“พื้นที่ของขลุงมี 3 พื้นที่ เดิมทีคนไทยเราอยู่ตามริมคลองขลุง ตั้งแต่ถนนสุขุมวิทไล่มาจนถึงแยกบ้านขลุง รีสอร์ท ชุมชนคนจีนอยู่ในตลาด คนเวียดนามอยู่โซนบ้านล่าง ซึ่งแต่ก่อนเขากีดกันกันหมด คนเวียดนามไม่มีน้ำจืดกิน ต้องเดินมาตักน้ำ ไม่แลกปลากุ้ง เลยทำให้วัฒนธรรมความผูกพันมีก็จริงแต่ไม่ได้ลึกซึ้งนัก ตัวผมเองเข้ามาโครงการพื้นที่เมืองแห่งการเรียนรู้ คือเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่ง แม่ผมเป็นคนขลุงพื้นถิ่นที่นี่ มีเชื้อสายชองมาพัวพันด้วย พ่อผมเป็นลูกจีนกับลูกเวียดนามผสมกัน เป็นคาทอลิก ผมเป็นลูกเสี้ยวละ เป็นพุทธ เลยผสมวัฒนธรรมของจีน ไทย คาทอลิก รู้ว่าวัฒนธรรมมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง เกิดมาจากคนเปลี่ยนแปลง ความเป็นไทย ความเป็นคาทอลิก แล้วผมเข้าไปคุยกับชาวบ้านในแต่ละกลุ่มได้หมด ชุมชนประชาร่มเย็นก็เป็นชุมชนคนไทยเก่าที่ไม่ได้ร่ำรวยนะ แต่ถ้าริมคลองขลุง ตรงสี่แยกโรงเจขึ้นไปถึงถนนสุขุมวิทซีกซ้ายทั้งหมดเป็นชุมชนเก่า ซึ่งมีประวัติศาสตร์ มีซากปรักหักพังของเมืองขลุงอยู่ บ้านเก่า หน่วยงานเก่า โรงเจมาสร้างทับไป แล้วตั้งแต่ริมสุขุมวิทมาถึงริมคลองจะเห็นบ้านใหญ่โตเป็นสิบๆ หลัง ตระกูลคนไทยที่มาอยู่ก็เกิดขึ้นมาจากริมคลองนี่แหละ
ผมมองเรื่องการเจริญเติบโตบนพื้นฐานความเป็นประวัติศาสตร์เมืองขลุง แต่ก็ไม่มีใครทำ ตอนทีมวิจัยเข้ามาจัดประชุมกลุ่ม ยิงคำถามว่า อยากให้ใครมาเที่ยวขลุง ขลุงมีอะไรดี ส่วนใหญ่บอกว่าอาหารทะเล แต่ผมบอกว่าข้าว อ้าว ขลุงมีข้าวด้วยเหรอ นี่ไง ไม่รู้ เพราะมันสูญพันธุ์ไปแล้ว ที่นั่งๆ กันอยู่ นาข้าวทั้งนั้น เรียก ข้าวสองน้ำ เป็นน้ำจืดน้ำเค็ม ซึ่งที่ผมโปรโมตว่าข้าวคือจุดเด่น อยากทำให้เป็นสินค้าตัวหนึ่งที่แตกต่าง ด้วยเหตุที่ว่าพื้นที่หรือภูมิทัศน์ของแต่ละที่บ่งบอกถึงผลผลิต กลิ่น รสชาติ ซึ่งจะแตกต่างกัน แต่พอไม่ได้รับการส่งเสริม มันก็หายไป กลายเป็นว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องซื้อข้าว สมัยก่อนน้ำก็ไม่ต้องซื้อ มีน้ำกิน ทุกวันนี้ต้องซื้อน้ำ เอาแค่สองอย่างนี้ก็ทำให้ลำบากกันหมด
คนที่ยังมีชีวิตอยู่ปัจจุบันเขาบอกว่า ถ้าพูดถึง เมืองขลุง มันคือพื้นที่ 3.18 ตารางกิโลเมตรในเขตเทศบาลเมืองขลุงเองนะ ถ้าโฟกัสเมืองแห่งการเรียนรู้ที่รวมตำบลตะปอนมาก็ต้องเป็นอำเภอขลุง แบ่งตามพื้นที่การปกครอง ไม่ต้องใช้คำว่า เมืองขลุง เพราะประวัติศาสตร์เมืองขลุงเขารู้ว่าอยู่ตรงศาลหลักเมือง โครงการพื้นที่เมืองแห่งการเรียนรู้ก็ดี ไปกระตุ้นจิตสำนึกวัฒนธรรมความเป็นรากเหง้าเรา ให้เด็กรุ่นใหม่ได้เห็นอะไรบ้าง เพียงแต่ติดเรื่องคนมาสานต่อ ไม่ให้ขาดช่วง ความเป็นเมืองขลุงดูเหมือนน่าจะมีอะไร แต่ตัวผู้นำท้องถิ่นยังไม่ได้รวบรวม ข้อมูลกระจัดกระจาย เหมือนเราดึงเทศบาลมาได้ละ พอหมดชุดปุ๊บ ว่ากันใหม่ วนไปอย่างนี้”
ศราวุธ เจียไพบูลย์
ประธานชุมชนประชาร่มเย็น เทศบาลเมืองขลุง
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…