“โรงเรียนวัดมูลจินดารามที่ผมสอนอยู่ริมคลองอยู่แล้ว พอเห็นโครงการประกวดภาพถ่าย “วิถีคลองรังสิต-ประยูรศักดิ์” ของโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบในการส่งเสริมเมืองแห่งการเรียนรู้เพื่อคนทุกกลุ่มในจังหวัดปทุมธานี จากข่าวประชาสัมพันธ์ในเฟซบุ๊กเพจของเทศบาลเมืองบึงยี่โถ เห็นหัวข้อวิถีชีวิตริมคลองก็ง่าย ผมชอบเล่นกล้อง มีกล้องติดรถอยู่แล้ว คิดว่าไปเจออะไรก็ลองส่องดู จังหวะนั้นไปเจอคนเล่นน้ำอยู่พอดี ก็ถ่ายรูปแล้วส่งภาพประกวด 2 รูป เขามีรางวัล Popular Vote กับรางวัลจากกรรมการตัดสิน ซึ่งภาพ “ชีวาในวารี” ของผมได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
บรรยากาศคลองรังสิต ตั้งแต่คลอง 1 ค่อนข้างเจริญ จากห้างฟิวเจอร์พาร์คไปถึงราชมงคล (มทร.ธัญบุรี คลอง 6) พอผ่านราชมงคลไปจะเริ่มเข้าสู่ชนบทแล้ว มีการยกยอ หาปลา ยังเก็บผักบุ้งกิน ภาพกระโดดน้ำที่ผมถ่ายก็ประมาณคลอง 8, ผมเช่าบ้านอยู่คลอง 10 มาทำงานที่คลอง 5 ขับรถจากบ้านก็สบาย จะมาติดคลอง 6 แค่นั้น ผมไม่ได้ชอบความวุ่นวายมาก เวลาอยู่บ้านอยากอยู่ที่ส่วนตัว เงียบ ๆ ช่วงเลยคลอง 10 ไปก็จะออกนครนายก ตลาดต้นไม้คลอง 14-15 เป็นแหล่งที่คนชอบมาซื้อต้นไม้กัน ตลอดช่วงคลองแสดงถึงชีวิตที่ต่างจากในเมืองเลย
โดยพื้นที่มีความเป็นเมืองกับชนบทอยู่ใกล้กันมาก ในความเป็นเมืองแต่อีกความเหลื่อมล้ำหนึ่ง ผมมีลูกศิษย์ที่อยู่อาศัยริมคลองในเขตชลประทานอยู่หลายหลัง ทั้ง ๆ ที่ตรงข้ามมาฝั่งนี้เป็นหมู่บ้านจัดสรรใหญ่โต แต่อีกฝั่งนึงเป็นเด็กที่อยู่กันแบบเอาเพิงมาคลุมกันฝนยังไม่ค่อยจะได้ ซึ่งจะถูกไล่ที่เมื่อไหร่ไม่รู้ คือการมาของคนพวกนี้ก็มาแบบผิดกฎหมายแหละ เขาอาจอยู่มานานเป็นสิบ ๆ ปี แต่ในความเป็นครูเราเห็นเด็กเราก็สงสาร เข้าไปดูไม่รู้จะช่วยเหลือยังไง ? ก็ทำได้แค่ให้ทุนการศึกษาจากหน่วยงานเอกชนที่เข้ามา ผมก็ให้เด็กที่อยู่ริมคลองนี่แหละ เรียนดี ความประพฤติดี ยากจน เขาเป็นเด็กที่ดี แต่สภาพความเป็นอยู่ก็อยากให้พัฒนา เราไปเก็บภาพริมคลอง เป็นคนในพื้นที่แหละ แต่ก็เหมือนได้โฟกัสมากขึ้น สังเกตริมคลองมากขึ้น เอาใจเข้าไปใส่มากขึ้น แต่เรื่องเด็กนักเรียนนี่เห็นตลอด ผู้อำนวยการโรงเรียนมีนโยบายให้เยี่ยมบ้านนักเรียน 100% ห้องผมมีเด็ก 37 คน บุกน้ำฝ่าดงเข้าไป เลยไปเห็นจริง ๆ ว่าเขาอยู่ยังไง อยู่กับใคร แต่ส่วนใหญ่ 80% ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ อยู่กับตากับยาย พ่อแม่เลิกกัน หย่าร้าง ต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ ก็ทิ้งไว้ให้ตายายเลี้ยง บางคนก็มีพ่อหรือแม่อยู่ด้วย เหมือนเราเข้าไปสำรวจสำมะโนประชากรของเด็ก
