“อาคารทุกหลังในตลาดใต้ถูกสร้างหลังยุค 2500 ทั้งหมดเป็นอาคารโมเดิร์นชุดแรกในเมืองพิษณุโลกซึ่งยังคงถูกใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้”

“ย่านตลาดใต้ พิษณุโลก เป็นหนึ่งในอีกหลายๆ ย่านเก่าในเมืองต่างจังหวัดทั่วประเทศที่กำลังเผชิญปรากฏการณ์ Gentrification หรือภาวะที่คนรุ่นใหม่ทยอยกันย้ายออกไปทำมาหากินนอกเมือง พื้นที่จึงเหลือแต่คนชรากับธุรกิจเดิมๆ ที่ขาดการสานต่อ และนั่นทำให้ย่านค่อยๆ ตายลง

ผมมีโอกาสร่วมกับทีมของอาจารย์ธนวัฒน์ ขวัญบุญ, ดร.อรวรรณ ศิริสวัสดิ์ อภิชยกุล และ ผศ.ดร.อุดมพร ธีระวิริยะกุล ทำวิจัยโครงการย่านสร้างสรรค์ที่ตลาดใต้ พิษณุโลก โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก สกสว. เมื่อปี 2562 โดยเราต่างเห็นว่าถ้ามีการฟื้นฟูตลาดใต้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวให้เมืองพิษณุโลกได้และประกอบกับที่ทางบริษัท พิษณุโลกพัฒนาเมือง จำกัด มีโครงการพัฒนาพื้นที่ริมน้ำน่านตั้งแต่บริเวณเชิงสะพานสุพรรณกัลยาไปจนถึงค่ายนเรศวร ในชื่อ ‘ริมน่านสามสี’ ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งพักผ่อนแห่งใหม่ ซึ่งตลาดใต้ก็อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วย เราจึงขับเคลื่อนงานวิจัยนี้ร่วมกัน

โจทย์ของพวกเราคือ ถ้าทั้งตลาดใต้และพื้นที่ริมน้ำน่านได้รับการฟื้นฟู มีพื้นที่สีเขียวให้ได้พักผ่อน มีแหล่งการเรียนรู้และจุดเช็คอินให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามา หรือมีแหล่งช้อปปิ้งหรือซื้อสินค้าแหล่งใหม่ นั่นจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากที่มาแค่ไหว้พระพุทธชินราช หรือเยือนพระราชวังจันทน์ แล้วก็ขับรถไปจังหวัดอื่นต่อ ให้พวกเขาเลือกที่จะพักค้างแรมที่พิษณุโลกต่ออีกหนึ่งคืน นั่นหมายถึงเศรษฐกิจที่จะกระจายสู่ผู้คนในเมือง

ในอีกทางหนึ่ง การฟื้นฟูนี้จะยังประโยชน์ให้คนในเมืองด้วย เพราะเราจะมีที่พักผ่อนหรือทำกิจกรรมแห่งใหม่ใจกลางเมือง รวมถึงช่วยดึงดูดให้คนรุ่นใหม่กลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว หรือสร้างธุรกิจใหม่ๆ ปลุกย่านให้กลับมามีชีวิตชีวา


ในฐานะที่ผมเป็นอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ บทบาทของผมคือการสำรวจกายภาพของย่าน ทำข้อมูลด้านประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม ทะเบียนอาคาร และพิกัดทางภูมิศาสตร์ จากนั้นก็พูดคุยกับชาวบ้านในตลาดใต้ในการหาความเป็นไปได้ในการพัฒนาพื้นที่ ในโครงการแรก ผมได้ทำแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ตามจุดต่างๆ ของย่านไว้เป็นตัวอย่าง โดยแบบที่ว่าไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีการปรับปรุงไปตามนี้ เพียงแต่ทำให้ทุกคนเห็นถึงความเป็นไปได้ว่า ถ้าเราปรับปรุงที่สาธารณะในย่าน มันจะออกมาเป็นแบบใดได้บ้าง และจะช่วยสร้างประโยชน์ให้คนในย่านได้อย่างไร

