“ผมเกิดและโตที่กรุงเทพฯ แต่ก็เหมือนคนกรุงเทพฯ หลายคนที่อยากหนีจากชีวิตวุ่นวายในเมืองใหญ่ เลยตัดสินใจย้ายมาเปิดร้านกาแฟที่เชียงใหม่เมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่พออยู่ๆ ไป ก็รู้สึกว่าเชียงใหม่ไม่ตอบโจทย์ คือแค่ไม่มีตึกสูง เชียงใหม่ก็รถติดไม่ต่างจากกรุงเทพฯ แถมเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ของผมก็ล้วนเป็นคนกรุงเทพที่มาทำธุรกิจ หรือไม่ก็ชาวต่างชาติหมด รู้สึกเหมือนหนีชีวิตมาเพื่อเจอกับชีวิตแบบเดิมแค่เปลี่ยนสถานที่ไปเท่านั้นเอง
จนมีอยู่วันหนึ่ง ราว 7 ปีที่แล้ว ผมตามแฟนที่เป็นทนายความมาว่าความที่จังหวัดแพร่ เราตัดสินใจแวะค้างคืนที่ลำปาง พอเช้าวันถัดมา เราพบว่าเราหากาแฟดื่มไม่ได้เลย ตอนนั้นแหละที่ทำให้คิดลองย้ายมาเปิดร้านที่ลำปางดู ร้านแรกผมเปิดขายแถวตลาดหลักเมือง อยู่มาได้หนึ่งปี พอทราบว่าเจ้าของที่ตรงริมแม่น้ำวังย่านกาดกองต้าเปิดให้เช่า ก็เลยย้ายมาเปิดที่นี่ ตอนนี้เปิดมาได้ 6 ปีแล้ว
เอาจริงๆ ช่วงมาอยู่ลำปางใหม่ๆ อึดอัดทีเดียว เมืองมันเงียบ ของกินไม่ได้หลากหลาย แล้วก็ไม่รู้จะไปพักผ่อนที่ไหน ก็มานั่งทบทวนดู การย้ายมาอยู่ที่นี่มันอาจเป็นอุบัติเหตุก็ได้ เพราะถ้าวันนั้นผมไปพักที่พะเยา หรือที่แพร่ และตื่นขึ้นมาไม่มีกาแฟดื่ม ผมก็อาจย้ายไปอยู่ที่นั่น
แต่ในทางกลับกัน ยอดขายร้านกาแฟมันค่อนข้างดีเลย อาจเป็นเพราะตอนที่ผมเปิด ร้านมันไม่ได้มากเหมือนทุกวันนี้ และเราก็รักษาคุณภาพอยู่เสมอ เลยมีลูกค้าประจำต่อเนื่องจนทุกวันนี้ ที่สำคัญพออยู่ๆ ไปก็พบว่าที่เราเคยอึดอัด เพราะเราใช้มุมมองแบบคนเมืองใหญ่มามองเมืองเล็ก จากที่เคยอยู่เมืองใหญ่ที่มีอะไรพร้อม มาอยู่เมืองเล็กๆ เงียบๆ ก็ย่อมไม่คุ้นเคยอยู่แล้ว แต่ทำไมผมไม่คิดล่ะว่าที่เลือกมาเมืองนี้ ก็เพราะอยากหนีความวุ่นวายไม่ใช่หรือ
เสน่ห์ของลำปางสำหรับผมจึงเป็นความเรียบง่าย ไม่แฟนซี แต่ขณะเดียวกันก็มีทุกอย่างที่ตอบโจทย์ชีวิตผมได้ ที่สำคัญลำปางมันไม่มีไฮซีซั่นหรือโลว์ซีซั่น เราทำกาแฟขายคนลำปาง อาจมีนักท่องเที่ยวมาบ้าง แต่หลักๆ คือเราทำให้คนที่นี่กิน เลยรู้สึกว่าชีวิตมันเรียบง่ายตรงไปตรงมาดี และจังหวะของเมืองก็ไม่เร่งรีบมาก แต่ถ้าถามว่าอยากให้เมืองมันเจริญกว่านี้ไหม แน่นอนครับ ผมอยากให้เจริญอยู่แล้ว แต่ก็อยากให้เจริญในมุมของคุณภาพชีวิตของผู้คนที่ดีขึ้น คนรุ่นใหม่มีงานที่มีค่าตอบแทนที่ดีกว่าทุกวันนี้แบบนี้มากกว่า
ก่อนย้ายมาลำปางมีช่วงชีวิตหนึ่งที่ผมเคยไปเปิดแกลเลอรี่เล็กๆ แถวกาดพระนอนในจังหวัดแพร่ ตอนนั้นผมยังถ่ายรูปอยู่ ผมก็จัดนิทรรศการภาพถ่ายในแกลเลอรี่แห่งนั้น เป็นภาพถ่ายแนวศิลปะที่มีคอนเซปต์ชัดเจน ปรากฏว่าพอจัดแสดงไป คนที่เข้ามาดูเขาไม่เข้าใจเลย เขาไม่รู้ว่าเราถ่ายภาพหรือจะเล่าเรื่องอะไร ผมก็เหวอไปพักหนึ่ง จนมาคิดได้ว่าภาพที่เราว่ามันเป็นศิลปะถึงมันจะมีคุณค่าในพื้นที่หนึ่ง แต่ถ้ามันไม่เชื่อมโยงกับคนอีกพื้นที่ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับชุมชนหรอกนะ นิทรรศการครั้งถัดไป ผมเลยถ่ายแนวสตรีท ถ่ายรูปผู้คนในแพร่ กลายเป็นว่างานนี้มีคนมาดูและชอบกันใหญ่ เพราะรูปถ่ายมันทำงานกับพวกเขา
นี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อมุมมองของผมทุกวันนี้ด้วย ผมมาเปิดร้านกาแฟที่ลำปาง ก็ไม่ได้คิดว่าร้านเราเจ๋งกว่าใครหรืออย่างไร เราแค่อยากทำกาแฟดีๆ ให้คนที่นี่ดื่มทุกวัน ให้ร้านเป็นส่วนหนึ่งของเมืองเมืองนี้ เท่านั้นเลยครับ”
ภัทรเชษฐ ปัตถา
เจ้าของร้านกาแฟมาหามิตร (Mahamitr)