“ผมเริ่ม Tuber เมื่อ 8 ปีที่แล้ว จากความที่ก่อนหน้านี้ผมทำงานกรุงเทพฯ และพบว่าวงการสตาร์ทอัพในไทยกำลังมา พร้อมๆ กับการเกิด Co-working space หลายแห่ง ประกอบกับที่พบว่าคนหาดใหญ่ที่มีศักยภาพในวงการเทคโนโลยีต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อย ก็คิดว่าถ้าเราเปิดพื้นที่ในบ้านเกิดเราได้ ก็คงมีส่วนขับเคลื่อนแวดวงสตาร์ทอัพให้หาดใหญ่และภาคใต้ จึงตัดสินใจเปิดที่นี่ขึ้นมาเป็น Co-working space แห่งแรกของเมือง
แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง สิ่งที่คิดไว้ไม่เป็นไปตามนั้น คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเราเป็นพื้นที่ให้เช่าห้องประชุมหรือไม่ก็เป็นคาเฟ่ กลุ่มสตาร์ทอัพหรือฟรีแลนซ์ที่มาใช้บริการเราค่อนข้างน้อยกว่าที่คิดไว้ อย่างไรก็ตาม ที่ธุรกิจนี้อยู่มาได้คือการให้เช่าสำนักงาน เช่น คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็มาเช่าเปิดบริษัทซอฟต์แวร์ที่เรา ทีม LINE MAN Wongnai ของหาดใหญ่ รวมถึงมีน้องคนหนึ่งที่จบ ม.6 และตัดสินใจไม่ต่อมหาวิทยาลัย มานั่งพัฒนา metaverse ที่พื้นที่ของเราแทน ส่วนคนทำงานฟรีแลนซ์ที่วอล์คอินก็มีบ้าง แต่ยังไม่ใช่รายได้หลัก รวมถึงมีหน่วยงานต่างๆ มาเช่าห้องประชุมของเราด้วย
แต่ตลอด 8 ปี เราก็หาได้เป็นพื้นที่ให้คนมานั่งทำงานอย่างเดียว เราพยายามสร้างความร่วมมือกับสถาบันต่างๆ อาทิ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ หรือสถาบันการศึกษาต่างๆ ในการทำโครงการและกิจกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนระบบนิเวศทางเทคโนโลยีของภาคใต้ โดยเฉพาะการเชื่อมกับองค์กรต่างๆ เพื่อสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ในพื้นที่ให้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ผมตั้งใจให้ที่นี่เป็นชุมชนของผู้คนที่สนใจเรื่องเดียวกัน เพราะอย่างเด็กๆ รุ่นใหม่ที่เขาสนใจ NFT, Blockchain, Cryptocurrency หรือ Metaverse แต่ชีวิตประจำวันเขาอาจไม่รู้จะคุยเรื่องนี้กับใคร ก็พยายามจัดเวิร์คชอปหรืองานเสวนาให้พวกเขาได้มาแลกเปลี่ยนกัน อาทิ Hat Yai Tech Meetup, Hat Yai Python Meetup และอื่นๆ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จัดขึ้นทุกเดือน
ผมมองว่าด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง หาดใหญ่มีกลุ่มสตาร์ทอัพน้อยกว่าที่เมืองควรจะมี อย่างไรก็ดี ที่ประสบความสำเร็จและเป็นตัวอย่างที่ดีก็มี เช่น myHealthFirst ที่ทำแอปพลิเคชั่นมอนิเตอร์ด้านสุขภาพของผู้ใช้ ที่จริง เราเริ่มมีซอฟต์แวร์เฮ้าส์มาเปิดที่นี่กันบ้างแล้ว ซึ่งผมเห็นเป็นโมเดลที่ดีหากองค์เหล่านั้นรับงานลูกค้าสัก 80% และแบ่งทรัพยากรอีก 20% ทำสตาร์ทอัพในโจทย์ของตัวเองเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนในเมืองด้วย
ทั้งนี้ทาง Tuber ก็พยายามเชื่อมโยงแพลทฟอร์มทางเทคโนโลยีที่หาดใหญ่และสงขลาเรามีเข้ากับโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนอยู่ อย่างการประชาสัมพันธ์แพลทฟอร์มเทคโนโลยีตามชุมชนในพื้นที่คลองเตยลิงก์ อัพเดตให้ชาวชุมชนรู้ว่าเมืองเราตอนนี้มีนวัตกรรมอะไร และเราสามารถประยุกต์เข้ากับชีวิตเราได้อย่างไร เช่น เรามีหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิดใน 3 จังหวัดชายแดน เราสามารถประยุกต์ให้มันมาดูแลความเรียบร้อย หรือบริการชุมชนได้
หรือจุดประกายให้หน่วยงานรัฐเห็นถึงวิธีการใหม่ๆ อย่างเรามีคนทำ IOT อยู่เยอะนะครับ อาจทำระบบจัดเก็บค่าจอดรถในเขตเทศบาล จากเดิมที่เจ้าหน้าที่เราเก็บได้ไม่ถึง 50% ของจำนวนรถที่จอดจริง คุณลองใช้แอปฯ เก็บเงินในพื้นที่ โดยทำแซนด์บ็อกตรงพื้นที่คลองเตยก่อนในกรณีที่มันติดข้อกฎหมาย เป็นต้น
ทุกวันนี้เทศบาลกำลังขับเคลื่อนเรื่องสมาร์ทซิตี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะเชื่อมตรงนี้เข้าไป รวมถึงเชื่อมคนทำงานด้านเทคโนโลยีเข้าไปกับการพัฒนาเมือง เพราะสมาร์ทซิตี้ไม่ใช่แค่การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด หรือทำแอปพลิเคชั่นของเมือง แต่เป็นการที่เมืองมีพื้นที่ให้คนทำสตาร์ทอัพ มีการลงทุนด้านเทคโนโลยี คุณหย่อนเม็ดเงินลงไปในเมือง เพื่อให้มันรีเทิร์นกลับเป็น 5 เท่าในระยะเวลาที่วางแผนไว้ เป็นต้น
ควบคู่ไปกับการเห็นหาดใหญ่เป็นเมืองที่น่าอยู่ เป็นเมืองที่มีพื้นที่และโอกาสสำหรับทุกคน ผมอยากให้ที่นี่มีแพลตฟอร์มที่รองรับไอเดียของคนในเมือง ให้ผู้มาเยือนและนักท่องเที่ยวนอกจากมาซื้อของฝากในตลาดกิมหยง ยังสามารถมาช้อปปิ้งแนวความคิดดีๆ หรือนวัตกรรมของคนหาดใหญ่กลับไปพัฒนาต่อที่บ้านของพวกเขาได้”
วรนล ฐิตินันทกร
ผู้ก่อตั้ง Tuber Co-working Space
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…