โครงการย่านสร้างสรรค์สิ้นสุดพอดีกับช่วงที่โควิด-19 ระบาดครั้งใหม่ เราหยุดพักไประยะหนึ่ง ก็พอดีกับที่ทาง บพท. เขามาให้ทุนสานต่อในกรอบของโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ ซึ่งก็ตรงกับลักษณะเฉพาะของตลาดใต้ที่เป็นย่านเก่าอันเปี่ยมด้วยเรื่องราว และเราก็เห็นตรงกันว่า ก่อนจะมีการพัฒนากายภาพย่าน ผู้คนในย่านจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจเรื่องราวและคุณค่าในชุมชนของตัวเองก่อน นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการวิจัย ‘ย่านเก่าเล่าเรื่อง’ ที่สโคปไปที่ย่านตลาดใต้และตลาดเจริญผลซึ่งอยู่ติดกัน

ในโครงการวิจัยนี้ ผมร่วมกับอาจารย์อุดมพร ขับเคลื่อนโครงการย่อยที่หนึ่ง ‘ประวัติศาสตร์สร้างย่านเพื่อการเรียนรู้สำหรับเทศบาลนครพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก’ โดยอาจารย์อุดมพรรับผิดชอบด้านการค้นคว้าประวัติของย่าน ผมกับทีมงานก็ทำเรื่องสถาปัตยกรรม และหาวิธีเชื่อมร้อยประวัติศาสตร์กับพัฒนาการด้านสถาปัตยกรรมของย่านออกมาเป็นชุดการเรียนรู้ให้คนในชุมชนและผู้ที่สนใจ

จากการค้นคว้า เราพบความเป็นไปได้ว่าตลาดใต้คือตลาดแห่งแรกของเมืองพิษณุโลก โดยมีหลักฐานย้อนกลับไปถึงสมัยรัชกาลที่ 3 จากบันทึกการจ่ายอากรเรือนค้าขายริมน้ำน่าน รวมถึงภาพวาดแผนที่ของพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ที่ระบุพิกัดตลาดใต้ว่าเป็นตลาดเมื่อปี พ.ศ. 2444 หรือราว 120 กว่าปีมาแล้ว


แม้ไม่มีหลักฐานทางภาพถ่าย แต่จากเอกสาร ก็พอทำให้เราเห็นภาพว่าแต่ก่อนตลาดใต้เป็นเรือนไม้ที่ส่วนหนึ่งตั้งอยู่ริมน้ำน่าน มีระเบียงไม้ยื่นออกไปทางแม่น้ำ กระทั่งเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อปี 2500 เผาผลาญเรือนไม้เหล่านี้จนหมดสิ้น ก่อนจะมีการฟื้นฟูเมืองครั้งใหญ่ด้วยการสร้างอาคารก่ออิฐถือปูนตามเทศบัญญัติของกรุงเทพฯ ในสมัยนั้น พร้อมมีการตัดถนนและวางผังเมืองใหม่ มีการสร้างหอนาฬิกาไว้เป็นแลนด์มาร์ค มีการตัดถนนทุกสายทางฝั่งตะวันออกให้วิ่งเข้าหาหอนาฬิกา และมีการขยายถนนฝั่งริมน้ำน่าน

จากการสำรวจอาคารในย่านตลาดใต้และตลาดเจริญผลทั้งหมด 303 อาคาร เราพบว่าอาคารทุกหลังถูกสร้างหลังยุค 2500 ทั้งหมดเป็นอาคาร คสล. และเป็นอาคารโมเดิร์นชุดแรกในเมืองพิษณุโลกซึ่งยังคงถูกใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้  

เช่นนั้นแล้ว จะกล่าวได้ว่าย่านตลาดใต้คือย่านที่ยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศของยุค 2500 ผ่านสถาปัตยกรรม ผมมักบอกผู้มาเยือนเสมอว่าให้สังเกตอาคารที่อยู่ตามมุมถนนที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอาคารบนถนนพุทธบูชาฝั่งริมแม่น้ำน่าน ที่ถ้าใครขับรถเลียบแม่น้ำเข้าย่านตลาดใต้ จะเห็นอาคารหลังนี้ก่อนใครเพื่อน

