“เราสามคนไม่มีใครเป็นคนราชบุรีเลย แต่ย้ายมาเพื่อรับราชการครูที่นี่ ครูออยอยู่เมืองนี้มา 15 ปี ครูเจี๊ยบอยู่มา 13 ปี ส่วนครูสุรชัยอยู่มา 2 ปี แต่เราทั้งหมดก็หวังจะอยู่ที่นี่จนเกษียณ เพราะชอบเมืองนี้ ชอบวัฒนธรรม ความใกล้ชิดธรรมชาติ และผู้คนที่อัธยาศัยดี
เราไม่ได้สอนด้วยกัน ครูออยสอนสังคมและประวัติศาสตร์ ครูเจี๊ยบสอนฟิสิกส์ และครูสุรชัยสอนวิชาดนตรีพื้นบ้าน แต่ที่ได้ร่วมงานกันเพราะเราอยู่ในกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเหมือนกัน ซึ่งรับผิดชอบการประสานงานกิจกรรมเชิงสังคมนอกห้องเรียนของโรงเรียนเทศบาล 5 กับหน่วยงานต่างๆ
แต่เดิมกลุ่มสาระวิชาของพวกเราก็มีกิจกรรมนอกห้องเรียนอยู่แล้ว เพราะโรงเรียนเราเคยร่วมกับ ททท. สำนักงานราชบุรี ทำกิจกรรม ‘เจ้าบ้านน้อย’ โดยชวนให้นักเรียนในระดับชั้นต่างๆ มาเรียนรู้เกี่ยวกับเมืองราชบุรี และหาวิธีสื่อสารถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดออกมาด้วยรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งเพลง บทกลอน ละครเวที และอื่นๆ
โดยหลังจากนั้น ททท. ก็จัดตั้งศูนย์การท่องเที่ยวไว้ที่โรงเรียนของเราด้วย ซึ่งภายในศูนย์จะมีนิทรรศการเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัด และข้อมูลด้านความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ ทำให้นักเรียนได้โรงเรียนเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเมืองไปในตัว
พอมาปี 2564 ที่มหาวิทยาลัยศิลปากรประสานเข้ามาขอให้เด็กๆ เข้าร่วมกิจกรรมเมืองแห่งการเรียนรู้ เราจึงแทบไม่ต้องปูพื้นเรื่องเมืองให้เด็กๆ เลย เริ่มแรกเขาให้โจทย์มาว่าให้เด็กๆ ช่วยกันคิดถึงพื้นที่การเรียนรู้ในเมืองและจะนำเสนอด้วยวิธีการใด คุณครูมีหน้าที่รับฟังพวกเขา และให้คำปรึกษาถึงแนวคิดในการออกแบบเส้นทางการท่องเที่ยว โดยแทบไม่ได้ชี้นำใดๆ
หลังจากนั้นทางโครงการก็ขอให้เราส่งเด็กๆ เข้ามาร่วมกิจกรรมการออกแบบเมือง เราจึงส่งเด็กไป 2 ทีม ไปเข้าอบรมเชิงปฏิบัติการที่โรงแรม ณ เวลา และร่วมกันเสนอแนวคิดการออกแบบศูนย์การเรียนรู้เมืองราชบุรีในฝันของพวกเขา
นี่เป็นกิจกรรมที่ดีและกระตุ้นให้เด็กๆ ได้เรียนรู้พร้อมไปกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็เสียดายอยู่นิดตรงที่กิจกรรมนี้ยังเป็นเพียงโครงร่างการออกแบบ ที่เด็กๆ เขียนและวาดรูปนำเสนอบนกระดาษ จะดีมากๆ ถ้ามีการนำไปต่อยอดเป็นรูปธรรม
อาจไม่ถึงกับต้องเป็นโครงการจริงจังก็ได้ แต่อาจเป็นกิจกรรมนำร่องจากแนวคิดที่เด็กๆ คิดให้มีคนมาร่วมสัก 1 วัน หรือถ้ากลุ่มไหนคิดถึงการออกแบบของที่ระลึก ก็อาจจะมีอาจารย์มาช่วยพัฒนาแบบให้เป็นผลิตภัณฑ์สักจำนวนหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เด็กๆ รู้สึกภูมิใจ เห็นถึงศักยภาพของพวกเขาเอง และมีความคิดอยากมีส่วนในการพัฒนาเมือง”
ครูออย-สุภารัตน์ รัฐเรืองมณีโรจน์,
ครูเจี๊ยบ-จิราพร พาพลงาม (สอนฟิสิกส์)
และครูสุรชัย บุญยง (สอนดนตรี)
คุณครูโรงเรียนเทศบาล 5 (พหลโยธินรามินทรภักดี)
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…