“หนึ่งในโปรเจกต์สำคัญที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองกำลังเร่งขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้คือการพัฒนาศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรของจังหวัด ให้สร้างมูลค่าผ่านการเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งที่นี่ยังจะเป็นแห่งแรกๆ ของประเทศอีกด้วย
เพราะอย่างที่หลายคนทราบดี ระยองอยู่ในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เป็นเมืองอุตสาหกรรม ผู้ผลิตพลังงาน และผู้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ ของประเทศ ในฐานะ อบจ. ที่กำกับดูแลสาธารณูปโภคต่างๆ ของจังหวัด เราก็ควรใช้จุดแข็งที่เมืองเรามีอยู่แล้วมาช่วยบริหารจัดการให้มีความสมาร์ท สอดคล้องไปกับเมืองและบริบทของการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย
ในเฟสแรกเราได้จับมือกับ GPSC (บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)) อุทิศที่ดินให้เขามาทำโรงคัดแยกระบบปิด เพื่อใช้คัดแยกขยะก่อน จากนั้นเราก็ลงนามกับ อปท. ทั้งหมดในจังหวัด ให้ทุก อปท. นำขยะที่เก็บได้มาส่งให้ศูนย์เรา พร้อมกับที่เราคิดค่าขนส่งในราคาถูกกว่าที่อื่นเพื่อเป็นการจูงใจ
ในเฟสที่สอง GPSC ก็จะทำโรงงานที่รับขยะที่เรารวบรวมมาได้แปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า จากเดิมที่ อบจ.ระยองส่งขยะไปขายที่จังหวัดสระบุรี เราก็มีที่รับขยะและแปรรูปของเราเอง จนได้พลังงานไฟฟ้าที่ใช้เองในเมืองและส่งขายให้กับหน่วยงานต่างๆ ด้วย ขณะเดียวกัน เรายังมีแผนพัฒนารถขนขยะและรถที่ให้บริการสาธารณะของ อบจ. ให้เป็นรถ EV ในอนาคต แต่ก็อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และรอความชัดเจนจากนโยบายของรัฐบาลอยู่ พร้อมกันนั้นในศูนย์ดังกล่าว เรายังมีแผนใช้พลังงานโซลาร์เซลล์มาเสริม ทำให้ศูนย์แห่งนี้เป็นศูนย์สีเขียว เป็นที่ศึกษาดูงานในระดับประเทศและนานาชาติ
อบจ. ยังมีแผนจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ยังพื้นที่อื่นๆ ที่เราดูแลด้วย อาทิ อ่างเก็บน้ำดอกกราย เจดีย์กลางน้ำ และแลนด์มาร์คอื่นๆ รวมถึงใช้ระบบคาร์บอนเครดิตในพื้นที่ มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างรัฐและองค์กรเอกชนในจังหวัด
หรือเรือที่ใช้แล่นนำนักท่องเที่ยวชมป่าโกงกางใจกลางเมือง เราก็คิดว่ามันถึงเวลาต้องเปลี่ยนจากเรือเครื่องยนต์ให้เป็นเรือไฟฟ้าได้แล้ว ไม่ปล่อยคาร์บอน แถมยังไม่สร้างมลภาวะทางเสียงในพื้นที่ป่าด้วย แน่นอนตอนนี้งบประมาณยังสูงอยู่ แต่อย่างที่บอกว่าถ้ารัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนเรื่องนี้จริงจัง อีกหน่อย ทุกหน่วยงานก็อาจเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ในราคาที่เป็นไปได้เอง
พร้อมกับการทรานส์ฟอร์มการใช้พลังงานในเมืองให้สมาร์ทขึ้น อบจ.ระยองก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อเข้ามาร่วมขับเคลื่อนเมือง เพราะจนทุกวันนี้ ภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดของเราก็ยังต้องการคนมาทำงานอีกเยอะ ซึ่งจะดีมากๆ ถ้าคนที่เข้ามาเป็นลูกหลานชาวระยอง เขาเกิดที่นี่ โตที่นี่ ก็ควรต้องทำงานและรับเงินเดือนสูงๆ ที่นี่ ไม่ใช่ไปหางานทำที่อื่นๆ
ซึ่งสิ่งที่อบจ.ทำได้คือการยกระดับการศึกษาในสถาบันการศึกษาภายใต้สังกัดของเรา โดยเฉพาะในระดับวิทยาลัยเทคนิคซึ่งจะกลายมาเป็นกำลังผลิตสำคัญของเมือง ปีที่ผ่านมาท่านนายก (ปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง) จัดสรรงบประมาณถึง 650 ล้านบาท สนับสนุนโรงเรียนเพิ่มเติมจากที่กระทรวงศึกษาจัดสรรให้ ขณะเดียวกันเราก็ทำ MOU ให้วิทยาลัยเทคนิคและอาชีวะเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ เพื่อให้เกิดมีการแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษา อิมพอร์ตองค์ความรู้ใหม่ๆ เข้ามา เช่นเดียวกับการเชื่อมโยงสถาบันการศึกษาเข้ากับบริษัทต่างๆ
เด็กระยองนี่ถ้าฝึกงานกับบริษัทในระยองเขามีเบี้ยเลี้ยงให้นะครับ จบมาก็มีโอกาสเข้าทำงานในบริษัทหรือโรงงานต่างๆ ในจังหวัดได้เลย เรียกได้ว่าการเรียนในระดับวิชาชีพในระยองนี่ค่อนข้างมั่นคงในระดับหนึ่งเลย
เหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนที่ อบจ. มุ่งมั่นขับเคลื่อน ทำให้เมืองสมาร์ทไปพร้อมกับเทคโนโลยี และทำให้คนรุ่นใหม่ในระยองสมาร์ทไปพร้อมกับเมือง
มนตรี ชนะชัยวิบูลย์
ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…