“ตอนเด็กๆ ผมเป็นแฟนรายการวิทยุชื่อมรดกล้านนา ของอาจารย์สนั่น ธรรมธิ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ผมอยากทำงานด้านศิลปวัฒนธรรม พอเข้ามาเรียนต่อในเมืองก็เลยติดต่อไปหาอาจารย์สนั่น บอกว่าผมเล่นดนตรีพื้นเมืองเป็น อาจารย์ท่านก็เลยแนะนำให้ไปเล่นดนตรีที่ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่หารายได้เสริม จนเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้รู้จักกับอาจารย์ชัชวาล ทองดีเลิศ ที่กำลังก่อตั้งโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนาพอดี ก็เลยไปเป็นอาสาสมัครสอนดนตรีล้านนา กินนอนที่นั่นอยู่พักใหญ่
ช่วงที่ผมเรียนมหาวิทยาลัย (ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) คือช่วงไล่เลี่ยกับการฉลองครบ 700 ปีเมืองเชียงใหม่พอดี บรรยากาศในตอนนั้นจึงคึกคักไปด้วยการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมล้านนา มีการศึกษาและค้นคว้าประวัติศาสตร์ และภูมิปัญญาพื้นบ้านเพื่อกลับมาเผยแพร่ใหม่ รวมทั้งมีการนำเอาการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมล้านนามาเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยว ผมกับเพื่อนมีโอกาสเดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาว และค้นพบมิติที่น่าสนใจจากเทือกเขาแห่งนี้ นอกเหนือจากความงดงามทางทัศนียภาพ หรือความหลากหลายอันน่าทึ่งของทรัพยากรธรรมชาติ
พื้นเพผมเป็นคนอำเภอเชียงดาว บ้านอยู่เชิงดอยหลวง จึงได้ยินมาตั้งแต่เด็กว่าดอยหลวงเชียงดาวเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สถิตของเจ้าหลวงคำแดง วิญญาณอารักษ์ที่ได้รับความเคารพศรัทธามากที่สุดของคนล้านนา ระหว่างที่พาเพื่อนๆ เดินขึ้นดอยหลวงก็เกิดความคิดว่าเราน่าจะจัดทริปนำคนขึ้นมาเดินดอยหลวง ศึกษามรดกธรรมชาติไปพร้อมกับซึมซับมรดกทางศิลปวัฒนธรรมล้านนาและความเชื่อความศรัทธาที่คนเชียงดาวมีต่อเทือกเขาแห่งนี้ เพื่อนๆ ก็เห็นด้วย เราจึงตั้งกลุ่มรักษ์ล้านนาขึ้น
กลุ่มรักษ์ล้านนามีเป้าหมายคือการเปลี่ยนทัศนคติของคนที่มาเยือนดอยหลวงเชียงดาว จากการพิชิตยอดดอย สู่การศึกษาธรรมชาติด้วยความเคารพสถานที่ พร้อมกับได้องค์ความรู้ด้านวัฒนธรรมกลับไป ในแต่ละปี เราจึงกำหนดหัวข้อในการเยี่ยมชมต่างกันออกไป เช่น ‘ชมสวนดอกไม้ที่ปลายฟ้า’ ไปเยี่ยมชมดอกไม้หายากบนดอยที่คนเชียงดาวเชื่อว่านั่นคือสวนดอกไม้ของเจ้าหลวงคำแดง หรือ ‘9 สิ่งมหัศจรรย์บนดอยเชียงดาว’ เป็นต้น จากกลุ่มเล็กๆ ก็เริ่มมีคนเข้าร่วม หรือกลับมาเข้าร่วมรอบแล้วรอบเล่า จนเป็นกลุ่มใหญ่ที่กล่าวได้ว่าเป็นเครือข่ายมิตรภาพตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่งมาหยุดไปช่วงโควิด และพอเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวออกมาตรการใหม่ ให้ผู้มาเยือนค้างคืนบนดอยได้คืนเดียว เราก็เลยหยุดกันก่อน
พร้อมไปกับการจัดทริปของกลุ่มรักษ์ล้านนา หลังเรียนจบ ผมก็มีโอกาสจากโฮงเฮียนสืบสานฯ ในการทำงานเกี่ยวกับการศึกษาและวัฒนธรรมหลายอย่าง เช่น การประสานงานเครือข่ายการศึกษาทางเลือกภาคเหนือ งานค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเพณีสิบสองเดือนให้ศูนย์สารสนเทศภาคเหนือ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การจัดทริปพาคนที่สนใจร่วมสืบค้นตัวตนคนล้านนาไปยังเมืองต่างๆ ตั้งแต่แม่แจ่มไปจนถึงสิบสองปันนา รวมถึงการจัดกาดหมั้วและอีเวนท์ทางวัฒนธรรม
งานที่โฮงเฮียนสืบสานฯ ไม่เพียงเปิดโลกทัศน์ในด้านการศึกษา แต่ยังทำให้ผมต่อยอดสู่งานอันหลากหลายที่ผมทำทุกวันนี้ ด้วยเหตุนั้น ผมจึงมองว่าแรงบันดาลใจและสภาพแวดล้อมมีส่วนสำคัญต่อการเรียนรู้ และผมโชคดีที่ได้อยู่ในเมืองเชียงใหม่ เมืองที่มีทั้งรากเหง้าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม และมีผู้คนหลายต่อหลายรุ่นที่พร้อมจะสืบสานมรดกนี้ไว้
ผมจึงไม่ค่อยกังวลว่ามรดกทางศิลปวัฒนธรรมล้านนาจะเลือนหายไปกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยเท่าไหร่ แค่คิดว่าในอนาคต หากเราประยุกต์เทคโนโลยีใหม่ๆ มาเป็นเครื่องมือทำให้ผู้คนเข้าถึงศาสตร์เหล่านี้ได้มากหรือกว้างขวางขึ้น คุณค่านี้จะสร้างมูลค่าและความสง่างามให้เมืองของเรายั่งยืนสืบไป”
///
ประสงค์ แสงงาม
พ่อครูภูมิปัญญาและกรรมการมูลนิธิสืบสานล้านนา
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…