“ลุงพิทักษ์เคยเป็นหลงจู๊มาก่อน แกทำหน้าที่คล้ายเซลล์แมน ซึ่งต้องขับรถส่งของในเส้นทางลำปางไปจนถึงอำเภอแม่สายที่เชียงราย ส่วนป้าเป็นคนห้างฉัตรที่เข้ามาทำงานในตัวเมือง เมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้ว เราเจอกันที่ลำปาง หลังจากตกลงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ความที่ลุงแกไม่อยากเดินทางบ่อยอีกแล้ว จึงนำเงินเก็บมาเปิดร้านขายของชำอยู่ในย่านกาดกองต้านี่
สมัยนั้นกาดกองต้าบนถนนตลาดเก่าที่เลียบริมแม่น้ำวังเงียบเหงามาก ยังไม่มีถนนคนเดิน และบ้านส่วนใหญ่ก็ปิดไว้ ไม่ได้ทำการค้า แต่ความที่ซอยหลิ่งจันทร์หมันที่ร้านเราเปิด เป็นคิวรถไปอำเภอเมืองปาน ลูกค้าหลักของร้านจึงเป็นคนจากอำเภอรอบนอกที่นั่งรถประจำทาง ซึ่งสมัยนั้นเป็นรถคอกหมูเข้ามาทำธุระในเมือง สมัยก่อนรถขนคนมาแน่นทุกรอบเลย บางรอบถึงกับมีคนนั่งบนหลังคามาก็มี ยิ่งผู้โดยสารเยอะ ร้านป้ายิ่งขายดี ก็เริ่มต้นตั้งแต่ขายน้ำ ขายขนมง่ายๆ จนมาขายอาหารทำใหม่จำพวกขนมไข่หงส์ กล้วยทอด ตำส้มกับข้าวมัน คือตั้งแต่ตีห้าที่รถเริ่มวิ่ง ก็มีคนมารอซื้อแล้ว
ลุงกับป้ามีลูก 3 คน เราไม่ได้มีทรัพย์สินอะไรมากมาย ช่วงที่ลูกกำลังโตก็เลยเหนื่อยกันหน่อย จำได้ว่าต้องให้ลูกๆ มาช่วยพับใบตองสำหรับใส่อาหาร เพราะตอนนั้นยังไม่มีถุงพลาสติก ลุงกับป้าไม่เคยไปโรงเรียนลูกเลยนะ เพราะต้องขายของทุกวัน ถึงเวลาจ่ายค่าเทอม ก็เอาเงินฝากลูกไป ไม่เคยเห็นหน้าคุณครู เคราะห์ดีที่ลูกๆ ป้าเป็นคนตั้งใจเรียน พี่คนโตนอกจากมาช่วยร้าน ก็ยังช่วยสอนการบ้านให้น้อง ประกอบกับที่ลุงแกเป็นคนขยันทำมาหากิน เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ และไม่เล่นการพนัน ก็เลยไม่เคยมีหนี้สิน และเราก็ช่วยกันขายของหาเงินส่งลูกๆ เรียนจบปริญญาตรีกันได้ทุกคน
ทุกวันนี้ลูกๆ ก็แยกย้ายไปมีชีวิตเป็นของตัวเองกันหมดแล้ว คนหนึ่งไปทำหอพักและเปิดบริษัทอยู่ที่ลำพูน อีกคนไปทำงานออฟฟิศที่เชียงใหม่ และอีกคนอยู่กรุงเทพฯ เขาก็ชวนเราให้มาอยู่ด้วยกันแหละ แต่เราติดชีวิตที่นี่ไปแล้ว ถึงแม้เศรษฐกิจจะซบเซา และเราขายของได้ไม่มากเท่าเมื่อก่อน แต่ความที่เราไม่ต้องส่งเสียใครแล้ว ก็เลยพออยู่ได้ ป้าก็ขายแต่พวกขนมและเครื่องดื่ม พวกอาหารสดที่ต้องทำใหม่ก็เลิกขายเพราะเหนื่อย เราอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว
ทุกวันนี้เราจะตื่นตีห้า และเดินออกจากบ้านเลียบแม่น้ำวังเพื่อไปออกกำลังกายกับเครื่องเล่นตรงจวนผู้ว่า ก่อนเดินกลับบ้านมาชงกาแฟดื่ม กินข้าว และเปิดร้าน ก็ขายไปจนถึงค่ำๆ ร้านป้าไม่มีวันหยุดนะ ปีใหม่ สงกรานต์ เข้าพรรษา ก็ไม่หยุด จะปิดร้านเฉพาะตอนที่ลูกมาชวนไปเที่ยวเท่านั้น (ยิ้ม)”
ป้าศรีไล บำรุงพรไพศาล และลุงพิทักษ์ บำรุงพรไพศาล
เจ้าของร้านขายของชำป้าไลในซอยหลิ่งจันทร์หมัน
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…