“ตอนผมเป็นเด็กอายุประมาณ 7 ขวบ ตอนเช้าหลวงปู่สุวรรณ วัดวิเวกสันติธรรม หัวหิน จะมาปลุก ไปหิ้วปิ่นโตหลวงปู่ออกบิณฑบาต แล้ววันหนึ่งผมไปเจอคุณตามุ้ย ประคำทอง ช่างต่อเรือฉลอมจิ๋ว ท่านนั่งทำเรือฉลอมอยู่ ราคาเรือฉลอมจิ๋วของท่านลำละตั้ง 700 บาท สมัยนั้นข้าวสารถังละ 20 บาทนะ ตอนนั้นก็ดูๆ ไม่ได้สนใจอะไร พอโตขึ้น ผมทำงานเป็นพนักงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาหัวหิน 20 ปี แล้วตอนคอมพิวเตอร์เข้ามาแทนที่มนุษย์ ทีนี้ใครอายุมาก ความรู้น้อย เงินเดือนเยอะ ให้พิจารณาตัวก่อน ผมก็เกษียณออกมาก่อนเลย ตอนนั้นก็ยังไม่รู้จะทำอาชีพอะไร เพื่อนที่ทำงานด้วยกันก็บอกว่าทำเรือของตามุ้ยสิ เราก็ทำไม่เป็น ความรู้เรื่องช่างไม่มี วันๆ ดูแต่ตัวเลข จับแต่ปากกา แต่ก็ลองทำดู มันทำไม่ได้จนจะล้มเลิกละ คุณเห็นทะเลมั้ย มันทั้งกว้างใหญ่ไพศาล จู่ๆ มีเรือมาเกยที่หาดทรายหน้าร้านเพื่อนของผม ก็ดำขึ้นมา เขาบอก “พี่ ได้เรือตามุ้ยมา” ผมดีใจมาก ขอเพื่อนมาทำแบบ กลับมาบ้านก็จุดธูป บอกว่าถ้าญาณวิถีของตามุ้ยยังมีอยู่ ยังรักที่จะให้เรือฉลอมจำลองนี้อยู่คู่คนหัวหิน ก็ขอให้ผมทำได้ แล้วผมก็แกะแบบ ก็ทำได้! ท่านไม่อยากให้มันหายไปจากหัวหิน ประวัติศาสตร์จะไม่มีคนเล่าถ้าไม่มีคนสานต่อ แล้วผมก็เรียนรู้เกี่ยวกับเรือฉลอม การเป็นมาเป็นไปของหัวหิน วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีทั้งหมดที่คนรุ่นเก่าได้ถ่ายทอดผ่านเรือฉลอมนี้ มีประวัติเยอะ เป็นเรือขนส่งสินค้าด้วย พอได้ปลาเอามาทำปลาเค็ม ขึ้นรถไฟไปขายที่กรุงเทพฯ เป็นอาชีพของชาวหัวหิน
เรือฉลอมจิ๋วทุกลำผมใช้ไม้สัก วิธีเริ่มต้นทำคือเอาไม้สักแผ่นเดียว ใช้เครื่องมือผ่าให้บางเพื่อให้ลายไม้เกิดขึ้น ไม่ใช้เลื่อยเพราะจะไปกินเนื้อไม้แล้วลายจะไม่ต่อกัน พอเป็นแผ่นแล้วก็ประกอบเป็นตัวเรือ เราทำสัดส่วน 9 ชิ้น เขียนกำกับไว้ 9 แผ่น หน้า A หน้า B เรือลำนี้ไม่มีตะปูเลยซักตัว เราใช้ไม้ไผ่สีสุกมาเหลาขนาดเท่าดอกสว่านตอกลงไปแล้วใช้กาวยึดเอาไว้ สาเหตุที่ไม่ใช้ตะปูเพราะพอลูกค้าได้หัตถกรรมของเราไปแล้ว ไปอยู่ในความชื้นหรืออะไร ตะปูจะเป็นสนิม หัตถกรรมก็จะไม่สวย แล้วหัตถกรรมของผมเกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ 9 ในแง่สัญลักษณ์เลข 9 ที่เราใส่ลงไปตามหลักเลขศาสตร์ 9 แผ่น 2 ด้าน 18 แผ่น ใช้ไม้ต่อเรือทั้งหมด 27 แผ่น ความยาวหัวเรือท้ายเรือลำลึก 36 เซนติเมตร ทุกเลขบวกกันได้ 9 หมด
ผมต่อเรือฉลอมจิ๋วมาสามสิบปี ได้รับประกาศนียบัตรหัตถกรรมแรงบันดาลใจคำสอนของพ่อ ได้รับตำแหน่งครูช่างของศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศเมื่อปี 2558 และที่ภูมิใจที่สุดคือ ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 แปรพระราชฐานมาวังไกลกังวล ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เอาเรือฉลอมผมเข้าไปทูลเกล้าถวายพระองค์ท่าน พระองค์ท่านรับสั่งมาว่า “ให้ไปบอกเขาด้วยว่า อนุรักษ์ไว้ อย่าทิ้ง” ผมจำได้ว่าตื่นเช้ามา รถตู้ 2 คันของศูนย์วัฒนธรรมฯ มาที่หน้าบ้าน หัวหน้าศูนย์ฯ มาบอกว่า “ดีใจด้วยนะ หัตถกรรมของคุณเข้าไปในวังแล้ว พระองค์ตรัสฝากมา” ดังนั้นผมก็ทำอาชีพอื่นไม่ได้
