ที่ผมได้มาเป็นไวยาวัจกรวัดแก่งคอย เนื่องจากพ่อผมเคยเป็นมัคนายกมาก่อน ผมจึงผูกพันกับวัดนี้มาตั้งแต่เด็ก พอตำแหน่งนี้ว่างลง ท่านเจ้าอาวาสก็อยากหาคนที่ไว้ใจได้มาทำตำแหน่งนี้ ผมเกษียณงานประจำกลับจากกรุงเทพฯ พอดี เลยมารับช่วงต่อ ตอนนี้ทำมาเกือบ 10 ปีแล้ว
ช่วงที่ผมมาเริ่มงานที่นี่ใหม่ๆ ท่านเจ้าอาวาส พระครูประภัศร์วรญาณ (ทรัพย์ ญาณวโร) มีวิสัยทัศน์มาก ก็มีการจัดสร้างวังบาดาล ถ้ำพญานาค พระธาตุอินทร์แขวนจำลอง มีการบูรณะกุฏิ และทำวัดให้มีความสะอาด สวยงาม และดึงดูดให้ลูกหลานมาสักการะบูชา รวมถึงจัดศาสนพิธีต่างๆ ทำให้วัดกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งอานิสงส์นี้ก็ส่งผลให้วัดแก่งคอยเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอแก่งคอยถึงปัจจุบัน
วัดแก่งคอยเป็นวัดหลักของคนที่นี่ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นมาตั้งฐานทัพที่อำเภอเรา ทำให้ทัพสัมพันธมิตรส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิด เมืองถูกระเบิดราบ แต่บริเวณวัดแก่งคอย ระเบิดกลับไม่ทำงาน คนที่หนีมาอยู่ในวัดจึงรอดชีวิต ชาวบ้านเลยเชื่อกันว่าเป็นเพราะบารมีหลวงพ่อลา ชัยมงฺคโล (พระครูสุนทรสังฆกิจ) เจ้าอาวาสในยุคนั้น
หลังสงครามสิ้นสุด ก็มีการตั้งอนุสรณ์สถานรำลึกถึงผู้เสียชีวิตภายในวัด และมีพิธีรำลึกทุกวันที่ 2 เมษายนของทุกปี จนมาช่วงหลังทางหอการค้าจังหวัดสระบุรี เทศบาลเมืองแก่งคอย และทางจังหวัด ร่วมกันต่อยอดพิธีกรรมประจำปีนี้ให้เป็นเทศกาล ‘แก่งคอยย้อนรอยสงครามโลก’ ขึ้น มีการชวนชาวแก่งคอยแต่งตัวย้อนยุคมาออกร้าน ทำถนนคนเดินสายวัฒนธรรม การแสดงคอนเสิร์ต รวมถึงการแสดงแสงสีเสียงบอกเล่าประวัติเมืองแก่งคอยและเหตุการณ์ช่วงสงครามโลก โดยมีวัดแก่งคอยเป็นศูนย์กลางการจัดงานเชื่อมไปกับย่านการค้าใจกลางเมือง และสถานีรถไฟ ซึ่งจัดมาได้ 3 ปีแล้ว
นอกจากมีอนุสรณ์สถานผู้ประสบภัยทางอากาศช่วงสงครามโลก วัดแก่งคอยยังมีพระธาตุเจดีย์ศรีป่าสัก อันเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รวมถึงยังมีชื่อเรื่องการทำน้ำมนต์และเขียนผ้ายันต์มาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อลา เล่ากันว่าเวลาที่หลวงพ่อท่านเขียนยันต์ พอน้ำตาเทียนไหล เวลาลูกศิษย์วัดจับ ท่านจะรู้ทันทีว่าถ้าน้ำตาเทียนออกมาเป็นสีแดงจะมีเคราะห์ ถ้าเป็นสีเหลืองจะแคล้วคลาด ถ้าเป็นคนที่มาทำกับท่านแล้วเป็นสีแดง ท่านจะอาบน้ำมนต์ให้ สะเดาะเคราะห์ไปในตัว สิ่งที่ร้ายก็จะหาย ขึ้นโรงขึ้นศาล คดีความ หรือเจ็บป่วยอะไรต่างๆ จะทุเลา
นายควง อภัยวงศ์, จอมพล ป. พิบูลสงคราม ไปจนถึงพระยาพหลพลพยุหเสนา ต่างก็มาเป็นลูกศิษย์ มาให้หลวงพ่อลาท่านอาบน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ให้ หรือเรื่องผ้ายันต์ ก็เล่ากันว่าที่ระเบิดของสัมพันธมิตรด้านตอนสงครามโลกก็มาจากผ้ายันต์ของหลวงพ่อลา ผ้ายันต์จึงเป็นอีกสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะแวะมาบูชากลับไปจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ดี วัดเราก็ยังมีจุดที่ต้องแก้ไขอยู่ ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าแก้ไขได้ จะส่งผลบวกต่อเมืองของเราด้วย เพราะช่วงหลังมานี้ วัดได้รับความนิยม ประชาชนหลั่งไหลมามาก โดยเฉพาะช่วงวันหยุด รถจะติดยาวไปถึงตลาด และเมืองเราเล็กแค่นี้ มันจึงกระทบไปทั้งเมือง ผมจึงมีความคิดว่า ถ้าเราประสานกับเทศบาลเมืองแก่งคอย ให้มีการจัดหาที่จอดรถข้างนอกเขตตลาดให้ และมีรถพ่วงหรือรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ารับนักท่องเที่ยวจากที่จอดรถมาส่งยังวัดหรือตลาด ตรงนี้มันกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมเมืองหรือจับจ่ายใช้สอยร้านรวงในเมืองได้มาก
