มีน้องคนหนึ่งที่จบ ม.6 และตัดสินใจไม่ต่อมหาวิทยาลัย มานั่งพัฒนา metaverse ที่พื้นที่ของเราแทน

Start
509 views
12 mins read

“ผมเริ่ม Tuber เมื่อ 8 ปีที่แล้ว จากความที่ก่อนหน้านี้ผมทำงานกรุงเทพฯ และพบว่าวงการสตาร์ทอัพในไทยกำลังมา พร้อมๆ กับการเกิด Co-working space หลายแห่ง ประกอบกับที่พบว่าคนหาดใหญ่ที่มีศักยภาพในวงการเทคโนโลยีต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อย ก็คิดว่าถ้าเราเปิดพื้นที่ในบ้านเกิดเราได้ ก็คงมีส่วนขับเคลื่อนแวดวงสตาร์ทอัพให้หาดใหญ่และภาคใต้ จึงตัดสินใจเปิดที่นี่ขึ้นมาเป็น Co-working space แห่งแรกของเมือง

แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง สิ่งที่คิดไว้ไม่เป็นไปตามนั้น คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเราเป็นพื้นที่ให้เช่าห้องประชุมหรือไม่ก็เป็นคาเฟ่ กลุ่มสตาร์ทอัพหรือฟรีแลนซ์ที่มาใช้บริการเราค่อนข้างน้อยกว่าที่คิดไว้ อย่างไรก็ตาม ที่ธุรกิจนี้อยู่มาได้คือการให้เช่าสำนักงาน เช่น คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็มาเช่าเปิดบริษัทซอฟต์แวร์ที่เรา ทีม LINE MAN Wongnai ของหาดใหญ่ รวมถึงมีน้องคนหนึ่งที่จบ ม.6 และตัดสินใจไม่ต่อมหาวิทยาลัย มานั่งพัฒนา metaverse ที่พื้นที่ของเราแทน ส่วนคนทำงานฟรีแลนซ์ที่วอล์คอินก็มีบ้าง แต่ยังไม่ใช่รายได้หลัก รวมถึงมีหน่วยงานต่างๆ มาเช่าห้องประชุมของเราด้วย

แต่ตลอด 8 ปี เราก็หาได้เป็นพื้นที่ให้คนมานั่งทำงานอย่างเดียว เราพยายามสร้างความร่วมมือกับสถาบันต่างๆ อาทิ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ หรือสถาบันการศึกษาต่างๆ ในการทำโครงการและกิจกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนระบบนิเวศทางเทคโนโลยีของภาคใต้ โดยเฉพาะการเชื่อมกับองค์กรต่างๆ เพื่อสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ในพื้นที่ให้เกิดขึ้น

นอกจากนี้ผมตั้งใจให้ที่นี่เป็นชุมชนของผู้คนที่สนใจเรื่องเดียวกัน เพราะอย่างเด็กๆ รุ่นใหม่ที่เขาสนใจ NFT, Blockchain, Cryptocurrency หรือ Metaverse แต่ชีวิตประจำวันเขาอาจไม่รู้จะคุยเรื่องนี้กับใคร ก็พยายามจัดเวิร์คชอปหรืองานเสวนาให้พวกเขาได้มาแลกเปลี่ยนกัน อาทิ Hat Yai Tech Meetup, Hat Yai Python Meetup และอื่นๆ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จัดขึ้นทุกเดือน

ผมมองว่าด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง หาดใหญ่มีกลุ่มสตาร์ทอัพน้อยกว่าที่เมืองควรจะมี อย่างไรก็ดี ที่ประสบความสำเร็จและเป็นตัวอย่างที่ดีก็มี เช่น myHealthFirst ที่ทำแอปพลิเคชั่นมอนิเตอร์ด้านสุขภาพของผู้ใช้ ที่จริง เราเริ่มมีซอฟต์แวร์เฮ้าส์มาเปิดที่นี่กันบ้างแล้ว ซึ่งผมเห็นเป็นโมเดลที่ดีหากองค์เหล่านั้นรับงานลูกค้าสัก 80% และแบ่งทรัพยากรอีก 20% ทำสตาร์ทอัพในโจทย์ของตัวเองเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนในเมืองด้วย

ทั้งนี้ทาง Tuber ก็พยายามเชื่อมโยงแพลทฟอร์มทางเทคโนโลยีที่หาดใหญ่และสงขลาเรามีเข้ากับโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนอยู่ อย่างการประชาสัมพันธ์แพลทฟอร์มเทคโนโลยีตามชุมชนในพื้นที่คลองเตยลิงก์ อัพเดตให้ชาวชุมชนรู้ว่าเมืองเราตอนนี้มีนวัตกรรมอะไร และเราสามารถประยุกต์เข้ากับชีวิตเราได้อย่างไร เช่น เรามีหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดใน 3 จังหวัดชายแดน เราสามารถประยุกต์ให้มันมาดูแลความเรียบร้อย หรือบริการชุมชนได้

หรือจุดประกายให้หน่วยงานรัฐเห็นถึงวิธีการใหม่ๆ อย่างเรามีคนทำ IOT อยู่เยอะนะครับ อาจทำระบบจัดเก็บค่าจอดรถในเขตเทศบาล จากเดิมที่เจ้าหน้าที่เราเก็บได้ไม่ถึง 50% ของจำนวนรถที่จอดจริง คุณลองใช้แอปฯ เก็บเงินในพื้นที่ โดยทำแซนด์บ็อกตรงพื้นที่คลองเตยก่อนในกรณีที่มันติดข้อกฎหมาย เป็นต้น 

ทุกวันนี้เทศบาลกำลังขับเคลื่อนเรื่องสมาร์ทซิตี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะเชื่อมตรงนี้เข้าไป รวมถึงเชื่อมคนทำงานด้านเทคโนโลยีเข้าไปกับการพัฒนาเมือง เพราะสมาร์ทซิตี้ไม่ใช่แค่การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด หรือทำแอปพลิเคชั่นของเมือง แต่เป็นการที่เมืองมีพื้นที่ให้คนทำสตาร์ทอัพ มีการลงทุนด้านเทคโนโลยี คุณหย่อนเม็ดเงินลงไปในเมือง เพื่อให้มันรีเทิร์นกลับเป็น 5 เท่าในระยะเวลาที่วางแผนไว้ เป็นต้น

ควบคู่ไปกับการเห็นหาดใหญ่เป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นเมืองที่มีพื้นที่และโอกาสสำหรับทุกคน ผมอยากให้ที่นี่มีแพลตฟอร์มที่รองรับไอเดียของคนในเมือง ให้ผู้มาเยือนและนักท่องเที่ยวนอกจากมาซื้อของฝากในตลาดกิมหยง ยังสามารถมาช้อปปิ้งแนวความคิดดีๆ หรือนวัตกรรมของคนหาดใหญ่กลับไปพัฒนาต่อที่บ้านของพวกเขาได้”  

วรนล ฐิตินันทกร
ผู้ก่อตั้ง
Tuber Co-working Space

https://www.facebook.com/tuberthailand

กองบรรณาธิการ

ในปีพ.ศ.2563-2564 หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ได้สนับสนุนและผลักดันการพัฒนาเมืองในประเทศไทยเพื่อพัฒนาเมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City) โดยเริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแล้วทั้งหมด 18 เมือง 20 ชุดโครงการ และ 41 ชุดโครงการย่อย