“พื้นเพผมเป็นคนกาญจนดิษฐ์ สุราษฎร์ธานี มาอยู่นครศรีธรรมราชเพราะมาเรียนที่วิทยาลัยศิลปหัตถกรรม
เมื่อก่อนอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน พอจบมาใหม่ๆ ก็ไปอยู่กับพี่ดิเรก สีแก้ว
พี่ดิเรกค่อนข้างมีอิทธิพลกับผม เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ผมออกจากงานร้านป้ายไปรับงานเขียนรูปเหมือนอยู่เกาะสมุย พอมีโอกาสได้พบปะแกบ้าง เห็นว่าแกหันมาเขียนบทกวี ผมก็สนใจการอ่านการเขียนตามแกไปด้วย จนมีรวมเรื่องสั้นตีพิมพ์เป็นของตัวเองเล่มแรก (‘แดดเช้าร้อนเกินกว่าจะนั่งจิบกาแฟ’, รวมเรื่องสั้นรางวัลซีไรต์ปี 2554 – ผู้เรียบเรียง)
หลังจากหันมาเขียนหนังสือเป็นหลักอยู่ 3-4 ปี ก็มีคนรู้จักมาชวนให้ผมไปปั้นรูปปั้นสำหรับถวายวัด ช่วงนั้นไอ้ไข่วัดเจดีย์กำลังดัง ก็เลยได้งานปั้นรูปปั้นไก่แก้บนให้กับร้านค้าแถวนั้น ปรากฏว่างานชุกมาก ปั้นกันไม่ทัน จะบอกว่าขายดีจนเจ๊งก็ได้ เพราะทำไม่ทัน ออเดอร์เยอะจนเราทำงานเหมือนกรรมกร จึงขอหยุดดีกว่า
ทุกวันนี้ผมกลับมาปลูกบ้านอยู่กับแฟนที่อำเภอช้างกลาง ได้เขียนการ์ตูนอย่างที่เคยฝันไว้ตอนหนุ่มๆ (‘นักล่าวาฬ’ นิยายภาพรางวัลชนะเลิศ 7 Books Awards 2565) ทำภาพประกอบให้สำนักพิมพ์ของแฟน (สำนักพิมพ์เวลา https://www.facebook.com/TimePublishing) และเขียนหนังสือของตัวเอง
ทำไมต้องเป็นนครใช่ไหม นั่นสิ ผมเคยอยู่มาทั้งสุราษฎร์ เกาะสมุย ภูเก็ต และหาดใหญ่ แต่ก็พบว่าไม่มีที่ไหนดึงดูดผมได้เท่าที่นี่ อาจที่นี่เป็นเมืองใหญ่ที่ยังมีความเป็นท้องถิ่นอยู่ ขณะเดียวกันก็มีบรรยากาศของการศึกษาเรียนรู้อยู่ด้วย
ผมสังเกตว่าผู้คนในเมืองใหญ่ที่อื่นเขามักจะคุยเรื่องเงิน เรื่องความมั่งคั่งของตัวเอง แต่กับคนนคร ดูมีมิติที่น่าสนใจกว่า มีการถกเถียงแลกเปลี่ยนมุมมองทางสังคม มีความตรงไปตรงมาแต่ก็เป็นมิตร มีลูกล่อลูกชน และอารมณ์ขัน มันมีบรรยากาศของคนมีความรู้มานั่งคุยกันสนุกๆ มากกว่า นี่อาจเป็นเหตุผลที่ผมวนเวียนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
นครมันเป็นเมืองที่มีบรรยากาศของการเรียนรู้ แต่พื้นที่เพื่อการเรียนรู้กลับไม่ค่อยมี เราไม่มีร้านหนังสืออิสระ แกลเลอรี่ หรือพื้นที่และกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เท่าไหร่
ผมยังหวังเลยว่าคงดีมากๆ ถ้าวันเสาร์หรืออาทิตย์ ขับรถออกจากบ้านเข้าเมืองมาดูหนัง ซื้อหนังสือไปอ่านที่ร้านกาแฟ และแวะดูงานศิลปะก่อนกลับ นครคงน่าอยู่กว่านี้อีกไม่น้อย”
จเด็จ กำจรเดช
นักเขียน
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…