แม้จะมีจุดเด่นคือความสงบและน่าอยู่ แต่ด้วยทำเลที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และเมืองหลักศูนย์กลางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคอย่างชลบุรี ฉะเชิงเทรา หรือระยอง เทศบาลเมืองพนัสนิคมจึงไม่สามารถฉกฉวยโอกาสต่อยอดฐานเศรษฐกิจจากเมืองหลักที่รายล้อม และทำให้คนรุ่นใหม่ในเมืองจำใจละทิ้งบ้านเกิดไปแสวงหาโอกาสจากเมืองเหล่านั้นแทนอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นทำให้ในขณะที่พนัสนิคมกำลังประสบกับสภาวะ “เมืองหด” จากการที่ประชากรรุ่นใหม่ย้ายออกไปทำงานต่างถิ่น ขณะที่ตัวเมืองก็เข้าสู่สภาวะสังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ โดยในปี 2564 เมืองแห่งนี้มีผู้สูงอายุคิดเป็นร้อยละ 25.89 ของประชากรทั้งหมด (ผู้สูงอายุจำนวน 2,594 คน จากทั้งหมด 10,600 คน)
พนัสนิคม เป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดีที่มีอายุกว่า 1,500 ปี ชื่อเมืองแห่งนี้ ถูกสถาปนาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 (พ.ศ. 2371) โดย คำว่า “พนัส” แปลว่า “ป่า” และ “นิคม” แปลว่า “หมู่บ้านขนาดใหญ่”
ไม่ว่าจะสอดพ้องในความหมายของชื่อเมืองอย่างตั้งใจหรือไม่ หากในปัจจุบัน ท่ามกลางความหนาแน่นของนิคมอุตสาหกรรมของจังหวัดชลบุรี เทศบาลเมืองพนัสนิคมก็กลับยังเป็นหนึ่งในพื้นที่ไม่กี่แห่งที่เป็นเหมือน “โอเอซิส” ใจกลางแหล่งอุตสาหกรรมสำคัญระดับประเทศไว้ได้อย่างน่าสนใจ
ห่างจากอำเภอเมืองชลบุรีราว 30 กิโลเมตร บนพื้นที่เหนือสุดของจังหวัด เทศบาลเมืองพนัสนิคมที่มีขนาดเพียง 2.76 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรราว 10,600 คนกลับมีสวนสาธารณะมากถึง 6 แห่ง ไม่เพียงเท่านั้น พนัสนิคมยังคว้ารางวัลด้านการบริหารจัดการเมืองอย่างยั่งยืนทั้งระดับประเทศและนานาชาติมาแทบนับไม่ถ้วน ทั้งเมืองต้นแบบของการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในระดับอาเซียน เทศบาลเมืองที่มีค่าดัชนีความน่าอยู่สูงสุด อันดับที่ 1 ของประเทศ (จากสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา หรือ LDI AWARDs) รวมถึงได้รับการคัดเลือกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้เป็น 1 ใน 1,000 เมืองระดับโลก ที่ช่วยรณรงค์ด้านการพิทักษ์ชีวิตและสุขภาพของคนเมือง เป็นต้น
ในขณะที่เมืองอื่น ๆ ในพื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยเครื่องจักรอุตสาหกรรม พนัสนิคมก็กลับขึ้นชื่อเรื่องการเป็นแหล่งผลิต “เครื่องจักสาน” และมีการส่งออกจนได้รับการยอมรับระดับสากล ซึ่งเป็นเมืองไม่กี่เมืองในภาคตะวันออกที่ยังคงรักษาอัตลักษณ์งานหัตถกรรมพื้นถิ่นไว้ได้อย่างงดงาม เช่นเดียวกับอัตลักษณ์ด้านศิลปวัฒนธรรมและประเพณี อันเกิดจากการหลอมรวมของชาวลาวเวียง ชาวจีน และชาวไทยอย่างเปี่ยมเสน่ห์
แต่ถึงกระนั้น ด้วยคาแรกเตอร์ของการเป็นเมืองการค้าเก่าแก่อันเงียบสงบ และโอเอซิสใจกลางย่านอุตสาหกรรม พนัสนิคมจึงต้องเผชิญกับความท้าทายระดับสากล ทั้งด้านสังคมสูงวัย (Aged Society) เศรษฐกิจ และการขาดไร้โอกาสด้านหน้าที่การงานแก่คนรุ่นใหม่ เฉกเช่นเมืองขนาดเล็กเมืองอื่นทั่วประเทศ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
นี่คือโจทย์สำคัญของเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เมืองน่าอยู่ระดับโลก” ที่จะทำอย่างไรให้สถานะดังกล่าวมีความหมายมากกว่าการเป็นเมืองน่าอยู่ ที่จำกัดอยู่เพียงในกรอบของการพักอาศัย
