“เรามีกันประมาณ 40 คนได้ครับ ทุกคนในเมืองจะสลับกันมาเล่นสเก็ตบอร์ดกันตรงนี้ (ลานด้านหน้าหอปูมละกอน บริเวณ 5 แยกหอนาฬิกาเมืองลำปาง) เล่นด้วยกันมาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนก็กระจายกันเล่น หลักๆ จะเล่นที่ลานด้านหน้าสวนสาธารณะเขลางค์นคร แต่เดี๋ยวนี้เล่นไม่ได้แล้วเพราะพื้นสึกหมด ส่วนอีกที่คือลานจอดรถของเซ็นทรัลลำปาง แต่ที่ห้างฯ มักใช้จัดงานอีเวนท์ สุดท้ายเลยมารวมตัวกันที่นี่
ที่นี่เป็นพื้นที่ของเทศบาลครับ ตอนแรกเขาก็ไม่อนุญาตให้เล่นหรอกครับ เพราะถ้านานๆ ไปพื้นตรงนี้ก็อาจมีความเสียหายได้ แต่เราก็ต่อรองบอกว่าเมืองควรต้องมีพื้นที่ให้พวกเรา เพราะสเก็ตบอร์ดก็เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง เทศบาลยังมีสนามฟุตบอล สนามบาสเก็ตบอล แต่กลับไม่มีลานสเก็ต ขณะที่อุตรดิตถ์เมืองเล็กกว่าเราเขายังมี หรือเชียงรายนี่มีพื้นที่ที่ดีมากๆ เลยนะ ทางเทศบาลเขาก็รับเรื่องเราไว้ ระหว่างนั้นเขาก็ให้เราเล่นกันที่นี่ไปก่อน ซึ่งนี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว (หัวเราะ)
พวกแรมป์กระโดดและอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นของที่พวกเรารวมเงินกันซื้อครับ เราฝากไว้กับเทศบาลหลังเล่นเสร็จ ส่วนแสงสว่าง เมื่อก่อนเขาไม่มีให้ ก็ต้องเอาไฟมาติดเอง ที่ต้องมีไฟเพราะเราเล่นกันตอนเย็นตั้งแต่หกโมงถึงสี่ทุ่ม ตอนกลางวันต่างคนต่างไปเรียนหรือไปทำงาน จนภายหลังพอเทศบาลปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณห้าแยกหอนาฬิกา เราก็เลยได้อานิสงส์เรื่องแสงสว่างไปด้วย
ช่วงก่อนเลือกตั้งนายกเทศมนตรี มีนักการเมืองมาคุยกับพวกเราที่นี่เยอะครับ เขาก็ถามความต้องการ เราก็บอกว่าในฐานะคนเล่นสเก็ตบอร์ด เราแค่ต้องการพื้นที่ที่เป็นกิจจะลักษณะเท่านั้นเอง พื้นที่ที่มีความปลอดภัยต่อทั้งผู้เล่นและคนที่ผ่านไปผ่านมา จริงอยู่ตรงนี้ทำเลดี แสงสว่างก็พร้อม แต่อย่าลืมว่ามันอยู่ริมถนน มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ ที่สำคัญคือในเขตเทศบาลเรามีที่ดินเปล่าเยอะ การพัฒนาให้เป็นลานสเก็ตบอร์ดได้มันไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ก็เฝ้ารออยู่เหมือนกันว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร
ในมุมมองของผม ลำปางเป็นเมืองเล็ก ที่เอาเข้าจริง… น่าจะมีการพัฒนาที่คล่องตัวกว่านี้ แต่ที่ผ่านมา ดูเหมือนผู้ใหญ่จะไม่ค่อยรับฟังเสียงของคนตัวเล็กๆ อย่างพวกเราสักเท่าไหร่ รวมถึงไม่มีนโยบายที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยด้วย อย่างเรื่องเศรษฐกิจ อันนี้คือช่วงก่อนจะมีโควิด-19 อีกนะครับ พอมีกลุ่มทุนใหญ่มาเปิดศูนย์การค้า พื้นที่ธุรกิจเก่าแก่ในเขตใจกลางเมืองก็ซบเซา จนผู้ประกอบการพากันเซ้งร้านหรือปิดกิจการกันไปหมด คือผมเข้าใจว่ามันเป็นยุคสมัย หรือเป็นไปตามกลไกตลาด แต่การที่รัฐปล่อยให้เมืองมันดำเนินไปในลักษณะแบบนี้ ก็รู้สึกเสียดายแทนผู้ประกอบการรุ่นเก่า ที่มีส่วนร่วมขับเคลื่อนเมืองมาเหมือนกันครับ”
ปกรณ์ วันอุดมฤกษ์
ผู้ประกอบการในจังหวัดลำปาง และตัวแทนกลุ่มสเก็ตบอร์ด
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…