“หลังเรียนจบผมไปเป็นทหารมา 25 ปี แต่ความที่เราโตมากับธุรกิจปลาส้มของแม่ และที่บ้านก็มีผมกับน้องสาวกันสองคน ก็เลยตัดสินใจลาออกมาสานต่อกิจการ โดยผมกับน้องจะอยู่โรงงานช่วยแม่ทำปลาส้ม ดูแลเรื่องวัตถุดิบ และการจัดส่ง ส่วนแฟนผมไปเปิดร้านขายที่ตลาดสดแม่ทองคำที่ตำบลแม่ต๋ำ
แม่ทองปอนมาจากชื่อแม่ผม แต่ไหนแต่ไรคนพะเยาก็ทำปลาส้มกินหรือขายกันเล็กๆ อยู่แล้ว จนช่วงหนึ่งที่รัฐบาลส่งเสริมสินค้า OTOP เราจึงต่อยอดเป็นธุรกิจจริงจัง เราเป็นเจ้าแรกในพะเยาที่นำเครื่องจักรเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต รวมถึงการทำฉลากและแบรนดิ้ง อย่างคำว่าปลาส้มไร้ก้าง เราก็เป็นเจ้าแรกที่หยิบมาใส่ในชื่อ เป็น ‘ปลาส้มไร้ก้างแม่ทองปอน’ จริงๆ เจ้าอื่นเขาก็ไร้ก้างครับ แต่เราหยิบมาใส่ก่อน เป็นแบรนดิ้งให้คนจดจำ
สมัยแม่ยังสาวๆ ก็ใช้ปลาจากในกว๊านพะเยานี่แหละครับ แต่พอคนหันมาทำปลาส้มขายกันเยอะ ปลาในกว๊านเลยไม่พอ ทุกวันนี้ผู้ประกอบการแทบทุกราย ต้องซื้อปลาจากสะพานปลาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาทำปลาส้ม เขาก็ส่งมาเป็นรอบๆ เราก็เอาไปเข้าห้องเย็น แล้วแปรรูป
กรมประมงเคยพยายามส่งเสริมให้ใช้ปลาพื้นถิ่นอยู่เหมือนกันครับ โดยเพาะพันธุ์ปลาจีนให้เป็นวัตถุดิบหลัก แต่ปลามันโตแต่หัว เอามาทำปลาส้มไม่ได้ หรือผมก็เคยทดลองใช้ปลาที่หาง่ายอย่างดอร์ลี่มาทำด้วย แต่ปลาดอร์ลี่มันไม่มีเกล็ด พอมาทำแล้วเป็นเมือก เนื้อไม่จับกัน ก็เลยกลับไปใช้ปลาจากสะพานปลาดีกว่า
แต่สิ่งที่ยังบ่งบอกว่าปลาส้มเป็นของพะเยาอยู่คือไส้ปลาครับ เพราะไส้ปลาที่มาจากที่อื่นมันคาว เอามาปรุงไม่อร่อย เราก็เลยซื้อไส้ปลาจากชาวบ้านที่ทำประมงในกว๊านนี้แหละครับ ส่วนกระเทียมก็ใช้ของเกษตรกรในพะเยา
ทุกวันนี้นอกจากขายที่โรงงานตรงนี้ ก็มีหน้าร้านที่ตลาดสดแม่ทองคำ แล้วก็ไปวางตามร้านต่างๆ ในพะเยา ส่วนจังหวัดอื่นๆ ก็มีคนมาสั่งไปขายเหมือนกัน อย่างที่เชียงใหม่ เชียงราย และลำปางก็เยอะ นอกจากนี้ก็มีเพจเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/PraSomThongPon/ รับสั่งซื้อแบบออนไลน์ ส่งทั่วประเทศ
ส่วนตัวผมชอบสะสมอาวุธโบราณ ยันต์ และของเก่า และก็ชอบดื่มกาแฟด้วยครับ เลยเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ไว้ที่โรงงาน เอาของสะสมมาจัดแสดง ใช้เป็นที่รับแขก หรือผมใช้นั่งพักผ่อนเวลาที่งานทำปลาส้มไม่เยอะ แต่ร้านกาแฟผมไม่ได้เปิดเป็นทางการนะครับ
คือปกติไม่ขาย จะขายเฉพาะตอนไม่ปกติ อย่างถ้ามีคณะมาศึกษาดูงานที่โรงงาน ผมก็เปิดขาย (ยิ้ม)”
นิวัฒน์ จำรัส
ทายาทธุรกิจปลาส้มไร้ก้างแม่ทองปอน
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…