“พิษณุโลกผูกเข้ากับเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรมาช้านาน ประวัติศาสตร์ของชาวบ้าน หรือประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจริงๆ มันจึงไม่ค่อยถูกให้ความสำคัญ”

“ผมเกิดและโตที่ย่านตลาดใต้ พิษณุโลก ในบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างมาตั้งแต่รุ่นทวดเมื่อราวปี พ.ศ. 2480 ชั้นล่างเคยเป็นร้านโชห่วย ชั้นบนใช้อยู่อาศัย ผมเป็นรุ่นที่ 4 ความที่ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวผมมา 4 ชั่วรุ่น มันจึงเป็นมวลรวมของความทรงจำและวัฒนธรรมที่สั่งสมกันมา

ผมเกิดในยุคที่รุ่นพ่อแม่เขาเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเต็มตัว คือ ตื่นเช้ามาพวกท่านก็เปิดร้าน ทำงานเลย ตกเย็นก็ปิดร้าน กินข้าว คุยกัน และเข้านอน พ่อแม่จึงอาจไม่ได้มีเวลาซึมซับเรื่องราวทางวัฒนธรรมและประเพณีได้เท่ากับเด็กอย่างผม ที่นอกจากเรียนหนังสือก็ไม่ได้มีหน้าที่อะไรต้องทำมากนัก และนั่นทำให้ผมมีโอกาสได้คุยกับอากงและอาม่า ก็ฟังเขาเล่าถึงประวัติศาสตร์ ประเพณี รวมถึงมีโอกาสติดตามไปไหว้เจ้าตามศาลต่างๆ อยู่บ่อยๆ

นอกจากผมโตมาเป็นคนสนใจประวัติศาสตร์ ยังสนใจในศิลปะเชิงประเพณีจีนเป็นพิเศษ ผมเริ่มหัดปั้นประติมากรรมเทพเจ้าต่างๆ ตั้งแต่เรียนมัธยมต้น จนเข้ามอปลายก็มีคนมาเห็นเข้า และจ้างให้ผมปั้นให้ด้วย เป็นรายได้เสริมนิดๆ หน่อยๆ ตอนแรกคิดจะเรียนศิลปะ โดยเข้าเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร กะว่าน่าจะเรียนต่อที่ศิลปากร แต่ไปๆ มาๆ พบว่าผมไม่ได้เป็นศิลปินขนาดนั้น ออกไปในทางช่างศิลป์ที่ชอบงานโบราณหรือหยิบเอาเชิงช่างโบราณมานำเสนอใหม่เสียมากกว่า สุดท้ายเลยไม่ได้สอบเข้าที่ศิลปากร ก็ประกอบกับแม่อยากให้กลับมาช่วยกิจการที่บ้าน ผมเลยเลือกสอบเข้าสาขาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร แทน  

ตอนนี้เรียนใกล้จะจบล่ะครับ อยู่ระหว่างฝึกงาน ส่วนงานประติมากรรมก็ยังทำอยู่ มีทั้งงานจ้าง และทำเป็นงานอดิเรก แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาจากความสนใจส่วนตัว คือการได้มาเป็นนักสื่อความหมายทางประวัติศาสตร์ หรือคนที่รวบรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาบอกเล่า หรือทำสื่อให้คนเข้าใจง่ายขึ้น

บทบาทนี้มันเริ่มจากที่ร้านซุ่นฮะฮวด บ้านของผมเอง อย่างที่บอกแต่เดิมชั้นล่างเราเป็นร้านโชห่วย แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป พ่อกับแม่ผมก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาทำร้านอาหาร โดยเอาสูตรมาจากอาม่าที่เรียนมาจากอาเหลาม่าอีกที พอเปิดเป็นร้านอาหาร นอกจากขายอาหาร เราก็อยากขายสตอรี่ของบ้านที่เชื่อมร้อยไปกับย่านตลาดใต้และชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนในพิษณุโลกด้วย ผมจึงรับหน้าที่รวบรวมข้อมูล ไปสัมภาษณ์อาม่า และคนเฒ่าคนแก่ในชุมชน ทำเป็นชุดข้อมูลที่บอกรากเหง้าของครอบครัว และผู้คนในย่านแห่งนี้

และจากที่ทำแต่ข้อมูลไว้เผยแพร่ในร้านและเฟซบุ๊คส่วนตัว พออาจารย์ธนวัฒน์ ขวัญบุญ เข้ามาทำโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ในย่านตลาดใต้ ผมจึงมีโอกาสเผยแพร่ข้อมูลที่ค้นคว้ามา

จริงๆ มันเริ่มจากที่ทางโครงการเขาจ้างร้านผมให้ทำเบรกให้ก่อนครับ (หัวเราะ) พร้อมกันนั้นก็ชวนคนจากร้านเราไปร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผมก็ไปในฐานะคนรุ่นใหม่ที่พอจะรู้เรื่องราวจากคนรุ่นเก่าๆ ก็ไปช่วยเล่าให้ผู้ฟังเห็นภาพว่าย่านตลาดใต้เป็นยังไง หรือมีศักยภาพเชิงศิลปวัฒนธรรมยังไงในวงเสวนา ‘จิบชาชวนคุย’

