“ผมเรียนจบด้านไบโอเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยบูรพา จบมาช่วงโควิดพอดี เลยคิดว่ากลับมาตั้งหลักที่แก่งคอยบ้านเกิดเราก่อน เพราะที่บ้านมีผู้สูงอายุเยอะ ก็กลับมาช่วยพ่อดูแลอากง อาม่า และอาโก
พอดีกับตอนที่กลับทางบริษัท สระบุรีพัฒนาเมือง จำกัด ได้ร่วมกับ Depa (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล) และเทศบาลเมืองแก่งคอย ทำโครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมือง เปิดรับสมัครคนรุ่นใหม่มาทำงานโครงการสมาร์ทซิตี้เชื่อมกับทางเทศบาล ผมเลยสมัครเข้ามาทำงานนี้ และความที่ผมทำธุรกิจส่วนตัวปลูกผักไฮโดรโปนิกในโรงเรือนที่บ้านอยู่แล้วด้วย โดยส่งขายที่ร้านของพ่อในตลาดสดเป็นหลัก งานใหม่นี้ก็เลยลงตัว ได้ทำงานออฟฟิศตอนกลางวัน ได้ปลูกผักขายหารายได้เสริมที่บ้าน และมีเวลาให้ครอบครัว ที่สำคัญงานประจำนี้ ยังมีส่วนในการร่วมหาทิศทางพัฒนาบ้านเกิดผมไปพร้อมกันด้วย
บทบาทของนักดิจิทัลพัฒนาเมืองของผม นอกจากประสานระหว่าง Depa กับทางเทศบาล คือคิดโครงการที่น่าจะช่วยพัฒนาเมืองหรือส่งเสริมอาชีพผู้คนในเมืองได้ ก็มีเขียนโครงการ ‘สวนผักกินได้กินดี’ ส่งเสริมให้ชาวบ้านทั้ง 16 ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมีสวนผักเป็นของตัวเอง โดยสวนที่ว่าไม่จำเป็นต้องมีที่ดินขนาดใหญ่ แค่มีพื้นที่สัก 1×1 ตารางเมตร ก็ทำสวนในรูปแบบแนวตั้งได้แล้ว เริ่มนำเข้าแผน เพื่อที่จะหางบประมาณมาลง และให้ทางเทศบาลร่วมขับเคลื่อนต่อไป
ที่ผมอยากทำให้โครงการนี้มันเกิด ส่วนหนึ่งก็มาจากผมเองด้วย ก่อนหน้านี้พ่อผมเปิดร้านขายผักในตลาด (เฮียนิตย์ผักออร์แกนิก) ซึ่งประสบปัญหาว่าบางครั้งคนปลูกผักส่งประจำให้เรา เขาก็ไม่มีของส่ง เราก็เลยไม่มีของมาขาย ผมก็เลยเสนอว่างั้นเราศึกษาวิธีจากอินเทอร์เน็ท และปลูกผักไฮโดรโพนิกของเราเองแล้วกัน ก็ทดลองเรื่อยมาจนทุกอย่างนิ่ง กลายเป็นว่าผมก็มีรายได้เสริมมาอีก และธุรกิจพ่อก็สามารถรันต่อได้อย่างราบรื่น
เรื่องนี้เลยทำให้ผมคิดว่าถ้าเราส่งเสริมองค์ความรู้ให้ผู้คนในเทศบาลปลูกผักกินเองที่บ้าน หรือแต่ละชุมชนมีสวนกลางสักแห่งที่ให้คนในชุมชนได้มาปลูกและใช้ประโยชน์ร่วมกัน ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย รวมถึงบางคนยังสามารถต่อยอดไปเป็นอาชีพเสริมได้อีก เพราะช่วงหลังๆ ผู้คนเริ่มหันมาสนใจกินอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้นแล้ว ผักปลอดสารเคมีก็เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ ผมเลยเขียนโครงการนี้ไปให้ทางเทศบาลเอาเข้าแผนต่อไป
นอกจากโครงการสวนผัก ทางสำนักงานผมยังร่วมกับทางหอการค้าแก่งคอยมีแผนจะพัฒนาแพลทฟอร์มส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดท่าน้ำแก่งคอย ทำในรูปแบบสมาร์ทไกด์ (smart guide) มีการติดตั้งว่าถ้าใครอยากรู้ความเป็นมาของพื้นที่ อาจจะเข้าไปกดปุ่มฟังเสียงดู เป็น qr code ลองเปิดดูว่าที่นี่มีประวัติความเป็นมายังไง โดยนำร่องจากพื้นนี้ก่อน แล้วค่อยขยายไปตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง
อีกโครงการที่อยากให้เกิดมากๆ คือสมาร์ทบัส (smart bus) อยากให้แก่งคอยเรามีรถวิ่งรอบเมือง เป็นรถพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ เพราะที่ผ่านมา แก่งคอยไม่มีขนส่งสาธารณะ ใครจะมาเที่ยวแก่งคอยก็ต้องขับรถส่วนตัว ช่วงเสาร์-อาทิตย์ รถจึงติดหนัก คนจากรอบนอกก็ไม่อยากเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในตลาด ถ้าเรามีสมาร์ทบัสวิ่งตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง มันจะอำนวยความสะดวกทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวได้เยอะครับ
อาจเพราะผมเกิดและโตที่นี่ด้วย ผมจึงผูกพันกับที่นี่ และไม่รู้สึกว่าจะต้องย้ายไปทำงานที่ไหน มันเป็นความผูกพันแบบที่เห็นคนในตลาดทักทายกันทุกวัน ไปไหนก็เจอคนรู้จัก ขาดเหลืออะไรก็มีคนคอยช่วยเหลือกัน อบอุ่นประมาณนี้น่ะครับ ซึ่งมันแตกต่างจากเมืองใหญ่ที่ถึงผู้คนจะเยอะแยะกว่านี้ จะคึกคักกว่านี้มาก แต่กลับรู้สึกว่าทำไมมันเหงาเหลือเกิน เพราะทุกคนต่างใช้ชีวิต ต่างคนต่างอยู่
แต่นั่นล่ะครับ ถ้ามองในมุมของคนรุ่นใหม่ที่นี่อาจเหงาสักหน่อย เพราะคนรุ่นผมอยู่กันน้อยมากๆ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าเมืองในปัจจุบันมันยังไม่รองรับ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากทำงานนี้ (นักดิจิทัลพัฒนาเมือง) เพื่อเปิดพื้นที่หรือโอกาสใหม่ๆ ให้คนรุ่นใหม่กลับเข้ามาอยู่ด้วยกันที่นี่”
สิรภพ แซ่จึง
นักดิจิทัลพัฒนาเมือง
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…