WeCitizens ฉบับนี้ พาผู้อ่านไปสำรวจเทศบาลเมืองพนัสนิคม เบื้องหลังการทำเมืองให้ขึ้นชื่อในระดับโลก และภารกิจของคนพนัสฯ ในการเชื่อมโยงต้นทุนที่มี เปลี่ยนให้เมืองแห่งนี้สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการลงทุน และเป็นเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดสำหรับผู้คนทุกช่วงวัยอย่างแท้จริง
“แม้เทศบาลเมืองพนัสนิคมจะมีความพยายามในการดำเนินงานพัฒนาเมืองอย่างดีที่สุด พนัสนิคมก็ยังประสบปัญหาสำคัญที่เรียกว่า ‘เมืองหด’ อันเป็นผลมาจากเมืองพนัสนิคมได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ”
โครงการวิจัย เศรษฐกิจสร้างสรรค์และการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อบูรณาการคนรุ่นใหม่ภายใต้แนวทางการมีส่วนร่วมของเขตพัฒนาเทศบาลเมืองพนัสนิคม เป็นโครงการวิจัยในโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด นำโดยเทศบาลเมืองพนัสนิคม ร่วมกับทีมนักวิจัยด้านสังคมศาสตร์และสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยบูรพา และนักวิจัยด้านการออกแบบผังเมืองจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อรับมือกับสถานการณ์ “เมืองหด” โดยเน้นใช้จุดแข็งด้านสิ่งแวดล้อมและทุนวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย รวมถึงเน้นย้ำเสน่ห์ของพหุวัฒนธรรมดั้งเดิมให้กลับมาโดดเด่น เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจในวิถีชีวิตท้องถิ่นเข้ามาอยู่อาศัยและมีส่วนร่วมในชุมชน
ทั้งนี้ การดำเนินงานวิจัยแบ่งออกเป็นหลายช่วง เริ่มจากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ เช่น การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง การประเมินศักยภาพการพัฒนา โดยใช้เครื่องมือ SWOT Analysis เพื่อวิเคราะห์ทุนท้องถิ่น (เช่น ที่ดิน มนุษย์ วัฒนธรรม และความหลากหลายทางชีวภาพ) ภายใต้กรอบ STEEPI Analysis รวมถึงการประเมินผลการดำเนินงานของทั้ง 7 ย่านในพนัสนิคม ได้แก่ ย่านประวัติศาสตร์ ย่านวิถีชีวิตและภูมิปัญญา ย่านตลาดจักสาน ย่านตลาดเก่า ย่านเอ็งกอ ย่านพนัสชวนชิม และย่านพนัสสร้างสรรค์บันดาลใจ โดยมุ่งเน้นการนำทุนวัฒนธรรมมาปรับใช้ให้เข้ากับสังคมร่วมสมัย
นอกจากนี้ ยังมีแผนเชิญชวนกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมกับการสนับสนุนให้พวกเขามีบทบาทในการคิดค้นแนวทางใหม่ ๆ โดยผลลัพธ์ที่คาดหวังจากโครงการนี้คือการสร้างแผนการดำเนินงานและนโยบายที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ดึงดูดประชากรวัยแรงงานเข้ามาอาศัย ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ อันเป็นการแก้ไขปัญหาเมืองหด โดยให้เทศบาลเมืองพนัสนิคมเป็นเมืองต้นแบบให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และชุมชนจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อผลักดันให้เกิดการดำเนินงานต่อเนื่องในเทศบาลเมืองพนัสนิคม และขยายผลสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นต่อไป
โครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อบูรณาการคนรุ่นใหม่ภายใต้แนวทางการมีส่วนร่วมของเขตพัฒนาเทศบาลเมืองพนัสนิคม
วัตถุประสงค์ของโครงการ
“เราเป็นคนอำเภอเกาะจันทร์ แต่ช่วงมัธยมฯ มาเรียนที่พนัสนิคม ซึ่งเราเห็นว่าพนัสนิคมเป็นเมืองสะอาดมาตั้งแต่นั้น คือตั้งแต่ตอนเราเป็นเด็ก เมื่อหลายสิบปีก่อนแล้วนะ จนพอสอบบรรจุเป็นข้าราชการด้านสาธารณสุข ตอนเขาให้เลือกเทศบาลสังกัด เราจึงเลือกเทศบาลเมืองพนัสนิคม ซึ่งไม่ใช่เพราะที่ทำงานอยู่ใกล้บ้าน แต่เมื่อเราหาข้อมูล จึงรู้ว่าเมืองนี้จริงจังเรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมจริง ๆ จึงรู้สึกว่างานที่เราทำมันมีคุณค่า พอได้มาทำงานเราก็เห็นแบบนั้นจริง…