ซึ่งอย่าลืมว่าไม่เพียงวัดเราติดตลาด ยังอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ใกล้ศาลเจ้า ตลาดท่าน้ำแก่งคอยที่เป็นตลาดโบราณ และสถานีรถไฟชุมทางแก่งคอย ทั้งหมดสามารถเที่ยวชมด้วยการเดินเท้าได้ภายในครึ่งวัน ถ้าเทศบาลทำรถรับ-ส่ง และทำทางเท้าให้น่าเดิน แก่งคอยเราน่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เยอะ คนในเมืองก็ไม่ต้องเจอปัญหารถติด แถมยังมีทางเท้าที่ชวนให้เดิน ไม่ต้องใช้รถส่วนตัวอีก ผมเห็นว่าเทศบาลเขาก็มีแผนจะทำวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ก็อยากเสนอความคิดนี้ให้เขาไปพิจารณาด้วยครับ”
โชค มะลิซ้อน
ไวยาวัจกรวัดแก่งคอย และประธานชุมชนหลวงปู่พรหม
“ระบบนิเวศอีสปอร์ตคือฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะผ่านการยกระดับศักยภาพของผู้คน” ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน สื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook, Instagram หรือ YouTube ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางสื่อสารหรือความบันเทิงอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นเครื่องมือสร้างอาชีพ และพัฒนาทักษะของผู้คนทั่วโลก เช่นเดียวกับ “อีสปอร์ต” (Esports) หรือการแข่งขันวิดีโอเกม ที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ…
เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ไม่ใช่แค่เรื่องของเซ็นเซอร์ แพลตฟอร์ม หรือระบบ AI ที่แม่นยำ แต่หัวใจที่แท้จริงของมันคือ “ผู้คน” – เพราะถ้าขาดการรับฟังเสียงสะท้อน หรือกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เมืองจะไม่มีวันรู้ว่าควรก้าวไปทางไหนแต่ในโลกหลังโควิด-19 ที่ลานกิจกรรมถูกแทนที่ด้วยหน้าจอมือถือ—หน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่บริหารเมืองกลับเข้าไม่ถึงประชาชนได้มากพอ…
“แม้จะเป็นการเล่นเกม แต่นครสวรรค์ก็ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะนี่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่เปลี่ยนให้เมืองผ่านกลายมาเป็นจุดหมายของใครหลายคน” เมื่อเอ่ยถึงนครสวรรค์ คุณนึกถึงอะไร? ประตูสู่ภาคเหนือ, “เมืองปากน้ำโพ” ชุมทางการค้าทางเรือในอดีต, เทศกาลตรุษจีน, ขนมโมจิ, ดินแดนอาหารอร่อย หรือ “พาสาน” แลนด์มาร์กแห่งใหม่กลางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ภาพจำเหล่านี้คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึง…
“เรามีโครงสร้างพื้นฐานในการเป็นสมาร์ทซิตี้พร้อมแต่ที่ผ่านมา เรายังไม่มีกลไกในการพัฒนาบุคคลในกรอบนี้และอีสปอร์ตจะกลไกหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากเด็กและเยาวชน” ไม่เพียงแต่เทศบาลนครนครสวรรค์จะเป็นหนึ่งในเทศบาลแห่งแรกที่ได้รับการคัดเลือกโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ให้เป็น เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตั้งแต่ปี 2564 หากแต่ในปัจจุบัน เทศบาลนครซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ…
“ผมไม่ได้ฝันว่าจะต้องมีซิลิคอนวัลเลย์ในนครสวรรค์แต่หวังว่าเราจะสามารถสร้างงานให้เด็กคนหนึ่งไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯไม่ต้องทิ้งบ้านเกิดไปเพราะไม่มีโอกาส” “ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลพาโลกไปไกล เกมกลายเป็นสื่อที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างน่าทึ่งผมยกตัวอย่างลูกชายผม เขาเรียนอยู่ ป.1 มีเกมอยู่ 2 เกมที่เขาเล่นประจำ คือ Sprunki และ Roblox สองเกมนี้เน้นเรื่องการแปรรูปจินตนาการให้กลายเป็นรูปธรรม ตอนแรกผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกมนี้หรอก จนมาศึกษา…
“ผมไม่ได้ปฏิเสธการศึกษาในระบบ แต่ถ้าเราสามารถสร้างทางเลือกให้กับเด็กที่มีความฝันจริงจังผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็ควรต้องหาวิธีส่งเสริมพวกเขา” “สำหรับการขับเคลื่อนอีสปอร์ตให้กลายเป็นหนึ่งในกลไกการพัฒนาเมือง ผมมองออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกคือ ผมเคยสอนวิชาอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่คณะบริหารและการจัดการ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา และตระหนักดีว่าสิ่งที่ทำให้ศาสตร์นี้ รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับผู้เรียน…