อาคารหลังนี้มีการสลักตัวอักษรปี 2500 ไว้ด้านบนเป็นการระบุปีที่ก่อสร้าง และมีลายดอกเหมยประดับอยู่แผงคอนกรีตด้านหน้า โดยลายดอกเหมยเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตระกูลของเจ้าของอาคาร ทั้งนี้ในตลาดใต้ มีการสำรวจพบตรารูปแบบนี้ 4 ลาย ได้แก่ เทพพนม บัวหงาย ดอกบัวตูม และดอกเหมย ทั้งหมดเป็นสัญลักษณ์บ่งชี้ถึงตระกูลต่างๆ ผู้เป็นเจ้าของอาคาร

ขณะที่หลายอาคารในย่านก็มีการนำสัญลักษณ์ของความเป็นจีนซึ่งมากับพื้นเพของผู้ประกอบการที่นี่ มาผสานกับความเป็นไทย จนเกิดเป็นอัตลักษณ์เฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการนำลวดลายของเครื่องปั้นดินเผาแบบจีนมาผสมกับลายไทย หรือการใช้เส้นโค้งมาประดับที่แผงหน้าอาคาร รวมไปถึงอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี 2540 ยังมีการพบเห็นการนำเสาคอริเทียนที่เป็นอิทธิพลตะวันตกมาใช้ เพื่อสะท้อนถึงความทันสมัยอีกด้วย

การมาชมตึกรามบ้านช่องในตลาดใต้ถือได้ว่าเป็นความรื่นรมย์ที่เพิ่มเติมเข้ามาจากการจับจ่ายใช้สอยหรือหาของอร่อยๆ กินในย่าน เพราะอาคารหลายๆ หลังก็ยังคงถูกใช้เป็นร้านค้าดั้งเดิมที่มีการสานต่อมาหลายต่อหลายรุ่น ซึ่งแน่นอน ร้านรวงเหล่านั้นก็บรรจุเรื่องเล่าที่น่าสนใจมากมาย โดยทีมวิจัยของเราก็ได้รวบรวมข้อมูลเหล่านี้ไว้จัดแสดงที่นิทรรศการภายในโรงงิ้วตรงข้ามศาลเจ้าพ่อเสือ

สำหรับผม ตลาดใต้ถือเป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่าพิษณุโลกเป็นเมืองที่มีต้นทุนทางประวัติศาสตร์อันดีเยี่ยม เพียงแต่ที่ผ่านมา ผู้คนให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์กระแสหลักอย่างเรื่องพระนเรศวรอย่างเดียว ผมจึงมองว่าถ้าเราพัฒนาย่านเหล่านี้ที่ประวัติศาสตร์ยังคงมีชีวิตอยู่คู่กับชุมชน สิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมจุดแข็งของเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างพิษณุโลกของเราได้อีกมาก”  

รองศาสตราจารย์ ศุภกิจ ยิ้มสรวล
อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร
นักวิจัยโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้พิษณุโลก

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[THE RESEARCHER]<br />ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์<br />หัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด เทศบาลเมืองลำพูน<br />นักวิจัยจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…

3 days ago

[THE CITIZENS]<br />ปริยาพร วีระศิริ<br />เจ้าของแบรนด์ผ้าไหม “อภิรมย์ลำพูน”

“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ   และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม   ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ไชยยง รัตนอังกูร<br />ผู้ก่อตั้ง ลำพูน ซิตี้ แลป

“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ธีรธรรม เตชฤทธ์<br />ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน

“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ชนัญชิดา บุณฑริกบุตร<br />ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน

“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม)  จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />นงเยาว์ ชัยพรหม<br />คนทำโคมจากชุมชนชัยมงคล

“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว  สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…

2 weeks ago