“ปีนี้แม่อายุ 71 แล้ว เป็นนายกสามาคมหมอลำ จังหวัดขอนแก่น ตอนนี้สอนในนามศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทย จะมีทั้งลูกศิษย์คนอื่น ทั้งลูกศิษย์ตัวเองเข้ามาอยู่ในสมาคมเป็นร้อย แล้วก็ที่อยู่ตามออนไลน์พวกโซเชียล อีกไม่รู้เท่าไหร่ เพราะแม่ทำคลิปเผยแพร่ทางนั้นด้วย มีบางคนที่อยู่ใกล้ๆ เขาเรียนจากออนไลน์แล้วก็จะนัดมาขอซ้อมให้ดูที่ศูนย์การเรียนก็มี นอกจากสอนที่ศูนย์ และสอนออนไลน์ แม่ก็รับเชิญไปสอนเป็นอาจารย์พิเศษช่วงเสาร์อาทิตย์ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น พวกที่เรียกเอกการแสดง แล้วสนใจหมอลำก็จะได้มาเรียนกับแม่ แม่สอนนักเรียนพวก ป.โท กับป.เอก ด้วยนะ เพราะเรียนจบด็อกเตอร์ก็เลยสอนพวกชั้นสูงๆ ได้
แม่มองหมอลำว่าเป็น จิตวิญญาณของวัฒนธรรมอีสาน ทุกบ้านทำบุญจะต้องมีหมอลำ รวมไปถึงงานศพก็มี ฉลองวันเกิดลูกก็มา เรียกว่าอยู่ในทุกช่วงชีวิตของคนอีสาน ตัวหมอลำเองก็เป็นการรวมกันของศิลปะหลายแขนง มีฟ้อนรำ มีร้อง มีต่อกลอน ไหนจะการแสดง ดนตรี เวที แสงเสียง มันคือการรวมตัวของศิลปะความรู้อย่างคนอีสาน แถมยังสามารถสอดแทรกเรื่องราวที่ตามสมัยเข้าไปได้ เช่น ยุคหนึ่งจะมีการรณรงค์เรื่องการกินปลาดิบ หรือเรื่องยาเสพติด เรื่องไม่สูบบุหรี่ หรือจะเตือนเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆ ก็ให้หมอลำแต่งเป็นกลอนรำผ่านสื่อ ไม่ก็แสดงบนเวทีตระเวนไปในที่ต่างๆ อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับไหวพริบของหมอลำด้วย เพราะคนฟังจะหลากหลาย มีทั้งกลุ่มคนแก่ คนหนุ่ม ถ้าเป็นคนหนุ่มๆ มาฟังเราก็ประยุกต์หน่อย เขาเรียกว่า ‘หมอลำซิ่ง’ จังหวะทำนองก็จะเป็นจากช้าไปเร็ว เนื้อหาก็ทันยุคทันสถานการณ์ แต่ไม่ไปวิพากษ์วิจารใครนะ อันนี้ไม่ได้ต้องขออนุญาตคนตนเรื่องด้วย บางทีก็มีการแร็พแบบฮิปฮอปเข้ามาผสม ม่วนไปใหญ่ นี่แหละ Soft power ของแท้ ไหลไปได้ทุกวงการ (หัวเราะ)
ที่บอกว่าหมอลำรันทุกวงการอันนี้ไม่เกินจริงนะ ใครเป็นหมอลำชื่อติดแล้วก็จะตลอดๆ ทั้งปี ทั้งปีหมายถึง 9 เดือนนะ เขาจะหยุดกันช่วงเข้าพรรษา ถือเว้นกันไป 3 เดือนเหมือนพระสงฆ์เลย ช่วง 3 เดือนนั้นก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาของการซักซ้อม ปรับปรุงตัว และได้พักยก ก่อนจะลุยงานกันยาวๆ 9 เดือนวันหยุดประเพณี ปีใหม่ สงกรานต์ คนเขาหยุดกันเราไม่ได้หยุด ถ้าให้พูดถึงขอนแก่นกับงานหมอลำ งานใหญ่ก็ต้องงานไหมผูกเสี่ยว (เทศกาลไหม และประเพณีผูกเสี่ยว จัดขึ้นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี) จัดติดต่อกัน 12 วัน อย่างแม่เนี่ยต้องขึ้นแทบทุกวันเลยนะ
ล่าสุดนี้แม่ร่วมกับลูกหลานๆ แต่งกลอนหมอลำโคแฟค (Cofact) มาจากคำว่า โฆษณานั้นแหละ รวมกับคำว่า Fact (ข้อเท็จจริง) เป็นหมอลำที่รณรงค์เรื่อง Fake News ให้คนเท่าทันสื่อ กระตุ้นให้คนตระหนักว่าไม่ชัวร์อย่าแชร์ หรือให้ระวังพวกมิจฉาชีพมาหลอก แม่ก็แต่งเป็นกลอนรำให้ลูกศิษย์ลูกหาไปใช้เผยแพร่กันต่อ หรืออย่างที่ทางการเขาจะทำเมืองให้เป็น smart city แม่ก็เป็นคนแต่งกลอนรำ ทำให้เขาไปสองแบบ แบบเก่าหนึ่งกลอน แบบใหม่อีกหนึ่งกลอน เขามาจ้างเรา เวลามีโครงการอะไรแล้วอยากให้เขาถึงคนง่ายๆ เขาก็จะนึกถึงหมอลำ และนึกถึงแม่ หรือจะแต่งกลอนรำไปสอนเด็กนักเรียนในโรงเรียน 11 โรงเรียนในเทศบาล แม่ก็ทำให้เห็นว่ามันจะดีกับลูกหลาน ดีกับบ้านเมืองแม่ก็ช่วยไปทำ
