สิ่งสำคัญที่เชื่อมโยงหน่วยย่อยๆ ของการพัฒนาเมืองได้เข้มแข็งที่สุดคือการทำให้เมืองมีบรรยากาศของการเรียนรู้

“พะเยาเรามีทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาทางศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่ามากนะครับ ปัญหาก็คือที่ผ่านมาเรายังไม่สามารถพัฒนาต้นทุนทางคุณค่าให้เป็นมูลค่าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็อาจจะเพราะเจ้าของต้นทุนไม่รู้จะแปลงมันให้เป็นเงินอย่างไรดี ไม่รู้จักตลาด หรือเพราะขาดการเชื่อมประสานระหว่างหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน

เป้าหมายหนึ่งของมหาวิทยาลัยพะเยานับตั้งแต่ก่อตั้งคือการบริการชุมชน ร่วมงานกับชาวบ้าน เกษตรกร ชาวประมง ผู้เลี้ยงปศุสัตว์ และผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อใช้ความรู้ทางวิชาการและงานวิจัยช่วยยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของผู้คน ซึ่งจะเห็นได้ว่า เรามีโครงการและหน่วยงานที่ทำงานด้านนี้อยู่ไม่น้อย ตั้งแต่ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิจัยสัตว์ทดลอง ศูนย์เครื่องมือกลาง เป็นต้น

แต่ก็เช่นเดียวกับที่เรามองเห็นถึงความไม่เชื่อมประสานที่เกิดขึ้นในเมือง ในระดับมหาวิทยาลัย เราก็พบว่าแต่ละหน่วยงานก็มีการทำงานไปในทิศทางของตัวเองแบบต่างหน่วยต่างทำ จนมาปี พ.ศ. 2561 ที่เราเห็นตรงกันแล้วว่าทุกหน่วยงานต้องประสานความร่วมมือ จนเกิดการจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี ทำงานเชื่อมประสานและขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นประเด็นอะไรก็ตามแต่ ทั้งอุตสาหกรรม เทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น สิ่งสำคัญที่เชื่อมโยงหน่วยย่อยๆ ของการพัฒนาเมืองได้เข้มแข็งที่สุด คือการทำให้เมืองมีบรรยากาศของการเรียนรู้ ซึ่งก็ตรงกับที่ทาง บพท. พยายามขับเคลื่อนโครงการในเมืองต่างๆ อยู่ และก็ประจวบเหมาะกับที่เชียงราย เพื่อนบ้านของเรา เพิ่งได้รับเลือกเข้าเป็นเครือข่ายของยูเนสโก เราจึงเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะถอดบทเรียนจากเขา เพื่อมาปรับใช้ในเมืองพะเยาให้มีศักยภาพมากที่สุด

บทบาทหลักของผมต่อโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้คือ การสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ รวมถึงหากระบวนการที่ทำให้โครงการเดินต่ออย่างยั่งยืน โดยที่ไม่ต้องพึ่งพางบวิจัยในอนาคต เพราะเรามีบทเรียนจากหลายโครงการแล้วว่า แม้หลายโครงการจะมีศักยภาพเพียงใด แต่เมื่องบประมาณจากแหล่งทุนหมดตามวาระ โครงการก็ไม่สามารถเดินต่อได้

ก็เลยคิดกันว่าในช่วงปีแรกที่ทำ เราต้องรวมกลุ่มภาคเอกชนในเมืองให้เข้มแข็งให้ได้ก่อน คือถ้าเอกชนต่อติด พวกเขาจะเห็นประโยชน์และมีส่วนในการขับเคลื่อนโครงการได้ด้วยตัวเอง ที่สำคัญการเชื่อมร้อยกับราชการท้องถิ่นและชุมชนก็จะง่าย