ผมมองย่านตลาดใต้เหมือนไข่ดาวครับ ตัวตลาดเป็นไข่แดง ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนคือไข่ขาว เพราะมันคือตลาดที่ทั้งคนไทย คนจีน และคนที่อยู่ในพิษณุโลกที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ก็มาใช้ประโยชน์ร่วมกันหมดเลย แต่ว่าบริบทแวดล้อมทั้งหมดเป็นชุมชนจีนที่ควบรวมกับความเป็นไทย บางทีพอไปเล่าประวัติตลาดใต้ปุ๊บ จะเล่าในมุมมองของเถ้าแก่ร้านคนจีนไปหมดทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะเราจะละเลยพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ใช่คนจีนแต่ขายสินค้าแบกับดินอยู่ในตลาดมาหลายรุ่นไม่ได้  ก็เลยรู้สึกว่าพอมาทำตรงนี้ปุ๊บ มันก็ค่อยๆ เติมเต็มภาพมากขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นการนับหนึ่งที่ดี

ขณะเดียวกันตลาดใต้มันมีความเป็นของดั้งเดิมจริงๆ ไม่ใช่ตลาดที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้ดูย้อนยุค มันเป็นตลาดที่คนทำมาขายตั้งแต่ไหนแต่ไร และสืบทอดจากรุ่นปู่มารุ่นพ่อและหลาน ไม่ใช่เพิ่งถูกฟื้นฟู บางทีจะเจอคนแก่ทำต้มหวานต้มเค็ม มีขนมแดกงา ขนมขี้หนู ด้วง พอพูดไปเดี๋ยวนี้เพื่อนๆ งงกันหมด มันยังมีขนมพวกนี้เหลือให้กินด้วยหรอ แต่ที่นี่ยังเหลืออยู่มากครับ

ที่สำคัญมันเป็นตลาดที่มีผังเมืองแบบเดิมอยู่ เป็นตลาดที่แวดล้อมด้วยร้านค้าพาณิชย์ จะมีลักษณะเหมือนเยาวราช คือคุณซื้อของสดภายในใจกลางตลาดเสร็จ อยากได้ของใช้ในบ้านอันไหนให้ไปเดินวนรอบอาคารพาณิชย์ มีหมดเลย เครื่องใช้ไฟฟ้า สังฆภัณฑ์ อุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์ทำสี ฯลฯ

ผมมองว่าการทำพื้นที่เรียนรู้ในตลาดใต้มันเป็นการช่วยสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เมืองเราอย่างดีเยี่ยม ย่านนี้มันชี้ให้เห็นว่าพิษณุโลกมีทรัพยากรด้านประวัติศาสตร์สูงมาก แต่มันไม่ค่อยถูกหยิบมานำเสนอ เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเมืองแห่งนี้ผูกเข้ากับเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรมาช้านาน ประวัติศาสตร์ของชาวบ้าน หรือประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจริงๆ มันจึงไม่ค่อยถูกให้ความสำคัญ จนหลายคนมองว่านอกจากพระนเรศวรหรือพระพุทธชินราช เมืองก็ไม่มีอัตลักษณ์อะไร

แต่จริงๆ พิษณุโลกนี่มีศักยภาพมากนะครับ ภูมิศาสตร์เมืองเป็นแอ่งกระทะ คนเหนือเดินทางลงมา คนภาคกลางก็เดินทางขึ้นไปอยู่อาศัย และความที่เป็นทางแยกในระดับภูมิภาคอินโดจีน ที่นี่จึงมีคนหลายชาติพันธุ์มาอาศัยอยู่ทั่วจังหวัด ส่วนที่ติดกับประเทศลาวยังมีชุมชนคนเวียงหลวงพระบางอยู่ด้วยซ้ำ ผมเลยรู้สึกว่า ถ้าเรามีการศึกษาและเผยแพร่ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของเมืองให้มากกว่านี้ มันจะช่วยกระตุ้นท้องถิ่นให้ลุกขึ้นมามีบทบาทในสังคมบ้าง และเมืองจะมีสีสันด้านการท่องเที่ยวและความน่าอยู่อาศัยมากกว่านี้”

พสิษฐ์ พุทธิธนาเศรษฐ์
ทายาทร้านซุ่นฮะฮวด ประติมากร และนักสื่อความหมายประวัติศาสตร์

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

CITY ON THE MOVE : CIAP ระยะที่ 2 บพท. ผนึกกำลัง 45 พื้นที่ รวมพลังพัฒนาเมืองน่า

ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้มหัวหน้าโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดCIAP | นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุลที่ปรึกษาโครงการ CIAP ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง และอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระบุรี  ในงาน CITY SOLUTION DAY : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์…

4 weeks ago

CITY ON THE MOVE : ปลดล็อคศักยภาพท้องถิ่นใหม่ กับ 4 ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง

การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท.” โดย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในงาน City Solution Days: เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่ วันที่…

4 weeks ago

CITY ON THE MOVE :<br />สถาบันพัฒนาเมือง มิติใหม่งานพัฒนาเมือง

“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา   วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท.…

4 weeks ago

WeCitizens : เมืองเชียงราย

ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…

2 months ago

[City’s Movement]<br />บวรนคร

คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…

2 months ago

[The Citizens]<br />วาที ทรัพย์สิน

สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…

2 months ago