“พื้นที่เขตคลองสานมี 34 ชุมชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนแบ่งกันดูแล 4-6 ชุมชน ขึ้นอยู่กับพื้นที่และลักษณะของชุมชน ในชุมชนก็มีในรูปของคณะกรรมการชุมชน จัดตั้งตามระเบียบเพื่อดูแลลูกบ้าน เมื่อมีเรื่องต้องประสานงานเราก็จะประสานผ่านคณะกรรมการชุมชน ส่งเสริมการอยู่อาศัยในชุมชนห้าด้าน สังคม สิ่งแวดล้อม กายภาพ เศรษฐกิจ อนามัย
การแบ่งชุมชนมีหลายประเภท ทั้งชุมชนเมือง เคหะชุมชน ชุมชนชานเมือง ชุมชนแออัด จริงๆ เรามองว่า กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวง อาจจะเป็นชุมชนเมือง แต่ถ้าเข้าไปในชุมชนจริงๆ ริมถนนเป็นถนนใหญ่ก็จริง แต่พอเข้าซอยไป บ้านเรือนเขาอยู่ติดๆ กัน โดยเฉพาะคลองสานเป็นพื้นที่เก่า บ้านก็จะเป็นบ้านไม้ อยู่กันแน่น ยังใช้คำว่าชุมชนแออัดอยู่ ทีนี้ในส่วนของการพัฒนาเมืองที่เข้ามา ชุมชนอาจจะตามไม่ทัน หรือบางครั้งชุมชนไม่ใช่ที่ดินของเขาเอง เขาพยายามที่จะตามให้ทัน หรือบางทีชั้นอยู่สบายดีแล้วก็ไม่ต้องการอะไร หรือบางพื้นที่เขาขายที่เพื่อไปทำคอนโด ทำหมู่บ้านจัดสรร เขาก็ออกนอกพื้นที่ไป เรื่องของการพัฒนาเราต้องเข้าไปตามบริบทชุมชน ซอยนี้อาจจะต้องการแบบนึง เข้าไปอีกซอย ทั้งๆ ที่ซอยติดกัน อาจจะต้องการอีกแบบ หลักของการพัฒนาชุมชนก็คือเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เข้าใจคือต้องเข้าใจว่าชุมชนมีบริบทยังไง ลักษณะชุมชนเป็นยังไง คนทำงานอะไร สภาพพื้นที่มีความต้องการอะไร เข้าถึงคือเราต้องเข้าถึงเขา เข้าไปดูในพื้นที่ว่าเป็นยังไง บางทีเข้าไป อาจจะเห็นใจ แต่ด้วยระเบียบทำไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีประนีประนอม คืออย่างแรกเราต้องเข้าใจ
โครงการขับเคลื่อนย่านกะดีจีน-คลองสาน สู่การเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ จริงๆ กะดีจีนเป็นพื้นที่เขตธนบุรี ต่อเนื่องมาจากคลองสาน ผมมองว่าเขตคลองสานเป็นพื้นที่เก่า มีบ้านเจ้าขุนมูลนายแต่ดั้งเดิม ปัจจุบัน โครงสร้างบ้านเรือนสถาปัตยกรรมเป็นในรูปแบบโบราณ บางบ้านก็รื้อไปแล้ว บางบ้านชำรุดทรุดโทรม ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนที่น่าจะฟื้นฟูอนุรักษ์ ความน่าสนใจของย่านกะดีจีน-คลองสานคือเป็น 3 ศาสนา 4 เชื้อชาติ คริสต์ อิสลาม ไทยพุทธ ไทยจีน ในแนวเส้นทางก็มีทั้งโบสถ์คริสต์ มัสยิด วัด ศาลเจ้า เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวอยู่แล้ว พอเอาความเป็นพื้นที่เรียนรู้เข้าไปก็ต่อยอดได้ เพราะถ้าเป็นท่องเที่ยวอย่างเดียว อย่างโควิดที่ผ่านมาเราไม่มีนักท่องเที่ยว ก็คือไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่พอเป็นการท่องเที่ยวเรียนรู้ มันดูน่าสนใจ อย่างแรกเลย เรียนรู้พื้นที่ก่อน ให้ความรู้ทางพื้นที่ว่ามีดีอะไร ประวัติความเป็นมา อย่างคลองสานติดแม่น้ำ คนไทยสมัยก่อนเดินทางทางเรือ ดังนั้นก็มีท่าเรือ โรงเกลือ โรงน้ำปลา ที่ไปทางบกอาจจะลำบาก แล้วทางพื้นที่แม่น้ำอย่างฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดปลา สะพานปลา มีการแลกเปลี่ยนค้าขายกัน เชื่อมโยงเป็นเส้นทางการค้าการอยู่อาศัย เมื่อมีชุมชนก็ต้องมีสถานที่สำคัญ สถานที่ทางศาสนา พอเป็นแหล่งเรียนรู้เราสามารถใส่พวกนี้ได้ แล้วก็เนื่องจากว่าเป็นชุมชน ระยะทางถือว่าเดินถึง ทำเป็นเส้นทางได้ ถ้ามองระยะทางอาจจะยาว แต่ระหว่างทางมีจุดแวะ จุดชมวิว ชมสวน ชมวัด เราดีไซน์เส้นทางไว้ ประชาสัมพันธ์เส้นทางผ่านทางเพจของสำนักงานเขตเอง คณะกรรมการชุมชนมีการจัดประชุมทุกเดือนเราก็แจ้งในที่ประชุมว่ามีอย่างนี้ ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ หรือมีการจัดงาน เทศกาลถนนคนเดิน เราก็ประชาสัมพันธ์ไปล่วงหน้า