ช่วงแรกเราจึงเน้นการสร้างความรับรู้ในเมือง ผ่านการจัดประชุม หรือกิจกรรมที่ชักชวนให้ตัวแทนจากหน่วยต่างๆ อย่างหอการค้า สมาพันธ์เอสเอ็มอี สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว และกลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ มาร่วมกัน สร้างบทบาทให้ตัวแทนทุกฝ่ายเป็นเหมือนคณะกรรมการขับเคลื่อนเมืองในรูปแบบไม่เป็นทางการ กล่าวคือ ไม่ถึงกับบังคับให้ใครมาเป็น แต่เป็นการสร้างกลไกให้ทุกฝ่ายเห็นว่าพวกเขามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของเมือง

ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดีทีเดียวครับ ยิ่งเฉพาะเราวางกลุ่มเป้าหมายคือการช่วยยกระดับผู้ด้อยโอกาสให้เข้าถึงองค์ความรู้และทรัพยากรด้วย ที่สำคัญอีกอย่างคือ คนที่มาร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้ หาได้มาจากฝั่งมหาวิทยาลัยของเราเลย แต่ก็เป็นคนพะเยาที่มีองค์ความรู้เฉพาะมาร่วมแบ่งปันเป็นหลัก ทางเราช่วยเหลือแค่ข้อมูลเชิงวิชาการ และการเป็น facilitator อำนวยความสะดวกให้กิจกรรมเกิดขึ้นเท่านั้น และอย่างที่บอก พอเราเชื่อมโยงหน่วยทำงานในเบื้องต้นได้สำเร็จ การร่วมมือกับรัฐจึงไม่ยาก อย่างล่าสุดโครงการเราก็ได้ความร่วมมือทั้งเทศบาลเมืองพะเยา และองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในการขับเคลื่อนเมืองไปในทิศทางเดียวกัน

ผมมองว่าการเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ ก็คล้ายๆ กับการที่ผลิตภัณฑ์ได้ติดฉลาก OTOP นั่นแหละครับ เพราะการได้ประดับสิ่งนี้ ไม่ได้การันตีว่าคุณจะประสบความสำเร็จ แต่ต้องยอมรับว่ามันคือแบรนด์ที่ทุกคนรับรู้ ยิ่งพอเมืองมันเชื่อมโยงกับมาตรฐานระดับนานาชาติของยูเนสโก คนในพื้นที่รับรู้ก็เกิดความภาคภูมิใจ สิ่งที่ตามมาคือเขาก็อยากมีส่วนร่วม แรงใจก็เริ่มมา

ที่สำคัญพอเราอยู่ในเครือข่าย คนจากทั่วโลกก็จะรู้จักเรา เมืองในเครือข่ายก็จะมาเยี่ยมชม หรือแบ่งปันกลยุทธ์ในการพัฒนาเมืองมาให้เราได้ปรับใช้ ผมมองเห็นประโยชน์แบบนี้ หนึ่ง. พะเยาเป็นที่รู้จัก สอง. ทำให้เมืองมีมาตรฐานในการจัดการและพัฒนา และสาม. ช่วยยกระดับการทำงานให้ผู้คนในเมือง

พอบุคลากรที่ขับเคลื่อนเมืองได้รับการยกระดับ เมืองก็จะมีพลวัต สุดท้ายมันก็กลับมาที่เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนในเมืองดีขึ้น จากเมืองที่เราตระหนักในคุณค่าอยู่แล้ว ก็สามารถสร้างมูลค่าได้ในที่สุด”

ผศ. ดร.สันธิวัฒน์ พิทักษ์พล
ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยพะเยา
และนักวิจัยในโครงการพะเยาเมืองแห่งการเรียนรู้

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

THE INSIDER : ณัฐธิยาภรณ์ อ้วนวงศ์ นักวิจัยโครงการเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ร้อยเอ็ด และนักวิเคราะห์นโยบายและแผน กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด

“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…

6 days ago

WeCitizens : The Concept

ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…

1 week ago

WeCitizens เมืองร้อยเอ็ด : ก้าวสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด

WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…

2 months ago

City View : ๑๐๑ เมืองรองที่ไม่เป็นรองใคร

ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…

2 months ago

๑๐๑ สานพลังผู้คนเพื่อกำหนดทิศทางเมือง

สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…

2 months ago

THE MAYOR : บรรจง โฆษิตจิรนันท์ : นายเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง

"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…

2 months ago