เวลาไปเยี่ยมบ้าน ผู้ปกครองก็โอเค ต้อนรับไปตามบริบทของแต่ละบ้าน จริง ๆ ไม่อยากรบกวนผู้ปกครองเลย สมมติเย็นไปห้าหลังของฝากกลับมาเต็มรถ ไม่รับก็กระไรอยู่ บางบ้านก็อยู่สบายเปิดแอร์ต้อนรับเย็นฉ่ำ บางบ้านใหญ่โตดูอบอุ่นแต่อยู่กับยาย เราจะบอกผู้ปกครองว่ามาสอบถามชีวิตเพื่อหนึ่งในการให้ทุน สองการดูแล ไม่เข้าไปเราก็ไม่รู้ข้อมูล เด็กไม่ได้บอกกับเราทุกเรื่อง แต่ไปถึงข้อมูลมาเพียบเลย บางคนบอก ครูรู้มั้ย ? เด็กไม่เคยกินข้าวที่โรงเรียนเลย นี่เป็นข้อมูลใหม่เลย เราถามเพราะอะไร ? เขาบอกไม่อร่อย เราก็ต้องมาคุยกับฝ่ายโภชนาการของโรงเรียน แต่ก็เข้าใจโรงเรียนว่าเขาไม่สามารถทำให้ถูกใจเด็กทุกคนได้ แล้วถึงเวลาพักเที่ยง เราก็ไปดู บอกเขาลองมากินข้าวนะ ลองเปิดใจดูนะ เห็นเขามากขึ้นว่าเด็กคนนี้มากินข้าวหรือยัง ? ก่อนนี้เขาซื้อขนมกิน เขาไปฝังใจว่ากับข้าวไม่อร่อย ก็ไม่กินมาตั้งแต่ไหนก็ไม่ทราบเรื่องจนผู้ปกครองมาบอก อย่างเด็กบางคนก็ไม่มีเงินเก็บเลย คือที่โรงเรียนเรามีสาขาธกส. รับฝากเงินให้บุคลากรและนักเรียน ฝึกให้เด็กรู้จักเก็บเงินออมทุกวัน เราก็กระตุ้นให้รางวัลเขา ฝากห้าบาท สิบบาท หนึ่งบาทก็ได้ เราเน้นความถี่ ไม่ใช่จำนวนเงิน
ผมมาอยู่ที่นี่ 8 ปี ในส่วนของโรงเรียน สิ่งก่อสร้างก็พัฒนาขึ้น ดูแล้วนักเรียนน่าจะอยากเรียนมากขึ้น ในบริบทนอกโรงเรียนมีความพัฒนาขึ้น มีห้างสรรพสินค้ามากขึ้น โครงการใหม่ ๆ อย่างเช่นสวนสัตว์ ความเจริญทางวัตถุมากขึ้น แต่อัตลักษณ์ของคนที่นี่คือเป็นคนมีน้ำใจ ไปที่ไหนก็ทักตลอด ยิ้มแย้มแจ่มใส กับคนอื่นไม่รู้เป็นไงนะ เราอาจจะเป็นครูด้วย เราสอนลูกเขา แล้วอยู่ในหมู่บ้านก็รู้สึกว่าเขามีน้ำใจกับเรา ให้เครดิตเรา แบบเราเป็นคนมีความรู้ที่จะเป็นผู้นำในชุมชน ให้ไปเปิดงานตามวัด ทำบุญที่วัดเขาก็จะให้เราขึ้นไปกล่าว พอสังคมเล็กลง เราก็ช่วยมีส่วนร่วมในชุมชนที่อยู่ด้วยกันให้มันน่าอยู่ขึ้น
ผมชอบชุมชนที่นี่ ปทุมธานีก็มีแหล่งเรียนรู้มากมาย อย่างใกล้ ๆ ตรงอีกฝั่งคลองก็มีตึกลูกเต๋า (องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ) ฝั่งคลอง 5 คลองหลวง โรงเรียนวัดมูลฯ เราอยู่ฝั่งนี้ คลอง 5 ธัญบุรี คือแถวนี้ทุกอย่างเรียกคลองหมดแต่ต่างกันด้วยพื้นที่เทศบาล ต่อด้วยอำเภออะไร รุ่นน้องบางคนบอก ไม่คิดว่าปทุมธานีจะมีที่ตรงนี้อยู่ ปทุมคือนึกถึงห้างฟิวเจอร์พาร์ค เซียร์รังสิต พอไปเจอปทุมหนองเสือ มันเปิดประตูไปอีกโลกหนึ่งเลย ทางนั้นอาชีพก็เป็นปลูกหญ้าเทียม ทำสวนกล้วย ไร่ข้าวโพด ไร่สับปะรด คือยังเป็นปทุมธานีเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วที่นิ่งอยู่ทั้ง ๆ ที่เป็นเขตพื้นที่ปทุมธานีเหมือนกัน”
นพรัตน์ มหานิยม
อาจารย์ โรงเรียนวัดมูลจินดาราม
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…