เรามีเส้นทางเดินยาวๆ ครึ่งวัน หนึ่งวัน คือนักท่องเที่ยวมา จะมีปักหมุดสถานที่สำคัญ บางคนรู้ข้อมูลจะไปตรงจุดนั้นๆ เลย พอไปถึงจุดนั้น ได้ฟังเรื่องราว เขาอาจจะไปจุดต่อไปได้ กับอีกที อาจจะเดินไม่ไหว ก็มีเส้นทางจักรยานหลักหนึ่งเส้นจากย่านกะดีจีน ขี่เข้ามาจากถนนพญาไม้ ใกล้ๆ สะพานพระปกเกล้า หรือบางทีข้ามเรือมาจากท่าดินแดง ปั่นจากท่าดินแดงเข้ามาทางถนนสมเด็จเจ้าพระยา ซอยโรงเกลือ ปั่นมาเรื่อยๆ เข้าถนนเจริญนคร คือในพื้นที่เขตเราปักหมุดแหล่งสถานที่สำคัญ คนก็ดีไซน์เส้นทางมาได้ ส่วนตัวอยากแนะนำเส้นถนนสมเด็จเจ้าพระยา เนื่องจากเขตคลองสานเป็นสถานนิวาสเดิมของสมเด็จย่า มีอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ สวนสมเด็จย่า เป็นกึ่งสวนสาธารณะ เป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย มีความร่มรื่น ใกล้เคียงก็จะมีวัด มัสยิด ศาลเจ้า เรียกว่าครบถ้วน และมีร้านอาหาร คาเฟ่เป็นจุดเช็คอินเพิ่มเข้ามา
ในส่วนของภาคราชการ แนวทางพัฒนาชุมชนคือต้องสอบถามคนในพื้นที่ก่อน เพราะเขาอยู่ของเขาอาจจะมีความสะดวกสบายอยู่แล้ว การจะเอานักท่องเที่ยวเข้าไปเลยหรือดำเนินการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว จะมีผลกระทบต่อเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเขตเองก็รับนโยบายการจัดถนนคนเดินกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชน เราก็ไปเลือกจุดตรงใกล้เคียงสวนสมเด็จย่าทำเป็นถนนคนเดินตรอกดิลกจันทร์ มีร้านค้ามา 130 กว่าร้าน คนมาขายก็ชุมชนดำเนินการ เขตประสานงาน พูดคุยรูปแบบการจัดงาน การมีส่วนร่วมของหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ร้านค้าส่วนนึงก็คนที่อยู่ในชุมชน เขาอาจมีร้านอยู่แล้ว หรือมีฝีมือที่จะทำอาหาร ทำของใช้ อีกส่วนคือพื้นที่ข้างเคียง มาขอล็อกค้าขายเพิ่มเติม อย่างมีอยู่เจ้านึง ปกติขายอย่างอื่น แต่พองานนี้ เขาทำผัดไทยขาย ซึ่งพอจบงานไป ผัดไทยเจ้านี้ก็หากินไม่ได้ละ หรืออย่างเช่นตอนนี้ที่มีการพัฒนาพื้นที่เอกชนข้างโรงเกลือซึ่งเดิมเจ้าของที่ปล่อยให้เป็นพื้นที่รกร้าง คืออย่างที่บอก เขตมีระเบียบราชการอยู่ พอมีภาคประชาสังคมเข้ามาดำเนินการ พูดคุยกับเจ้าของพื้นที่ เจ้าของที่ยินยอม เราก็สามารถเข้าไปพัฒนาพื้นที่ได้ ซึ่งพอพื้นที่ได้จัดกิจกรรมกันแล้ว คนในชุมชนเองก็มาพูดคุยว่า อยากได้ดนตรีในสวน ฉายหนังกลางแปลง ก็ลองคุยกันดูว่าควรจะนำหนังเรื่องอะไรมาฉาย หรือจะมีผลกระทบต่อชุมชนรอบข้างมั้ยก่อนดำเนินกิจกรรม ก็ต้องมีการพูดคุยกันก่อนว่าคนในพื้นที่โอเคมั้ย ควรจะจัดช่วงไหน กี่วัน พอฟังเสียงประชาชนก็เข้ากับนโยบาย อย่างน้อยจัดแล้วคนก็จะมา”
ยศธน ต้นโพธิ์ทอง
นักพัฒนาสังคมชำนาญการ รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตคลองสาน
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…