีระพงษ์ ลิ้มรส
ร้านข้าวแกงหม้อใหญ่
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…