ตอนนี้ผมก็เปิดสอนฟรีให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจ คุณมาแต่ตัว อุปกรณ์เรามีให้หมด มีข้อแม้ว่าคุณกินข้าวมาหรือยัง ถ้าคุณไม่กินข้าว เราเอาข้าวให้กินอิ่มก่อน เราทำเป็นแหล่งเรียนรู้ ใครอยากรู้อยากเรียน เข้ามาได้เลย ผมก็ดูทักษะ รักที่จะมา ผมก็สอน อย่างแรก คุณทำบ้านเลขที่ก่อน ฉลุเลขไปติดบ้าน ช่วยเหลือไปรษณีย์ เคอร์รี่ได้ด้วย พอได้ปุ๊บ ก็สอนต่อเรือ สอนทำอย่างอื่น แต่บางคนเขาก็ไม่ได้ไปต่อเรือ เขาไปทำอย่างอื่น เขารู้จักการใช้เครื่องมือ รู้จักไม้ การแกะ งานเหลือเฟือเลย อย่างเขาไปทำป้ายชื่อ ฉลุตัวอักษร ใช้เครื่องมือที่เราทำมาเอง โดยที่ตลาดไม่มีขาย สั่งลาซาด้าก็ไม่ได้ ผมประดิษฐ์เครื่องมือขึ้นมา อย่างสว่านจิ๋ว ถ้าไม้หนา ใช้สว่านใหญ่เจาะไปมันก็ทะลุ สว่านหักบ่อยผมก็มีตัวลับสว่านให้ใช้งานได้ต่อ เราทำเรือฉลอมทั้งวัน มีสมาธิ จดจ่อ บางคนมาแป๊บๆ ขอเครื่องมือไป ก็ไปเลย ไม่กลับมา แต่อย่าไปคิดเครียด เราสนุกกับคนที่เข้ามา อย่างน้อยได้เล่าให้เขาฟังเรื่องหัวหิน เรื่องเรือฉลอม
งานของผมเน้นไปทางพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 คือเศรษฐกิจพอเพียง เราเห็นค่าของไม้ที่ทิ้งอยู่ตามกองขยะ ลูกศิษย์ที่ผมสอนเป็นโรคจิตทุกคน ทีแรกเขาผ่านกองขยะเขาไม่สนใจ ตอนนี้เห็นไม้โผล่จากกองขยะเขาวิ่งเข้าหาเลย เขารู้คุณค่า ถ้าผมไปซื้อไม้ท่อนนึงมันตั้งหลายตังค์ แล้วไม้สักเป็นไม้มงคลของไทย คุณสมบัติคือมอดไม่กิน แมลงไม่กิน ปลวกไม่กิน ไม่ยึดไม่หด พอเป็นไม้มงคล เหมือนใครได้เรือของเราไป มีความเป็นมงคลแก่บ้าน เป็นหัตถกรรมที่รับประกันตลอดชีวิต ถ้ามีเศษหยากไย่ ขี้จิ้งจก ขี้ฝุ่น เขาก็มาให้ผมทำความสะอาด พ่นแลกเกอร์ใหม่ เปลี่ยนใบเรือให้ใหม่ ลูกค้าก็พอใจ ผมขายอยู่ที่บ้านนี่ กับหน้าเพจ คนที่มาซื้อเรือผมมีหลายขั้นตอน ไม่ได้ได้ง่ายๆ เพราะเขาเสียสตางค์แล้วต้องให้เขาได้เต็มอิ่ม เขาอยากได้อะไรก็ทำให้ บางออเดอร์สามปียังไม่ได้ทำเลยเพราะเราทำพิเศษอย่างไม้ต้องหาให้ตรงกับความต้องการเขา หรืออยากได้อะไรที่เราไม่เคยทำก็ต้องทำให้ได้ หาทางหารูปแบบ มันมีกูเกิลให้หาได้
เคยมีคนดูถูกว่า ผมทำเรือฉลอมแบบนี้แล้วจะพอกินเหรอ จะรวยเหรอ ผมบอกชีวิตนี้ผมไม่ต้องการรวย มีข้าวพอกินทุกวันๆ พอใจละ เรานั่งทำงานตรงนี้ทุกวัน ทำสิ่งที่รัชกาลที่ 9 ท่านมอบให้เป็นคำพูดประโยคสั้นๆ ว่า “ให้อนุรักษ์ไว้ อย่าทิ้ง” เราทำสามวันได้หนึ่งลำ พันห้าร้อยบาท หักค่าอุปกรณ์ก็เหลือไม่เท่าไหร่ แต่เราพอใจ และเผื่อถ่ายทอดให้คนที่สมัครใจ มีจิตวิญญาณที่อยากมาทำ บอกคนที่มาเรียนว่า เรามาทำเรือฉลอม ยุงกัดขาเราไม่รู้เรื่องเพราะมีสมาธิ มุ่งมั่น พอทำเสร็จเราก็ภูมิใจ แต่ยุงกัดแดงเต็มขาเลย ตอนนี้ก็เหมือนให้งานเป็นครูบาอาจารย์ สอนให้เราปฏิบัติ ทำยังไงไม้แผ่นเดียวให้ออกมาทีละแผ่น พอทีละแผ่นเราทำยังไงให้ไม้สนิทกันไม่ให้มีรูโหว่ขึ้นมา ให้มันเกิดความเนียน ลูกค้าฝรั่งที่ชอบงาน เขาบอกว่างานของเราทุกชิ้นเป็นมาสเตอร์พีซ ไม่เหมือนกันเลยสักลำ รูปแบบเหมือนกัน แต่ลายไม้ไม่เหมือนกัน ไม่ได้ทำจากเครื่องจักร งานมันมีจิตวิญญาณของคนทำอยู่ในนี้”
ธนเดช บุญนุ่มผ่อง (ลุงเปีย)
ช่างต่อเรือฉลอมจิ๋ว
ครูช่างศิลปหัตถกรรม สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACIT) ประจำปี พ.ศ. 2558