สำหรับแม่ หมอลำมันหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณคนอีสานมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาแต่ปู่ย่าตาทวด มาจนถึงปัจจุบัน เด็กยุคใหม่มีกลุ่มที่สนใจอยู่มาก เขาก็มาสานต่อเองซึ่งเราไม่ได้บอกเขาว่า “ลูกหลานอย่าทิ้งวัฒนธรรมประเพณีอีสานเรานะ” แต่เขาสนใจ เขาซึมซับ เพราะมันอยู่ในวิถีคนอีสานอยู่แล้ว ใครรักใครชอบก็มาเรียนได้เลย ยิ่งเดียวนี้มันง่าย Facebook บ้าง YouTube มันไปได้ไกล แม้จะไม่ 100% เหมือนมันหัดเรียนกับครู แต่ก็เป็นเรื่องที่ดี ให้หมอลำจะอยู่ยืนยงคู่คนอีสานกับคนไทยต่อไป”
ดร.ราตรี ศรีวิไล บงสิทธิพร
ราชินีหมอลำซิ่ง และแม่ครู ศูนย์การเรียนภูมิปัญญาไทยแม่ครูราตรีศรีวิไล ด้านศิลปกรรมการแสดงพื้นบ้าน
“พื้นเพของครอบครัวผมเป็นนักการเมืองและนักธุรกิจ คุณตาของผม สันติ์ เทพมณี เป็นอดีตรัฐมนตรี สส. และ สว. ของจังหวัดลำพูน พ่อของคุณตา - สุข เทพมณี ก็เป็นอดีตนายกเทศมนตรีเมืองลำพูน (พ.ศ.…
“ตอนเด็ก ๆ เราแทบไม่ได้ผูกพันกับลำพูน บ้านเกิดเลยนะ เราถูกส่งไปเรียนที่เชียงใหม่ เรียนมหาวิทยาลัยที่ขอนแก่น จบมาก็ไปทำงานกรุงเทพฯ อยู่หลายปี ระหว่างนั้นก็กลับมาเยี่ยมแม่บ้าง ไป ๆ มา ๆ ก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงเขา สุดท้ายเลยตัดสินใจย้ายกลับมาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมที่ลำพูนถึงพ่อแม่เราจะรับราชการครู…
ความสําเร็จของเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดบนฐานงานวิจัยและนวัตกรรม บพท. คุณสมศักดิ์ ลามอ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครปากเกร็ด (ดำรงตำแหน่ง มีนาคม 2567 - มีนาคม 2568) มุ่งยกระดับการบริการประชาชนด้วยนวัตกรรมและยุทธศาสตร์ทันสมัย เทศบาลนครปากเกร็ด ซึ่งเป็นเทศบาลขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ติดต่อกับกรุงเทพมหานคร มีประชากรในความดูแลกว่า 400,000…
ก้าวสู่ความสําเร็จของเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดบนฐานงานวิจัยและนวัตกรรม บพท. | ดร.นิมิตร จิวะสันติการ นายกเทศมนตรีนครลำปาง (ดำรงตำแหน่ง มีนาคม 2564- มีนาคม 2568) “เทศบาลนครลำปางในปี 2567-2568 เราได้ร่วมงานกับ บพท. ในการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยบริหารจัดการเมืองของเราให้เดินหน้าสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ ซึ่งก็ตรงกับแนวทางที่เรากำลังทำกันอยู่ที่ ด้วยเป้าหมายสิ่งที่เราปรารถนาที่สุดคือ จะทำให้เมืองของเราเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบ…
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…