“เราเป็นคนบ้านบึง พื้นเพครอบครัวเราทำงานราชการสายท้องถิ่น พอเรียนจบจึงเลือกทำงานสายนี้ เราเคยเป็นลูกจ้างประจำในสำนักงานเทศบาลอีกแห่งหนึ่ง และย้ายมาบรรจุอีกหนึ่งที่ ก่อนตัดสินใจย้ายมาบรรจุที่เทศบาลเมืองพนัสนิคม เอาจริง ๆ ถึงแม่เราเคยทำเทศบาลฯ จนเกษียณที่นี่ แต่ก่อนหน้านี้ เราไม่มีความรู้สึกอะไรเกี่ยวกับพนัสนิคมเลย เราก็เคยขับรถผ่านและแวะกินก๋วยเตี๋ยวเป็ด และซื้อปลาร้า จำได้แค่ว่าเมืองนี้มีตลาดเก่าที่น่ารักดี และมีเครื่องจักสานขายเยอะเท่านั้นเอง…
ภายใต้โจทย์ในการแก้ปัญหาสภาวะ “เมืองหด” และทำให้เมืองที่น่าอยู่อยู่แล้วอย่างพนัสนิคม มีความน่าอยู่ที่ครอบคลุมถึงโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับคนรุ่นใหม่ เทศบาลเมืองพนัสนิคมจึงร่วมกับ บพท. ผ่านทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบูรพา และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ขับเคลื่อน โครงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อบูรณาการคนรุ่นใหม่ภายใต้แนวทางการมีส่วนร่วมของเขตพัฒนาเทศบาลเมืองพนัสนิคม เพื่อย้อนกลับมาสำรวจต้นทุนของเมือง รับฟังความคิดเห็นของประชาชน และร่วมกับเครือข่ายชุมชนในการรวบรวมและนำเสนออัตลักษณ์ของเมือง เพื่อสร้างแม่เหล็กดึงดูดให้คนรุ่นใหม่กลับมาช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจบ้านเกิด พร้อมบรรเทาปัญหาสังคมสูงวัยที่เมืองกำลังเผชิญ…
วิจัย อัมราลิขิต เป็นคนพนัสนิคม เริ่มทำงานการเมืองในฐานะสมาชิกเทศบาลในปี 2523 ก่อนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองพนัสนิคม เมื่อปี 2530 ความที่พื้นเพเขาเรียนมาด้านวิศวกรรมโยธา และมีความสนใจด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ภายหลังที่เขาเข้ารับตำแหน่ง สิ่งแรกที่เขาให้ความสำคัญคือการจัดการระบบระบายน้ำเสียของเมือง รวมถึงการต่อยอดโครงการจากนายกเทศมนตรีคนก่อน จรวย บริบูรณ์…
การทำงานวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัย การทดลองต้นแบบ หรือการปฏิบัติการจริงบนฐานความรู้ร่วมกับชุมชน และหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของประเทศไทยนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ วิธีการนี้ถูกติดตั้งและใช้งานกันมาจนคุ้นเคยผ่านระบบของสภาเทศบาล การทำงานของกองยุทธศาสตร์ และแผนงบประมาณ รวมไปถึงกลไกของภาคประชาชน บรรดานักวิชาการ ภาคประชาสังคม และเอกชน ทุกฝ่ายจึงต่างใช้เครื่องมือวิชาการ และงานวิจัยเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินงานร่วมกับท้องถิ่นแทบทั้งสิ้น แต่ในยุคที่ความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจ…
สร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อบูรณาการคนรุ่นใหม่ภายใต้แนวคิดการมีส่วนร่วมของเขตพัฒนาเทศบาลเมืองพนัสนิคม จ.ชลบุรี WeCitizens (Vol.3) พนัสนิคมเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด เมืองพนัสนิคม เมืองที่ได้รับการยอมรับว่าพรั่งพร้อมด้วยศักยภาพความเป็นเมืองน่าอยู่ รับรองด้วยรางวัลจากหลากหลายสถาบัน กับความท้าทาย และการแก้โจทย์สำคัญของเมือง จากปรากฏการณ์ "เมืองหด" ด้วยแนวทางการฟื้นฟูย่านเก่า และพัฒนาเมืองเพื่อชวนคนรุ่นใหม่กลับบ้าน บอกเล่าเรื่องราวโดย…