“ระบบนิเวศอีสปอร์ตคือฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะผ่านการยกระดับศักยภาพของผู้คน” ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน สื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook, Instagram หรือ YouTube ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางสื่อสารหรือความบันเทิงอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นเครื่องมือสร้างอาชีพ และพัฒนาทักษะของผู้คนทั่วโลก เช่นเดียวกับ “อีสปอร์ต” (Esports) หรือการแข่งขันวิดีโอเกม ที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ…
เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ไม่ใช่แค่เรื่องของเซ็นเซอร์ แพลตฟอร์ม หรือระบบ AI ที่แม่นยำ แต่หัวใจที่แท้จริงของมันคือ “ผู้คน” – เพราะถ้าขาดการรับฟังเสียงสะท้อน หรือกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เมืองจะไม่มีวันรู้ว่าควรก้าวไปทางไหนแต่ในโลกหลังโควิด-19 ที่ลานกิจกรรมถูกแทนที่ด้วยหน้าจอมือถือ—หน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่บริหารเมืองกลับเข้าไม่ถึงประชาชนได้มากพอ…
“แม้จะเป็นการเล่นเกม แต่นครสวรรค์ก็ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะนี่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่เปลี่ยนให้เมืองผ่านกลายมาเป็นจุดหมายของใครหลายคน” เมื่อเอ่ยถึงนครสวรรค์ คุณนึกถึงอะไร? ประตูสู่ภาคเหนือ, “เมืองปากน้ำโพ” ชุมทางการค้าทางเรือในอดีต, เทศกาลตรุษจีน, ขนมโมจิ, ดินแดนอาหารอร่อย หรือ “พาสาน” แลนด์มาร์กแห่งใหม่กลางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ภาพจำเหล่านี้คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึง…
“เรามีโครงสร้างพื้นฐานในการเป็นสมาร์ทซิตี้พร้อมแต่ที่ผ่านมา เรายังไม่มีกลไกในการพัฒนาบุคคลในกรอบนี้และอีสปอร์ตจะกลไกหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากเด็กและเยาวชน” ไม่เพียงแต่เทศบาลนครนครสวรรค์จะเป็นหนึ่งในเทศบาลแห่งแรกที่ได้รับการคัดเลือกโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ให้เป็น เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตั้งแต่ปี 2564 หากแต่ในปัจจุบัน เทศบาลนครซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ…
“ผมไม่ได้ฝันว่าจะต้องมีซิลิคอนวัลเลย์ในนครสวรรค์แต่หวังว่าเราจะสามารถสร้างงานให้เด็กคนหนึ่งไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯไม่ต้องทิ้งบ้านเกิดไปเพราะไม่มีโอกาส” “ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลพาโลกไปไกล เกมกลายเป็นสื่อที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างน่าทึ่งผมยกตัวอย่างลูกชายผม เขาเรียนอยู่ ป.1 มีเกมอยู่ 2 เกมที่เขาเล่นประจำ คือ Sprunki และ Roblox สองเกมนี้เน้นเรื่องการแปรรูปจินตนาการให้กลายเป็นรูปธรรม ตอนแรกผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกมนี้หรอก จนมาศึกษา…
“ผมไม่ได้ปฏิเสธการศึกษาในระบบ แต่ถ้าเราสามารถสร้างทางเลือกให้กับเด็กที่มีความฝันจริงจังผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็ควรต้องหาวิธีส่งเสริมพวกเขา” “สำหรับการขับเคลื่อนอีสปอร์ตให้กลายเป็นหนึ่งในกลไกการพัฒนาเมือง ผมมองออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกคือ ผมเคยสอนวิชาอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่คณะบริหารและการจัดการ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา และตระหนักดีว่าสิ่งที่ทำให้ศาสตร์นี้ รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับผู้เรียน…